แก๊งทนายสู้กลับหลัง "ส.ส.เต้" ขู่ยกแพ็ค "ตั้ม-รณณรงค์" ฟาดแรงหน้าสั่น

โดย "ทนายเดชา" ได้นำคลิปเสียงที่ "ส.ส.เต้" ข่มขู่มาเผยแพร่กับสื่อมวลชน ใจความว่า 

ส.ส.เต้ – คณะตลก พี่เดชาพูดไม่ได้
ทนายเดชา – อืม
ส.ส.เต้ – พี่เดชารู้เปล่าถ้าเป็นคนอื่นเนี่ย ผมส่งคนไปกระทืบแล้ว
ทนายเดชา – เข้าใจๆ
ส.ส.เต้ – พี่เดชาเข้าใจเปล่า นิสัยผมไม่ค่อยใช้กฎหมายนะ
ทนายเดชา – เข้าใจๆ
ส.ส.เต้ – แล้วพี่เดชาจะหยุดป่ะล่ะ ถ้าพี่เดชาสัญญากับผมว่าจะหยุด ผมก็จะไม่ทำอะไรพี่
ทนายเดชา – ก็ให้ความรู้ทางกฎหมาย ไม่ได้เหรอ หรือยังไง
ส.ส.เต้ – คณะตลกมันเหมาะสมไหม ผมเตือนพี่นะ ผมเตือนพี่นะ
ทนายเดชา – พวกตั้ม รณณรงค์ รัชพล ต้องไปเตือนเขาไหมเนี่ย
ส.ส.เต้ – ผมเตือนหมดทุกคน ผมเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
ทนายเดชา – อืม
ส.ส.เต้ – คือผมจะใช้วิธีนอกระบบ ผมพูดตรงๆ นะ
ทนายเดชา – ครับ
ส.ส.เต้ - เออ ถ้าอยากลองก็เจอกัน
ทนายเดชา – อืม
ส.ส.เต้ – ถ้าคิดว่าแน่นะ
ทนายเดชา – อืม
ส.ส.เต้ – ให้หยุดทุกคน เพราะไม่งั้นผมจัดการหมดทุกคนจริงๆ

งานนี้แก๊งทนายที่อยู่ทีมเดียวกันอย่าง "ทนายเดชา-ทนายตั้ม-ทนายรัชพล-ทนายรณณรงค์" ก็ไม่อยู่เฉย ด้านทนายเดชา บอกเลยว่าวันนี้ (30 พฤษภาคม 2565) จะไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ที่กองปราบฯ กรณีถูกนายมงคลกิตติ์ ข่มขู่จะกระทืบ หากไม่หยุดวิจารณ์คดีแตงโม ในเวลา 11.00 น. และยังบอกอีกว่าเป็นถึงส.ส.มาข่มขู่ประชาชน น่าจะโดนถอดถอนออกจากการเป็น ส.ส. เป็น ส.ส. ไม่ได้เป็นโจร ผมไม่เคยกลัวคนพวกนี้

นอกจากนี้ทนายในแก๊งนี้อีก 2 คนอย่าง "ตั้ม-รณณรงค์" ยังออกมาฟาดถึง ส.ส.เต้ แบบแรงไม่มีแผ่ว 

"ทนายตั้ม" หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "วันที่คุณไม่เกี่ยวข้องกับคดี คุณนี่จุ้นยิ่งกว่าใครจนเจอฟ้อง ตอนนี้ได้รับแต่งตั้งไม่กี่วัน ขู่เป็นหมาหน้า 7-11 เลย เป็นแค่คนปัดเศษ กลับหลงระเริง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มขู่ คนนั้น คนนี้ ที่พูดจาไม่เข้าหู คิดว่าเขากลัวคุณกันหรือไง ถ้าช่วยเพราะเจตนาดี ใครเขาก็ดูออก แต่นี่รับเงินเดือนประชาชน แต่ไปอวยมิจฉาชีพ คนที่สร้างพยานหลักฐานเท็จ ปกป้องคนกระทำผิดอย่างผู้ร้ายข้ามชาติ หมดศรัทธาครับ"

ขณะที่ "รณณรงค์" แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเช่นเดียวกันว่า "ทำงานมาเป็นสิบๆปีเจอคนขู่มาก็เยอะ ทั้งตำรวจ ทหาร มาเฟีย มือปืน ถ้ากลัวคงไม่มายืนอยู่จุดนี้หรอกครับ แต่ส่วนนึงผมก็เข้าใจแหละคนที่เสียผลประโยชน์เค้าก็ย่อมไม่ชอบเราเป็นธรรมดา แต่เห็นขู่ผ่านสื่อเราคงนิ่งไม่ได้ ต้องดำเนินคดีเพราะเดี๋ยวประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเด็กๆมาเห็นจะเอาเป็นแบบอย่างคิดว่าการข่มขู่กันผ่านสื่อสามารถทำได้ไม่มีกฎหมายเอาผิด"