บันเทิง

อึ้ง "ไฮโซทะเล" บริหาร ธุรกิจ พังยับ ขาดทุน จนมี รายได้ แค่ 6 บาทต่อปี ?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อึ้ง "ไฮโซทะเล" ผู้ต้องหาคดีปล้นทรัพย์ชาวต่างชาติ พบว่ามีการบริหารธุรกิจในมือขาดทุนจนมีรายได้แค่ 6 บาทต่อปี ?

จากกรณีที่นักธุรกิจชาวสิงคโปร์แจ้งความว่าถูก นายธฤต หรือ "ไฮโซทะเล" และ นายเพชร นักธุรกิจด้านวิศวกรรมซอฟแวร์ พร้อมพวก ก่อเหตุปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืนคุมตัวออกจากสถานบันเทิง แล้วขโมยทรัยพ์สินเป็นรถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาเยนน์ จำนวน 1 คัน พร้อมด้วยเงินสด และทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่งรวมมูลค่า 4.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ควบคุมตัวทั้งสองเข้าฝากขังต่อศาลอาญา ในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว” คดีร่วมกันปล้นทรัพย์ นายยาง ฮุย นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ที่สถานบันเทิงย่านเหม่งจ๋าย ร่วมกับพวก 7 คน ร่วมกันปล้นรถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาร์เยนน์ 1 คัน เงินสดและทรัพย์สินกว่า 4.5 ล้านบาท จากนั้นพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ควบคุมตัวไฮโซทะเล และนายเพชร ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาเพื่อไปขออำนาจศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรกเป็นระยะเวลา 12 วัน โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอัตราโทษสูง อีกทั้งยังมีผู้ก่อเหตุอีก 5 คนที่ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว จึงเกรงว่าหากผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้รับการประกันตัว อาจหลบหนีและเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวไปขึ้นรถผู้ต้องหา ซึ่งจอดอยู่บริเวณถนนด้านหลัง สน. ไฮโซทะเลและนายเพชรมีสีหน้าเคร่งเครียด โดยนายเพชรพูดกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ระบุว่า “อยากขอให้ผู้เสียหายออกมาพูดความจริง” ก่อนจะขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาออกไปทันที ขณะเดียวกัน ระหว่างที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขัง มีรายงานว่า 1 ใน 5 คนที่เหลือได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวางเมื่อช่วงบ่ายด้วยเช่นเดียวกัน ล่าสุดเมื่อวานนี้ (12 ก.ค. 65) ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องที่ นายธฤต หรือ ไฮโซทะเล นายเพชร และ นายทบทอง หรือ ทอม ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในความผิดข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์นักธุรกิจสิงคโปร์ ซึ่งทั้งหมดได้ยื่นคำขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมาภายหลังถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง จับกุมดำเนินคดี

ไฮโซทะเล

โดยในส่วนของนายเพชร และ นายธกฤต ศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารร้องขอหมายจับและทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า ผู้ต้องหามีเหตุจะหลบหนี ก่อเหตุร้ายหรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 หรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวน คัดค้านการปล่อยชั่วคราวโดยเหตุผลเดียวว่าคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี เมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแล้ว ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะยืนยัน หรือแสดงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี ผู้ต้องหาทั้งสองมีภูมิลำเนาแน่นอน มีอาชีพการงานชัดเจน ผู้ต้องหาที่ 1 มีบุตรที่ยังเล็กและครอบครัว การหลบหนีน่าจะเป็นผลเสียหาย

ส่วน ผู้ต้องหาที่ 2 มีธุรกิจซึ่งการหลบหนีน่าจะกระทบต่อความเชื่อถือและทางทำมาหาได้ในอนาคตของผู้ต้องหาที่ 2 กรณีมีเหตุในเบื้องต้นว่าความเสี่ยงที่ผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนีอยู่ในระดับปานกลาง จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสอง (ไฮโซทะเลและนายเพชร)มีศักยภาพที่จะสามารถเดินทาง จึงเห็นควรควบคุมด้วยมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น โดยให้เรียกหลักประกันเป็นเงินคนละ 1 ล้านบาท และให้สวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว มีกำหนด 90 วัน หากพนักงานสอบสวน หรือผู้ต้องหาทั้งสองมีเหตุจะให้ระยะเวลาเพิ่มขึ้น หรือน้อยลงให้เสนอพยานหลักฐานต่อศาล เมื่อมีเหตุดังกล่าวในอนาคต และห้ามออกนอกประเทศ ให้แจ้งสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ โดยเมื่อทำสัญญาเรียบร้อยแล้วให้ออกหมายปล่อยได้

 

ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารคำร้องขอหมายจับ ประกอบทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวด้วยเหตุเดียวว่า คดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เมื่อข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนได้ความว่าผู้ต้องหาเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานด้วยตนเอง ผู้ต้องหารับราชการเป็นตำรวจ มีตำแหน่งหน้าที่การงาน มีภูมิลำเนาที่แน่นอนอยู่มาเป็นเวลานาน ไม่น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีไปโดยง่าย จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้หากผิดสัญญาปรับ 500,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาติดต่อยุ่งเกี่ยวหรือเข้าใกล้ผู้เสียหายและครอบครัว

 

อย่างไรก็ตาม ไฮโซทะเล เคยให้ทนายออกมาพูดว่า ไม่คิดจะปล้นเงินแค่ 4 ล้าน เนื่องจากทำธุรกิจได้เงินมากกว่านี้เยอะ แต่ล่าสุดทาง รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ ได้นำเสนอรายงานพิเศษ เข็มทิศ "ครูอ้อย" พาหลงทาง ลูกชายก่อคดีปล้น โดยบางช่วงบางตอนระบุไว้ว่า "มีการขุดไปถึงธุรกิจต่างๆ ที่ไฮโซทะเลทำอยู่ พบว่าส่วนใหญ่ขาดทุน บางบริษัทของเขา รายงานว่ามีรายได้ทั้งปีแค่ 6 บาท

ไฮโซทะเล

นอกจากนี้ยังได้เผยถึง ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต แม่ของ "ไฮโซทะเล" ไว้ด้วยว่า "เข็มทิศ ของครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง คงจะหักหรือเสียศูนย์ ชี้ไปผิดทิศผิดทางเป็นแน่แท้ ชีวิตลูกชายของเธอนาม “ไฮโซทะเล” เลยเจอวิบากกรรม ต้องตกเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง ซึ่งมีกลิ่นอายคล้ายยุคเสธ. ยุคมาเฟียมีสี เวลาบุกเคลียร์หนี้สิน ยังไงยังงั้น เพราะไฮโซทะเล ไม่ได้ไปกับพวกแค่ 2 คน แต่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ตามมาเป็นโขยง รวมทั้งก๊วนก็ 7 คน และบางคนก็เป็นคนมีสีด้วย คำกล่าวหาของผู้เสียหาย ยิ่งช็อกโลกไปใหญ่ เมื่อระบุว่า ไฮโซทะเลกับนายเพชร เล่นพนันออนไลน์จนเจ๊งไปกว่า 10 ล้านบาท จึงมายืมเงินตนเองเพื่อไปใช้หนี้พนัน

ไฮโซทะเล-ครูอ้อย

ข่าวนี้ดังกระหึ่มเมือง เพราะแม่ของไฮโซทะเล ดันชื่อ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ไลฟ์โค้ชเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย เกิดเป็นคำถามงงๆ อ้าว ครูอ้อยมัวแต่ไปสอนใครต่อใคร แต่ลืมสอนลูกชายตัวเองหรืออย่างไร?! ชีวิตถึงได้เป๋ เซแซ่ดๆ ไปแถวประตูเรือนจำ แทนที่จะได้ใช้ชีวิตประสาหนุ่มนักเรียนนอกอังกฤษ กินอยู่หรูหราสุขสบาย ให้คนอิจฉาไปวันๆ หลังเกิดเหตุ ผู้เป็นแม่ก็ใช้วิธีกบดานเงียบ ไม่แสดงตัว ไม่แอะอะไรออกมาทางโซเชียล ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว

ไฮโซทะเล

เอาเข้าจริง เส้นทางชีวิตของครูอ้อย ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีกรณีดราม่าแรงๆ กับเธอ บ่อยกว่าไลฟ์โค้ชคนอื่นๆ แถมข้อกล่าวหาก็ฉกรรจ์ทั้งนั้น เธอเริ่มสร้างชื่อจากการเขียนหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” ตีพิมพ์เมื่อปี 2547 ยอดขายต้องเรียกว่า เบสต์เซลเลอร์ เพราะได้รับการตีพิมพ์ถึง 60 ครั้ง รวม 1.4 ล้านเล่ม แต่หนังสือดังเล่มนี้ มีมลทินมัวหมอง เพราะคนมีโพสต์กล่าวหาว่า ครูอ้อยนำชื่อหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” ของเขา ที่ตีพิมพ์ออกมาก่อน ในปี 2545 ไปใช้เป็นชื่อหนังสือตัวเองดื้อๆ ที่ร้ายแรงกว่านั้น มีคนเปิดโปงว่า เนื้อหาและภาพกราฟิกในเข็มทิศชีวิต ดันไปเหมือนกันอย่างกะแกะ กับหนังสือ “7 Habits of highly effective people” ซึ่งตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2532 โน่น

ไฮโซทะเล

เมื่อสร้างชื่อจากหนังสือสำเร็จ ครูอ้อยก็โกยรายได้มหาศาลจากการเปิดคอร์สราคาแพงๆ ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป จนถึงหลักแสน ได้รับกระแสความนิยมล้นหลาม จากคนที่รู้สึกเคว้งคว้าง อยากให้ครูอ้อยมาเป็นเข็มทิศนำทางชีวิต ภาพที่ครูอ้อยพรีเซนต์ออกมา จะเป็นแนวหญิงพลังบวก ที่ใช้ชีวิตสุขสงบกับการทำสมาธิ และยึดหลักการทางพุทธ แต่ดราม่าที่ถล่มใส่ครูอ้อยอย่างหนัก ก็มาจากดาราคนดังทั้งหลาย ที่โวยวายตรงกันว่า ถูกครูอ้อย มีพฤติกรรมชอบนำชื่อ ภาพ และคลิป ของพวกเขา ไปโปรโมทไม่รู้จบ ถึงขนาดโทรไปแจ้งจำนงตรงๆ ให้เอาออก ก็จะอ้างว่าไม่ได้มีอะไรเสื่อมเสียซะหน่อย หรือบางครั้งก็อ้างดื้อๆ ว่า ดาราเซ็นยินยอมแล้ว เรียกว่ายื้ออย่างสุดฤทธิ์ ที่จะเอาชื่อคนดังมาหากินกับคอร์สเข็มทิศ 

ครูอ้อย

ไม่ว่าจะดาราสาว “เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน” นักร้องดัง “อุ๋ย บุดดาเบลส” รวมถึงไลฟ์โค้ชอย่าง “ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ” แล้วก็มาโดนดราม่าแรงๆ จากอดีตสาวกพันธุ์แท้ อย่างดาราสาว “อาตุ๊ยตุ่ย” ที่ประกาศว่า พอกันที ตาสว่างแล้ว แม้แต่นักธุรกิจดังอย่าง “ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี” ก็เคยเชือดนิ่มๆ ถึงอาการอวดรวยของครูอ้อย ผู้ซึ่งขยันโชว์กระเป๋าแอร์เมสหนังจระเข้ แบบครบทุกสี"


เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Website -  
www.komchadluek.net
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ