"บิ๊ก ภุชิสสะ" เผยเหตุที่ ปล่อยตัว จนเผละ พร้อมบอกมี โรคประจำตัว ที่รอผ่าตัด

เป็นอีกคนที่มากความสามารถ เเละหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับอดีตพระเอกดัง "บิ๊ก ภุชิสสะ ศุภธนพัฒน์" เจ้าตัวเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากเวทีการประกวดดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลปี 2002 จนต่อมาได้เป็นนักแสดงชาวไทยในสังกัดสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 สำหรับปัจจุบันเป็นนักแสดงอิสระ เส้นทางเข้าสู่วงการบันเทิงไทย “บิ๊ก ภุชิสสะ” เป็นหนึ่งในสมาชิกศิลปินวงเฟรนด์และเมื่อในปี 2545 เขาเริ่มต้นจากเวทีการประกวดดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลปี 2002 ต่อมาเมื่อในปี 2546 “บิ๊ก ภุชิสสะ”  ได้รับโอกาสร่วมแสดงละครเรื่องแรก เบญจา คีตา ความรัก  แสดงร่วมกับ “น้ำ รพีภัทร  , ซี ศิวัฒน์, นวพล ภูวดล และ ไผ่ พาทิศ พิสิฐกุล” และแสดงคู่กับ เชียร์ ฑิฆัมพร

เมื่อในปี 2551 เขานั้นก็ได้รับงานละครเรื่อง ภูตแม่น้ำโขง เป็นเรื่องสุดท้ายก่อนหมดสัญญาสิ้นสุดการเป็นนักแสดงสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ปัจจุบัน “บิ๊ก ภุชิสสะ” ได้เข้าร่วมพิธีมงคลสมรสกับ “ซินดี้ ช้องมาศ” แฟนสาวนอกวงการคบหาดูใจมานาน 2 ปี โดยจัดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559 โดยหนุ่มบิ๊กหายหน้าหายตาไป จนปรากฏตัวอีกครั้งในวันงานของสาวแตงโม ที่มีการรวมตัวแก๊งนักแสดงจากละครเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเองหลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าหนุ่มบิ๊กนั้นปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่เหลือคราบความหล่อแบบพระเอกแล้ว

ล่าสุดได้เจอหนุ่มบิ๊ก ก็เลยรีบเข้าไปอัปเดตเรื่องราวให้หายคิดถึง เจ้าตัวก็เผยว่า "หายออกจากวงการบันเทิงไปประมาณ 4 ปี ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ ที่ออกเพราะแต่งงานแล้วก็ไปเปิดร้านดอกไม้ที่นครปฐม รวมถึงมองว่าคนในรุ่นเดียวกับเราก็เฟดตัวออกมาแล้ว และเราเองก็ไม่ได้เล่นละครได้หลากหลายขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นตัวร้าย เลยอยากไปหาอาชีพที่มั่นคงขึ้น แต่ยอมรับว่าคิดถึงวงการบันเทิงอยู่ตลอด 

โดยตอนนี้ธุรกิจเริ่มไปได้สวยแล้ว เลยกลับมารับ แต่ก็ไม่รู้จะไหวมากน้อยแค่ไหน เพราะที่หลังเป็นหมอนรองกระดูก เล่นแอคชั่นไม่ได้ เพราะก้มแล้วปวดหลังเลย ซึ่งก็รักษามาเรื่อยๆด้วยการกายภาพทุกเดือน เพราะโรคนี้มันไม่หายขาด มีผลต่อการใช้ชีวิตมาก เรียกว่าลำบากเลย หมอบอกให้ผ่าตัด แต่เราก็พยายามเลี่ยง สำหรับบทบาท จริงๆได้รับบทพ่อ มา 2 ครั้งแล้ว บทสายวายก็รับมาแล้ว เรียกว่ารับได้ทุกแนวก็ติดต่อได้ ยังรับงานละครอยู่

 
ส่วนที่เห็นว่าหน้าตาเปลี่ยนไปเพราะไปทำศัลยกรรมมา อายุ 40 เข้าสู่ 41 แล้ว ก็เลยอยากดูแลตัวเอง โดยไปทำตามา ส่วนคนที่ทักว่าจำไม่ได้ ปล่อยตัว อ้วนขึ้น เพราะไม่ได้ดูแลตัวเอง เหมือนตอนที่อยู่ในวงการ ส่วนตัวก็ไม่ได้นอยด์ที่คนทัก เพราะเขาไม่ได้เจอเราทุกช่วง จริงๆถ้าจะให้ลดก็ลดได้ อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือเปล่า ส่วนใหญ่คนติดภาพลักษณ์ที่เราผอม สมัยนั้นเมื่อ 20 ปี น้ำหนักน้อยกว่านี้ 20 โล แต่มันเพราะช่วงเวลาด้วย เอาจริงๆพอผอมมากก็หาว่าติดยา พออ้วนก็บอกว่าปล่อยตัว หวังว่านี่ยุคใหม่แล้วจะโดนบูลลี่น้อยลง 

ในส่วนของชีวิตคู่ก็แฮปปี้ดี แต่แพลนไว้ว่าไม่มีลูก ตั้งแต่แต่งงานเมื่อ 6 ปีก่อน ไม่เหงา สนุกดี แต่ถ้าจังหวะจะมาก็ปล่อย แต่เราพยายามเซฟกันทั้งคู่ รวมถึงมีแพลนไว้ว่าจะทำหมัน โดยตัวเองขอทำแทนฝ่ายหญิง" 

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Website -  www.komchadluek.net
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek