น้องสาวเผย "เฉลิม วงศ์พิมพ์" ไม่รู้ตัวเป็นโรคหัวใจหลังเสียชีวิตกะทันหัน

โดยเรื่องนี้สร้างความรู้สึกช็อกให้กับคนที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่คาดคิดว่า "เฉลิม วงศ์พิมพ์" จะจากไปเร็วในวัยเพียงเท่านี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ครอบครัวได้เคลื่อนศพมาบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 6 วัดลาดพร้าว และมีพิธีรดน้ำศพ เวลา 16.00 น. จากนั้นมีพิธีสวดอภิธรรม เวลา 18.00 น. ไปจนถึงวันจันทร์ที่ 30 พ.ค. ก่อนจะฌาปนกิจในวันอังคารที่ 31 พ.ค. เวลา 15.00 น. ที่เมรุวัดลาดพร้าว  สำหรับบรรยากาศในงานสวดอภิธรรมคืนแรกทาง ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า มีครอบครัวและญาติสนิท รวมถึงคนในแวดวงบันเทิงเดินทางมาร่วมงานมากมาย อาทิ แดง ธัญญา วชิรบรรจง, ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล, โอลิเวอร์ บีเวอร์, อ๊อด บัณฑิต ทองดี, ทนงศักดิ์ ศุภการ, หลุยส์ เฮสดาร์ซัน ฯลฯ พร้อมกันนี้ยังมีคนดังในวงการส่งพวงหรีดมาร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

พร้อมกันนี้ยังได้พูดคุยกับ "ยุ้ย ชลธิชา วงค์พิมพ์" น้องสาวของ "เฉลิม วงค์พิมพ์" ซึ่งเธอเผยว่า 

"ผลชันสูตรก็คือระบบหัวใจล้มเหลว เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจตายค่ะ ถ้าจากที่สอบถามกับเพื่อนๆ เขา เขาเคยบ่นว่าเหนื่อยง่าย รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด เคยมีวูบเหมือนจะตกบันไดด้วยค่ะ แต่กับตัวยุ้ยเองเขาไม่เคยพูด ไม่เคยบอกอะไร แต่ว่าก่อนที่เขาจะเสียมีการโทรศัพท์พูดคุยกับทีมงาน บอกว่าเจ็บหน้าอก หายใจไม่ได้ รู้สึกอึดอัด ขอนอนก่อน แต่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยทราบ เพราะเขาไม่เคยบอกอะไร แต่จากที่คุยกับคุณหมอ คุณหมอก็คิดว่าเขาน่าจะมีอาการแล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอก หรือเก็บอาการ เพราะอาการเยอะ อาการค่อนข้างหนักแล้ว แต่ก็ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ทางครอบครัวก็ไม่เคยทราบ และพี่เฉลิมก็ไม่เคยตรวจ เขาเองก็คงจะไม่ทราบว่าป่วยเป็นโรคนี้ เพราะว่าแกทำงานหนักด้วย นอนดึก ออกกองไปบล็อกช็อต ร่างกายมันอาจจะรวนด้วย"

"ทางยุ้ยก็มาทราบเมื่อวานตอนบ่ายโมง มีน้องทีมงานที่ชื่อต้นโทร.ไปหาและแจ้งว่าพี่เฉลิมเสียชีวิตแล้วนะ เราก็ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ตั้งสติอยู่ครึ่งชั่วโมงได้กว่าจะคิดออกว่าเราจะต้องนั่งรถมาที่พักเขา เพราะแกอยู่คนเดียวกับน้องหมาอีกหนึ่งตัว เหมือนทีมงานเห็นว่าเลทแล้ว น้องเขาก็เลยพยายามโทร.ตาม แต่ก็ติดต่อไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องให้นิติฯ มาเปิดประตูให้ พอเข้าไปก็เสียชีวิตแล้ว ผลชันสูตรทางกู้ภัยบอกว่าเสียชีวิตไปประมาณ 5-6 ชม. แล้วค่ะ น่าจะเสียตั้งแต่เช้ามืด เพราะตอนที่เปิดเข้าไปเจอก็ประมาณเที่ยงครึ่งถึงบ่ายโมงแล้ว ก็ช็อกค่ะ คำว่าตกใจอาจจะน้อยไป เพราะว่าทำอะไรไม่ถูกเลย ถ้าไม่ได้เพื่อนๆ ในวงการของพี่เฉลิมก็ไม่รู้จะนับ 1 2 3 ยังไงเหมือนกัน ไม่งั้นงานก็จะไม่ออกมาดีได้ขนาดนี้ พี่เฉลิมแกก็ไม่ได้มีครอบครัว แกโสด แล้วก็อยู่กับแค่น้องหมา"

"พี่เฉลิมแกเป็นคนห้าวๆ ตลกๆ แต่ถึงเวลาทำงาน ถ้าเครียดก็จะเครียดมากเลย แต่แกก็เป็นที่รักของทีมงานค่ะ เพราะทุกคนจะบอกตลอดว่าพี่ยุ้ยไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวเราจัดการให้ ทำงานกับพี่เฉลิมมานาน ผมเต็มที่ พี่ทำใจให้สบายอะไรประมาณนี้ค่ะ จริงๆ เราก็บอกเขาตลอดว่าให้รักษาสุขภาพ แต่เขาเป็นคนไม่ไปหาหมอเลย และเขาจะบอกตลอดว่าเขาจะไม่แต่งงานหรอก ฉันสร้างบ้านไว้ที่ต่างจังหวัด พอแก่ตัวไปพี่ชายกับน้องสาวก็คือเขากับเราก็ไปดูแลกันเองแล้วกันนะ ก็คือตายายแก่ๆ สองคนก็ดูแลกันไป เรื่องงานที่ค้างแน่ๆ น่าจะเรื่อง ขวางทางปืน เท่าที่ทราบนะคะ แต่นอกเหนือจากนี้ไม่ทราบจริงๆ เพราะเขาไม่ค่อยเอาเรื่องงานมาคุยด้วยเท่าไหร่ ตัวยุ้ยเองก็คงไม่ได้มาสานต่อด้านนี้ด้วย ยังไม่ได้คุยกับทีมงานเลย แค่คุยเรื่องถ้าหลังจากนี้ เพราะพี่เฉลิมเป็นหัวหน้าครอบครัวเลย ก็คือเป็นเสาหลักเลย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ค่อนข้างชราแล้ว พี่เขาก็จะกังวลว่าหลังจากนี้พ่อกับแม่จะยังไง เพราะพี่เฉลิมแกก็ค่อนข้างห่วงพ่อกับแม่มาก"

"กำหนดการหลังจากนี้ก็คือจะสวดอภิธรรมอีก 4 คืนค่ะ คืนนี้เป็นคืนแรก ก็สวดถึงวันที่ 30 พอวันที่ 31 พ.ค. ก็จะมีพิธีฌาปนกิจค่ะ เรื่องอัฐิยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่เลยว่าจะเอายังไง แต่เขาพูดแค่ว่าถ้าเขาเสียก่อน ถ้าเผาก็ให้เอาเถ้าอัฐิเขากลับบ้านที่เขาสร้างไว้ อยู่ที่ปากช่องค่ะ เพราะหมาที่เขารักหลายๆ ตัวก็ฝังอยู่ที่นั่น เขาจะกลับไปอยู่กับหมาค่ะ แกก็เคยสั่งเสียไว้ จริงๆ เคยมีพี่สาวที่เสียตั้งแต่ยังสาวๆ ตั้งแต่อายุ 21-22 เราก็เลยไม่เคยมองว่าเรื่องของความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว ก็สั่งเสียกันไว้ว่าถ้าเราเสียก่อนให้ทำยังไง ถ้าเขาเสียก่อนให้ทำยังไง เคยคุยกันไว้เป็น 10 ปีได้แล้วค่ะ จริงๆ พ่อกับแม่มีลูก 4 คนค่ะ ก็คือพี่เฉลิมเป็นคนโตเพิ่งเสียไป และพี่สาวคนที่สามเสียไปแล้ว ก็เหลือพี่ชายคนที่สอง และยุ้ยเป็นคนสุดท้ายค่ะ ส่วนตอนนี้น้องหมาของพี่เฉลิมอยู่กับยุ้ยค่ะ ยุ้ยคงต้องดูแลเหมือนเดิม เพราะจริงๆ ก็เป็นตัวที่ยุ้ยซื้อให้เขานั่นแหละ บ้านหลังนั้นก็คงให้คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ ส่วนเรื่องคนที่จะมาดูแลงานตอนนี้ยังคิดกันอยู่ว่าจะยังไงค่ะ"