บันเทิง

สู้เด้อพี่น้อง-ม็อบสีชมพูลูกทุ่งเพลงม็อบยุคแบ่งสี

สู้เด้อพี่น้อง-ม็อบสีชมพูลูกทุ่งเพลงม็อบยุคแบ่งสี

14 มี.ค. 2553

“เปิดทีวีก็มีแต่ข่าวปลุกม็อบที่ยังไม่มีคำตอบให้กับสังคม”

 ท่อนหนึ่งของเพลง “สู้เด้อพี่น้อง” ขับร้องโดย นักร้องดาวรุ่งมาแรง ไผ่ พงศธร  แต่งโดย วสุ ห้าวหาญ  กล่าวได้ว่า เพลงนี้ เป็นเพลงนักร้องชายเพลงเดียวในยุคสองปีมานี้ที่สะท้อนภาพปัญหาสังคมออกมาผ่านเพลง เหมือนกับรุ่น 4-50 ปี ที่ศิลปินเป็นกระจกเงาสะท้อนสังคม เนื้อหาเต็มๆ ของเพลง “สู้เด้อพี่น้อง” เป็นดังนี้

 “เปิดทีวีก็มีแต่ข่าวปลุกม็อบที่ยังไม่มีคำตอบให้กับสังคม 

 ชีวิตลูกจ้างอย่างเฮาก็เลยปลิวตามลม

พายุเศรษฐกิจพัดจนตกไกล ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส  ขึ้นไม่ยอมลง

นายจ้างก็คอยแต่โกง ค่าแรงร่ำไป

ลาบก้อย ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว  ขึ้นราคาใจหายก็ช่วยช่วยกันไป

(สร้อย) เด้อพี่น้องบ้านเฮาสู้เด้อ สู้เด้อ สู้เด้อ  สู้เด้อ สู้เด้อ สู้เด้อ พี่น้อง

เฮาเป็นคนบ้านนอกแม่นบ่  ทุกข์ยากมานำกันแม่นบ่เป็นแฮงใจให้กันได้บ่  

มีแต่พวกเฮาที่จะดูแลกันเป็นกำลังใจ ให้คนเฮ็ดไร่เฮ็ดนายามข้าวขึ้นราคา 

ให้ได้เงินหลายหลายพี่น้องชาวโรงงาน ก็ให้นายทุนเห็นใจอย่ากดขี่กันหลาย  

เฮาคนไทยเหมือนกันเป็นกำลังใจให้พี่น้องแรงงาน

เหนือใต้อีสานว่าสู้เด้อ สู้เด้อ สู้เด้อ สู้เด้อ สู้เด้อ  สู้เด้อ สู้เด้อ สู้เด้อ พี่น้อง”

 วสุ ห้าวหาญ คนแต่งเพลงนี้กล่าวถึงที่มาที่ไปของเพลงนี้ว่า

  “ตอนนั้นที่ทำเพลงนี้ให้ไผ่ ผมมีความรู้สึกว่าบ้านเมืองเราอยู่ในภาวะของความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ ปากท้อง ความเป็นอยู่ของคนในประเทศตั้งแต่ชนชั้นรากหญ้าพี่น้องในต่างจังหวัดขึ้นมาถึงชนชั้นกลางในเมือง  เลยรู้สึกว่าทุกคนเดือดร้อนเหมือนกันหมด เลยอยากเขียนเพลงขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจให้ทุกคนต่อสู้กับปัญหาในชีวิตประจำวัน  ผ่านมันไปให้ได้” วสุกล่าว

  เพลง “สู้เด้อพี่น้อง” เป็นเพลงที่เหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จประเภทเพลงให้กำลังใจคนใช้แรงงาน แต่แยบยลด้วยการใช้ภาษาที่แอบวิพากษ์การเมืองไว้ในอีกมุมมอง คือ ไม่ได้ชี้ผิดชี้ถูก แต่วางปริศนาไว้ว่า ยังไม่มีคำตอบจากสังคม ซึ่งอันที่จริงแล้วคนที่จะให้คำตอบได้ก็คือ ทุกคนในสังคมนั่นแหละ

 กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพลงลูกทุ่งเพลงนี้ดีกว่าเพลงเพื่อชีวิตในยุคนี้ ที่อุดมแต่ ”กากเพลง” ไม่กล้าแม้แต่จะวิพากษ์วิจารณ์สังคมเช่นในอดีต นักแต่งเพลงจำนวนมาก หัวหดอยู่ในกระดองเหมือนเต่า บางคนกลายเป็นทาสรับใช้กลุ่มไม่ประสงค์ดีกับประเทศชาติ

เพราะเพลงลูกทุ่งหรือเพื่อชีวิตรุ่นใหม่ จับแต่เรื่องโทรศัพท์มือถือ คนแอบรักหรือเป็นชู้กันหรือหนุ่มสาวอกหักตะพึดตะพือ มาเล่นกันจนเอียน

 ไม่จำเป็นว่าเพลงที่แสดงออกเรื่องความคิดทางการเมือง จะต้องดุเดือดเหมือนเพลงปฏิวัติสมัยก่อน เพียงแต่เพลงสามารถแฝงสัญลักษณ์ หรือแทรกแนวคิดอะไรบางอย่างลงไปในเพลง ก็สามารถทำให้เพลงน่าฟังได้ เพลง ”สู้เด้อพี่น้อง” จึงเป็นตัวอย่างที่ลงตัวในวันนี้

 อีกเพลงหนึ่งซึ่งนักร้องฝ่ายหญิง ที่ภาพดูเป็นสาวอาโนเนะ แต่เธอก็มีเพลงที่สะท้อนสังคมในอีกมุมมองที่ดูน่ารัก หักมุมได้อย่างชาญฉลาด นั่นคือเพลง “ม็อบสีชมพู” ของสาวเสียงพิณ จินตหรา พูนลาภ ซึ่งอยู่ในชุด จินตหราครบเครื่อง 3 เพลงนี้แต่งโดย แคน ภูจอง หรือ วีระเดช ไกรศรี หรือ อ๋อน มหาสนุก โดยเนื้อเพลงแม้จะเป็นเรื่องความรักแต่ก็นำเอาม็อบสีแดงสีเหลืองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงได้ดีทีเดียว

 “สู้มั้ย สู้มั้ย สู้ เอามั้ย  เอามั้ย เอา เอา ดีมั้ย ดีมั้ย ดี ดี  ม็อบเหลืองไม่แข่ง ม็อบแดงตัวน้องบ่สู้ ม้อบน้องม้อบสีชมพู ประกาศให้รู้อยากมีคู่ใจ

  เป็นโสดมานาน บ่อยากขึ้นคานย่านปีนบ่ไหว สมานฉันท์กันด้วยหัวใจ ผู้ใด๋ก็ได้ขอให้มาดแมน สองฝักสองฝ่าย ก็ไม่เป็นไรถ้าใจตรงกัน

  ขัดแย้งเรื่องงานเท่านั้น เรารักกัน รักกันมั่นแก่น ปลุกม็อบหัวใจ สู้ต่อไปบนทางสายแฟน ปีนี้ขอเว้าแปนแปน อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน

  (แร็พ)  ม็อบเหลืองม็อบแดงบ่เกี่ยว ม้อบขาว ม้อบเขียวโตน้องบ่ฮู้ (โย่ว) ม็อบน้องม็อบสีชมพู ประกาศให้ฮู้ คือม็อบหัวใจ (โย่ว) มาถ้าแม้ไผอยากมีแฟน

  เว้าแบบแข่นแข่นมาโฮมกันได้ (โย่ว) (โย่ว)  สีชมพูคือม็อบหัวใจ (โย่ว) (โย่ว)  สีชมพูคือม้อบหัวใจ จับมือกันไว้สู้ตายเรื่องแฟน

   ผู้ชายดีดีทำไมถึงมีเมียแล้ว สงสัยต้องซดน้ำแห้ว จอดบ่แจวแล้วนอสายแนน กอดคอกันไว้ กลุ่มสตรีไทยไผอยากมีแฟน ม็อบนี้ขอเป็นตัวแทน คนบ่มีแฟนอยากมีคู้ใจ สู้มั้ย  สู้มั้ย สู้ สู้

  เอามั้ย  เอามั้ย เอา เอา  ดีมั้ย ดีมั้ย ดี ดี  ดีจังเลยอ่ะ มี บอละน้อน้ออ้าย  มี บอละน้อน้ออ้าย กล้ามใหญ่ๆ ไผอยากมีแฟน

  มาฮักกันสาละน้อมั่นแม่น เป็นแฟนน้องบ่ห่างหาย อยากสลายม็อบหัวใจมาโลด ฟ้าวกระโดนมาไว้เด้อพี่ ม็อบสีชมพูบ่เคยย่าน  ม็อบสีชมพูบ่เคยย่าน สู้มั้ย สู้มั้ย สู้ สู้  เอามั้ย เอามั้ย เอา เอา ดีมั้ย ดีมั้ย ดี ดี มันดีอยู่แล้ว”

 แม้ว่าจะเป็นเพลงรักแบบสาวโสดอยากมีสามี แต่หลายประโยคก็ทำให้ได้คิด อาทิ “สองฝักสองฝ่าย ก็ไม่เป็นไรถ้าใจตรงกัน” แค่นี้ก็โดนใจแล้ว อ๋อน มหาสนุกคนแต่งเพลงนี้ กล่าวถึงแรงบันดาลใจที่ได้เขียนเพลงว่า

  "ตอนนั้นมองว่าทำไมคนไทยต้องแบ่งแยกกันด้วย คุณสีนั้นฉันสีนี้ เพลงนี้อารมณ์โดยรวมอยากให้คนรักกัน ผมจะเขียนเพลงแฝงๆ ล้อเลียนนิดหน่อย คือตั้งใจมาก ที่จะบอกเขาว่าคนเราไม่ว่าสีไหนก็คนด้วยกัน ขอให้รักกันดีกว่า ถ้าเป็นเรื่องรักๆ สู้ตายเลย (หัวเราะ) ตอนผมเขียนการ์ตูนล้อก็จะมีการเปรียบเทียบอยู่ตลอด" อ๋อนกล่าว

 เมื่อถามว่าการเขียนเพลงล้อเลียนการเมืองหรือม็อบไม่กลัวจะได้รับผลกระทบกับอาชีพหรือ นักเขียนการ์ตูนฝีมือดีกล่าวแบบยิ้มๆ ว่า  "ความตั้งใจที่จะเห็นความรักเกิดขึ้นกับคนไทย กับสังคม เราเป็นศิลปินเป็นนักเขียนก็สะท้อนมุมมองของเราออกมา เราไม่ได้เลือกว่าจะต้องเป็นสีอะไร เราไม่นิยมตรงนั้นอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไร

 วันนี้คนทำงานเพลงทั้งลูกทุ่งเพื่อชีวิต น่าจะย้อนถามตัวเอง ว่าจะนำเสนอเพลงออกมาแค่แนวประโลมโลก เพื่อหาเงินไปวันๆ หรือเพลงสำหรับร้องในผับเพื่อคนขี้เมาเท่านั้นหรือ ในเมื่อหลายคนลืมตาอ้าปากอยู่ดีกินดีจากเงินของประชาชนที่มาอุดหนุนเพลงหรือคอนเสิร์ต ทำไมไม่คิดทำเพลงเพื่อสังคมเพื่อตอบแทนประชาชนทางอ้อมกันบ้าง" นักแต่งเพลงคนเดิมกล่าว