"ไอซ์ อภิษฎา" เผยความรู้สึกครั้งแรกหลังคนเมาท์เป็นของเล่นไฮโซ

โดยสาว "ไอซ์ อภิษฎา" ได้เผยผ่านทางรายการ มารีฝากไว้ให้คิด ทางช่องยูทูบ One Playground เมื่อวันที่ 17 พฤษาคม 2565 โดยเริ่มที่เรื่องข่าวเมาท์ที่ว่าเป็นของเล่นไฮโซ กระแสข่าวคู่กับไฮโซ ซึ่งไอซ์ก็บอกว่า น่าเบื่อมาก ข่าวมีมาตั้งแต่เข้าวงการเลย จนทุกวันนี้ไปรายการไหนก็ยังมีคำถามนี้ รู้สึกยังไงมองเป็นของเล่นไฮโซ มีครั้งหนึ่งเคยตอบแล้วไม่คิดว่าเขาเป็นของเล่นเราบ้างเหรอ เขาเลือกมาจีบเราก่อน เราก็ดูว่าโอเคไหม ก็ชอบกันรักกัน จริง ๆ ก็มองให้เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ได้มองแบบโลกสวยเราก็ต้องการคนที่ดูแลตัวเองได้ เขาก็ต้องการคนที่ดูแลตัวเองได้เช่นกัน ต้องเลือกคนที่ดูแลตัวเองได้ทั้งคู่ แล้วเลือกคนที่ไลฟ์สไตล์ใกล้ ๆ กัน

โดยสัญชาตญาณเราไม่อ่อยใครเราไม่ชอบใครก่อน เราเป็นแบบเริ่มจากศูนย์ มีช่วงหนึ่งที่โสด เพื่อนก็บอกให้เปิดไอจีเลย ชอบคนไหนจิ้มเลย เพราะดูจากแฟนเราแต่ละคนแล้วเดาสเปกไม่ออก แต่เรารู้สึกว่าไม่ใช่ มันต้องเป็นเขาที่เข้ามาก่อนแล้วทำให้เราชอบ บางคนตอนแรกบอกไม่เอา แต่ถ้าได้รู้จักกัน มองลึก ๆ ก็อาจจะตรงสเปก ที่เราชอบ อาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อน หรือคนที่สามารถมากินข้าวโต๊ะเดียวกันได้ ตัดเรื่องไฮโซไป ในชีวิตมีแฟนมา 6 คน เมื่อถามว่าบอกเลิกทุกคนไหม คือไม่ถึงขั้นนั้น อันนั้นก็ดูสวยไป ส่วนมากจะคุยกัน ไม่มีเลิกกันแล้วเกลียดกันทุกอย่างมีเหตุผล เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้จริง ๆ อย่างคนล่าสุดก็เป็นได้ คือเพิ่งเลิกกันแล้วเป็นเพื่อนกันอาจจะยากจริง ๆ แต่ด้วยเวลาผ่านมานานแล้วก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากลับมาสนิทกันเหมือนเดิม แต่มีมิตรภาพดี ๆ กันได้ และคนรอบข้างก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายความรักของเรา เราไม่ใช่คนที่รู้อะไรมาแล้วเลิก ถ้าจะเลิกต้องเลิกวันที่เราพร้อมด้วย เลิกวันที่เราตัดสินใจว่ามันไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ เรื่องความรักต่อให้คนมาพูดเราอยากคบก็คือคบ แต่ถ้าวันหนึ่งเราอยากเลิก มาพูดให้ตายยังไงก็เลิก ตัวเองเป็นใหญ่เรื่องความรัก

สาวไอซ์ยังยอมรับว่าเป็นเรื่องที่พูดยากว่าถ้าเลิกแล้วไม่รีเทิร์น เพราะเคยอยู่ในวังวนนี้ เลิกหรือไม่เลิก กลับไปกลับมา เสียเวลาชีวิตมาก แต่ก็สนุกดี มีเรื่องเล่าในชีวิต ส่วนอะไรที่ทำให้ต้องเลิกแล้วนะ เราก็มีกรอบของเราถ้าไม่เป็นไปตามนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ถามว่าถ้าโดนนอกใจแล้วเลิกไหมซึ่งเราก็มีทั้งเลิกและไม่เลิก เพราะผู้ชายมันมีทฤษฎีว่าอย่าไปยอมรับต้องสู้ให้ถึงที่สุด ไม่มีทางแก้ไขแล้ว ถ้าขอโทษ รู้สึกผิดเราอาจจะให้อภัยก็ได้ และเมื่อถูกถามว่าการแต่งงานการันตีความรักได้ไหม สาวไอซ์ก็ตอบทันทีเลยว่า ไม่ได้เลย มันเป็นแค่วันวันหนึ่ง ไม่ได้อินกับงานแต่งงาน มันเป็นวันที่คนที่มีความสุขกับงานก็คือผู้ใหญ่ ส่วนวัยรุ่นเราก็จะมาปาร์ตี้สนุก ๆ มันไม่ได้เป็นงานเพื่อความรักของเรา ส่วนการจดทะเบียนสมรส ไอซ์ บอกว่า เมื่อก่อนเราให้ความสำคัญมากเลยนะ รู้สึกเขาเลือกเรา ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมีคนหนึ่งพูดว่า มันต่างอะไรกันถ้าคนมันจะไม่เอาก็แค่หย่า ต่อให้มีทะเบียนสมรส วันหนึ่งเขาจะไปก็ไปได้อยู่ดี เราแค่ไปเซ็นหย่ากัน

การมีทะเบียนทำให้ไม่มีผู้หญิงอื่นเข้ามา ยุคนี้มันไม่ใช่ ถ้าเขาจะไปอยู่กับผู้หญิงอื่นก็ช้ำใจอยู่ดี ไม่มีอะไรการันตีได้เรื่องความรักได้เลย ตอนนั้นเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แม่อวยพรลูกสาวตอนแต่งงานว่า อยู่ตราบเท่ามีความสุขนะ ตอนนั้นก็คิดว่าอวยพรแบบนี้ได้เหรอ แต่วันนี้ก็เข้าใจแล้วว่ามันเป็นความจริง ส่วนเรื่องอายุมองว่าอย่าเอาอายุมาตัดสิน อย่ามาแบบฉันอายุเท่านี้แล้ว ใครจะเอาฉัน คือถ้าเราเลือกคนนี้เพราะคิดว่าเราอายุเยอะแล้ว ถ้าแต่งงานแล้วไม่รอด จะหาผู้ใหม่ยากกว่าชะนีที่ยังโสด สังคมไทยยังไม่เปิด 100 เปอร์เซ็นต์กับผู้หญิงที่หย่าแล้ว

ถามว่าที่ล่มงานวิวาห์เพราะคิดแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งสาวไอซ์ก็ยอมรับว่าใช่ เรามองปัญหาคืออะไร เราไม่มองอายุเท่านี้แต่ง ๆ มีเซ้นส์ข้างในเอง เอาจริงหรือเปล่า ถ้าไปลุยนะไปต่อนะก็ต้องมีครอบครัวนะ แต่ถ้าเรายังมี doubt อะไรอยู่ก็หยุดก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ วันที่ตัดสินใจเลิก พอเห็นปัญหาเอออยากเลิก แล้วเขาจะว่ายังไงบ้าง จะกลายเป็นผู้หญิงดูไม่สวย คนจะด่า แล้วอยู่ดี ๆ ก็ปิ๊งขึ้นมา ทำไมไม่ถามตัวเองเลยวะ ว่าเราจะไปต่อเพราะเสียงคนอื่นหรืออะไร ก็ฟังเสียงตัวเองจะเอายังไง จะเสียใจไหม มองผ่านไปข้างหน้า ชีวิตนี้จะไม่เจอผู้ชายที่เราคิดว่าอยากแต่งงานด้วยอีกจะเป็นยังไง และอันนั้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เป็นจุดเปลี่ยนให้รู้สึกเราเห็นความไม่สมบูรณ์ของความรักมากขึ้น ถ้าตอนนั้นเราโตขนาดนี้ ความคิดขนาดนี้ก็อาจไม่ตัดสินใจแบบนั้น และหากมองย้อนกลับไปก็ไม่ขอเปลี่ยนเหตุการณ์อะไรในอดีตเลย ขอบคุณชีวิตตรงนั้น ทำให้เราชอบชีวิตตอนนี้ไหนจะไปปฏิบัติธรรมอีก ถ้าไม่มีวันนั้นเราจะไม่เป็นตัวเองในวันนี้