
ศิลป์แห่งแผ่นดิน - วัดจุฬามณี แม่น้ำน้อย
ขับรถผ่านอำเภอท่าช้าง สิงห์บุรี ไปตามถนนเลียบคลองชลประทาน เข้าสู่อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
บริเวณพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางที่แสนอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสายหลัก ยังมีแม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี ท่าจีน และลำแม่ลา
แม่น้ำน้อยแยกมาจากเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เช่นเดียวกับแม่น้ำท่าจีน ที่ปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งมีหลวงปู่ศุข เป็นดั่งเทพเจ้าของชาวชัยนาท อุทัยธานี
แม่น้ำน้อยไหลผ่านอำเภอสรรคบุรี บ้านชันสูตร บางระจัน ไปถึงวิเศษชัยชาญ ผักไห่ ชุมชนริมฝั่งแม่น้ำน้อย มีตำนานสืบเนื่องมายาวนาน มีการขุดค้นพบเตาเผาโบราณสมัยอยุธยาตอนต้น จนถึงสมัยพระนารายณ์
ผมขับรถซอกแซกจนมาถึงวัดเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำน้อย คือ วัดจุฬามณี ที่นี่เงียบสงบ... ผมเดินทอดน่องย่องย่างไปบนลานดินกว้าง เข้าสู่ร่มเงาต้นพิกุลใหญ่ วัยชรา ตะลึงภาพเบื้องหน้าคือโบสถ์ และวิหารเก่าแก่อายุราว 200 ปี ที่ยังอยู่ในสภาพเปี่ยมมนต์ขลัง หน้าบันไม้แกะสลักยังอยู่คงสภาพ เจดีย์องค์ใหญ่แบบต้นรัตนโกสินทร์ อยู่ใกล้ๆ กับศาลาไม้ที่มีหลังคาหลายเชิงชั้น ที่ช่างกำลังบูรณะเครื่องบนพร้อมมุงหลังคาใหม่ด้วยกระเบื้อง
ผมเห็นป้ายประกาศเป็น “โบราณสถาน” ก็รู้สึกอุ่นใจในระดับหนึ่งอย่างน้อย อุโบสถ วิหาร เจดีย์ และศาลา หลังนี้ก็มีผู้ดูแลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มิต้องอยู่ไปตามยถากรรม
ผมอ้อยอิ่งอยู่ที่วัดจุฬามณี วัดเล็กๆ แสนเงียบสงบ ลูกชายคนโตดูจะหมดฤทธิ์ ส่วนเจ้าตัวเล็กวัย 1 ขวบ หลับใหลคาอกแม่
วันนี้ผมตระเวนชมวัดมาแล้วหลายวัด มารู้สึกโปร่งโล่งสบายใจ ก็เมื่อได้มานั่งอยู่ใต้ต้นพิกุลใหญ่ หันหน้าไปทาง “โบราณสถาน” ที่ยังไม่ได้รับการปรุงแต่ง ไม่มีเสียงจากเครื่องขยายเสียง ไม่มีเสียงบอกบุญ ไม่มีเสียงเขย่าเซียมซี ไม่มีญาติโยม ไม่มีพระ เณร เถร ชี ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน มีแต่ไก่แจ้สองสามตัว เสียงใบไม้พลิ้วลม เสียงนกร้องบนต้นโพธิ์ เสียงฝีเท้า และเสียงลมหายใจของตนเอง
อุโบสถเก่าแก่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีชายสูงวัย และเด็กชายอีก 2 คน ช่วยกันปัดกวาด ภายในอยู่ บ่ายคล้อยแล้ว ผมยังไม่อยากกลับ ปล่อยเวลาผ่านไปจนเย็นย่ำ กล่าวอำลาองค์เจดีย์ โบกมือให้แม่น้ำน้อย ขับรถจากไปอย่างช้าๆ
"ศักดิ์สิริ มีสมสืบ"