"บังแจ็ค" ปัดเกี่ยวโพส FB แตงโม รับ คุยสนิทกับแม๊

หลังจากเจอคุณอัจฉริยะ เป็นครั้งแรก เขาได้ยื่นเรื่องขอให้กรรมธิการประสานไปยัง DSI ให้ตรวจเรือลำเกิดเหตุใหม่ โดยให้เน้นตรวจหาคราบเลือด และได้แนะนำเขาในเชิงวิทยาศาสตร์เรื่องของคลิปหลักฐาน ว่าอย่าส่งไปให้ใครปรับแต่งให้มันชัดหรืออย่างอื่นก็ตาม เดี่ยวมันจะไม่สามารถใช้ได้ในเชิงหลักฐาน อีกข้อหนึ่งคือ เขาคิดว่าเกิดการต่อสู้กันเลยแนะนำว่าอะไรบ้างที่สามารถยืนยันได้ในทางวิทยาศาสตร์  

อีกเรื่องที่คุณอัจฉริยะติดใจ และทุกคนติดใจ คือแผลใหญ่ที่ขา ที่แม้แต่หมอนิติเวชก็ไม่สามารถชี้ชัดว่าแผลใหญ่อันนี้เกิดจากใบพัดเรือ เพราะขอบแผลมันเรียบมาก ซึ่งหลังจากที่ผลชันสูตรออกมาว่าแผลนี้เกิดก่อนเสียชีวิต มันจะเหลืออยู่ 2 อย่าง คือเกิดตอนอยู่ในน้ำหรือเกิดก่อนตกน้ำ ถ้าหากเกิดก่อนตกน้ำที่เกิดเหตุก็อาจจะเป็นบนเรือ จึงต้องตรวจเรือเพิ่มแต่การตรวจหาคราบเลือดด้วยลูมินอลมันมีข้อจำกัด คือถ้ามันตรวจแล้วสถานที่ไม่มืดพอ ก็จะไม่ชัดเจน อย่างตอนกรรมธิการไปที่โรงพัก ตอนนั้นเรืออยู่ที่กลางแดดเราเลยขอให้ตรวจอย่างระมัดระวัง ดังนั้นคุณอัจฉริยะเลยอยากให้ตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้จะไปร้องขอทางไหน ทางกรรมธิการเลยช่วยดำเนินการให้

ขณะที่เวลาผ่านมากว่า 3 เดือนก็ยังสามารถตรวจหาคราบเลือดได้ ขอแค่ให้มันอยู่ในลักษณะที่แห้งไว้ ถึงแม้จะมีการล้างเรือไปแล้วก็ตาม เพราะในขั้นตอนการตรวจสามารถระบุได้ว่าเกิดการล้างทำความสะอาด ซึ่งเมื่อไหร่เกิดการทำความสะอาดถือว่าระบบมันล่มจะกลายเป็นประเด็นทันที เพราะเป็นลักฐานสำคัญ การทำความสะอาดถือเป็นการทำลายหลักฐานที่สำคัญยิ่ง 

"ทำไมระบบรัฐฯ ของประเทศไทยถึงปล่อยให้การต่อสู้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม ทำไมถึงไม่มีหน่วยงานอื่นมารองรับทุกคนพยายามใช้สื่อเพื่อให้เกิดการยอมรับ และนำเข้าสู่สำนวน ทำไมมันยากจัง" แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แผลนี้เป็นกุญแจสำคัญ เพราะมันสามารถบอกจุดตกเรือได้ เนื่องจากแผลนี้มีความสม่ำเสมอของแผลแสดงให้เห็นได้ว่าร่างเขาต้องผ่านกระแสน้ำที่นิ่ง ดังนั้นกระแสน้ำที่นิ่งคือตกช่วงหัวเรือ แต่ว่ากุญตัวนี้ยังไม่สามารถใช้ได้เพราะตำรวจเขาไม่อยากฟัง หาว่าเราเข้าไปแทรกแซง พูดกับใครก็ไม่มีใครเข้าใจ จนกระทั่งได้ออกมารายการ"ถกไม่เถียง" ที่คุณทิน และคุณเอ็กซ์ มาช่วยกันไขปริศนาว่าจุดตกคือ 12 นาฬิกา และล่าสุดไปเที่ยวไปกับอาจารย์ซึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเจ็ทสกี เขาก็ยืนยันว่าจุดตกคือหัวเรือ กุญแจนี้เป็นการบอกจุดตกเรือทางวิทยาศาสตร์ว่าตกตรงไหน แต่พยานบุคคลกลับบอกว่าตกท้ายเรือ ส่วนตัวคิดว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มีน้ำหนักมากกว่าพยานบุคคล ทีนี้ผู้รวบรวมข้อมูลควรจะเชื่อใครก็ตามแต่จะพิจารณา 

ด้าน อะตอม สัมพันธภาพ เพื่อนสนิทของแตงโม กล่าวว่า เท่าที่เห็นโพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่คนสนิทแตงโมแน่นอน ด้วยวิธีการเขียนต่างๆ และตนเองได้มีโอกาสได้คุยกับคนสนิทของแตงเกือบทุกคน และทุกคนต้องการจะวางเฉย ไม่เคลื่อนไหว จึงน่าจะเป็นคนอื่นมากกว่า ส่วนในมุมข้อมูล ตนโอเคกับภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่โอเคตรงที่มาใช้เฟซบุ๊กของเพื่อนเรามาทำการโพสต์ แถมยังสวมรอยว่ายังไม่ตายบ้าง นู้นนี่นั่นบ้าง มันดูไม่ดี ซึ่งเขาสามารถเอาภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ทางอื่นได้ โดยคิดว่าคนที่โพสต์ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ที่เชื่อแบบนี้เพราะว่า คดีใหญ่ๆแบบนี้ จะต้องมีหน่วยงานตรวจสอบได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ส่วนประเด็นเรื่องที่ตนโพสต์ เพราะว่าตนรู้มาว่าคนที่ตนรู้จักถูกข่มขู่ เลยโพสต์ข้อความนี้ออกไปว่าเราไม่เคยกลัว เพราะอยากได้ความถูกต้อง ความยุติธรรมให้เกิดกับเพื่อนตนมากที่สุด 

สำหรับคดีนี้ ตนมีข้อสงสัยอยู่หลายอย่าง เพราะหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนตกน้ำตนไปรอเพื่อนที่ท่าน้ำอยู่ 2 วัน โดยเฉพาะวันที่ 2 ไปหาสองเวลายันดึก ทั้ง 2 วันเจอแต่คุณเบิร์ด แฟนแตงโม แต่ไม่เห็นคนบนเรือสักคน จนกระทั่งวันเจอศพก็ยังไม่เห็น จากนั้นถามทางกู้ภัยว่าจะพาร่างเพื่อนของตนไปที่ไหน เขาก็บอกว่าเดี่ยวไปเจอกันที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ตนก็รออยู่ประมาณชั่วโมงกว่า ร่างก็ยังไม่มา จึงเดินไปถามทางห้องดับจิตเขาบอกกลับมาว่า เขาเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน กลับรถบนทางด่วน ไปที่โรงพยาบาลตำรวจแทน หลังจากวันนั้นก็สงสัยการทำงาน และไม่เชื่อในกลุ่มที่บอกให้เปลี่ยนเส้นทาง แต่ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในคุณหมอพรทิพย์ และเชื่อมั่นในอัยการอยู่ ตอนนี้ตนก็รอคำแถลงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และตนเชื่อคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ มากกว่าคำพูดของคนที่กล่าวมาต่างๆ ทำให้ตนไม่เชื่อ 

ส่วนประเด็นเรื่องแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ในมุมของเพื่อนสนิท ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแตงโมเป็นคนวางตัวดีโดยเฉพาะเจอคนใหม่ๆยิ่งวางตัวดี และวันนั้นบนเรือที่เกิดเหตุมีคนที่แตงโมพึ่งเคยเจอครั้งแรกอยู่ ต่อให้มีเพื่อนอยู่ยังไงก็ไม่กล้า อันนี้ตนพูดในฐานะเป็นเพื่อนสนิทกันกว่า 20 ปี 

ขณะที่ประเด็นที่คุณแม่แตงโมบอกว่า ตัวแตงโมทะเลาะกับกระติก ตนเองยังไม่รู้ข้อมูลเท็จจริงเลยไม่ขอพูดกลัวจะผิดพลาดไป แต่เท่าที่รู้คือแตงโมได้งานส่วนใหญ่จากตัวเองทั้งสิ้น จากการถามคนสนิทแตงโม   

ส่วน บังแจ็ค ผู้ตกเป็นประเด็นว่าเป็นผู้โพสต์รูปในช่วงที่ผ่านมา เผยว่า ตนไม่ได้เป็นคนโพสต์ภาพต่างๆ ถ้าตนเป็นคนโพสต์คงออกมาพูดแล้ว และขอถามทนายตั้มว่าทำอะไรบ้าง ทำไมถึงออกมาสกัดคนคนนู้นคนนี้ ทั้งๆที่ข้อมูลต่างๆเป็นประโยชน์ต่อคดีของแตงโม ส่วนหากจะบอกว่าตนเป็นคนโพสต์ ก็เอาหลักฐานมาแสดง

ส่วนเรื่องว่าคุณแม่แตงโมเป็นคนโพสต์หรือเปล่านั้น ตนเองคุยกับแม่แตงโมเป็นประจำ คุยกัน 2-3 ชั่วโมงก็มี ตัวคุณแม่เองเป็นคนซื่อ ไม่น่าจะเป็นคนโพสต์ได้ เพราะขนาดแอดไลน์คุณแม่ยังทำไม่เป็นเลย เรื่องไอที หรือเอารหัสไอคลาวด์มาแกจะเก่งได้ยังไง  

ขณะที่ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่าคนที่สามารถใช้เฟซบุ๊กคุณแตงโมได้เนี่ย หนึ่งคือ ก่อนหน้านี้อาจจะมีการล็อกอินไว้ก่อนหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าคุณแตงโมอนุญาตให้คนนี้ล็อกอินไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต สองอาจจะถูกแฮ็คหรือเปล่า ส่วนประเด็นที่สามคือการที่บุคคลนั้นได้พาสเวิร์ด ยูสเซอร์เนม ของเครื่อง จึงเข้าไปสู่ไอคลาวด์ได้ และเอารูปภาพจากไอคลาวด์ออกมา ทำให้รูปภาพจากมือถือของแตงโมออกมาปรากฎ และสามารถเข้าไปสู่เฟซบุ๊กได้ ดังนั้นใครมีไอคลาวด์ของเราเนี่ย ก็จะเป็นตัวแทนเราได้ แฮกได้อัตโนมัติได้เลย

การล็อกอินเข้ามามันจะปรากฏตัวตนผู้ล็อกอิน แต่ที่เราไม่ได้กังวล เพราะตอนนี้เราส่งเรื่องตรวจสอบประสานงานกับเฟซบุ๊กไปแล้ว ทางเฟซบุ๊กก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ตอนนี้รอทางเฟซบุ๊กส่งข้อมูลกลับมา ว่าจุดของไอพีเครื่องโพสต์จากที่ไหน แต่ยังไม่สารถระบุได้ว่าเฟซบุ๊กจะให้ข้อมูลเมื่อไหร่ แต่ตนได้ประสานงานเร่งอย่างด่วนที่สุดแล้ว

สุดท้ายขอฝาก ว่าตอนนี้ในเฟซบุ๊ก Happy Melon official มีมิจฉาชีพเข้าไปแปะลิงค์ต่างๆไว้แล้ว หากกดเข้าไปประชาชนจะถูกแฮ็คได้ จึงฝากเตือนภัยไว้

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com หรือติดตามทางยูทูปได้ทาง https://youtu.be/H4bME1Ny0YQ