แฉไม่ยั้ง ผกก.ดัง ถอนตัวทำหนังเพราะทนพฤติกรรม "วิน ดีเซล" ไม่ไหว ลั่นไม่คุ้ม | คมชัดลึก

โดยภาพยนตร์เรื่อง Fast X ภาคขยายของ Fast & Furious มีผู้กำกับ คือ จัสติน ลิน ซึ่งเคยกำกับแฟรนไชส์นี้มาแล้ว 5 ครั้ง เริ่มจากภาค 3 และ Tokyo Drift จากหนังแข่งรถสู่แฟรนไชส์แอ๊กชั่นที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิส โดยเฉพาะ Fast Five แต่แล้วล่าสุดเขาก็ถอนตัวออกจากผู้กำกับ ซึ่งเหตุผลก็มาจากการที่เขาทนพฤติกรรมของ "วิน ดีเซล" ไม่ไหวแล้ว

โดยที่ผ่านมาก็มีปัญหากันมาเรื่อยๆ จนถึงความขัดแย้งสำคัญ ในวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประชุมจำนวน 4 คนรวม วิน ดีเซล กับ จัสติน ลิน โดยพระเอกหนุ่มได้พูดข้อคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับหนัง แต่ทุกอย่างกลับจบลงโดยที่ผู้กำกับคนดังยอมจบหน้าที่ พร้อมบอกว่าการทำงานกับหนังเรื่องนี้ไม่คุ้มกับสุขภาพจิตที่เขาต้องรับมือ หนึ่งในนั้นคือพฤติกรรมของนักแสดงหลักอย่าง "วิน ดีเซล" ที่ทั้งมากองช้าและไม่จำบทของตัวเองก่อนถ่ายทำ แถมยังมากองถ่ายในสภาพไม่พร้อมด้วย นอกจากนี้แหล่งข่าวยังเผยว่า วิน ดีเซล มีการสั่งเปลี่ยนบทหลาย ๆ จุดจน จัสติน ลิน เองก็ขอไม่ทน อีกทั้งยังมีปัญหามากกว่านั้นที่รุมเร้าลินจนทำให้เส้นความอดทนขาดผึง อาท กระบวนการเขียนบทหนังชุดนี้เป็นอะไรที่แปลกมาก เนื่องจากบทฉากแอ๊กชั่นจะถูกส่งต่อไปยัง วิน ดีเซล เพื่อให้เขาบอกว่า “เอา” หรือ “ไม่เอา” จากนั้นก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับที่จะทำให้บทนั้นเข้ากับหนังมากที่สุด

ซึ่งก่อนหน้านี้ จัสติน ลิน ปรากฎตัวในวิดีโอที่ วิน ดีเซล ถ่ายลงอินสตาแกรมก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกจากผู้กำกับ สีหน้าและน้ำเสียงของลินในคลิปนี้ดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก (ซึ่งตอนนี้คลิปดังกล่าวกลายเป็นมีมที่ชาวเน็ตหลายคนนำมาล้อเลียนไปเรียบร้อยแล้ว) “สัปดาห์แรก…แค่ทำสัปดาห์แรกให้จบ” ในคลิปวิดีโอ ลินบอกความรู้สึกกับดีเซลเมื่อเขาถูกถามเกี่ยวกับการเป็นผู้กำกับภาคสุดท้าย “มันรู้สึกเหมือนกับ…การเริ่มต้นของจุดจบที่ยิ่งใหญ่”

ทั้งนี้หลังจากลินออกจากตำแหน่งผู้กำกับ ทำให้การถ่ายทำต้องหยุดลงชั่วคราวและทาง Universal เองก็กำลังหาผู้กำกับคนใหม่เข้ามาปิดตำนานครอบครัว นอกจากนี้พวกเขายังเผยว่า ‘Fast 10’ กลายเป็นภาคที่ใช้งบเยอะที่สุดไปแล้วเพราะต้องสูญเงินไปกว่า 1 ล้านเหรียญต่อวันสำหรับทีมงานและนักแสดงที่ต้องรอผู้กำกับคนใหม่มาสานงานต่อ ทั้งนี้ ‘Fast X’ มีโปรแกรมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 19 พฤษภาคม 2023

อย่างไรก็ตามลินไม่ได้เป็นคนแรกที่มีปัญหาในการทำงานกับ วิน ดีเซล เพราะก่อนหน้านี้ เดอะ ร็อก ก็เคยออกมาตำหนิ วิน ออกสื่อว่าทำงานไม่เป็นมืออาชีพ และแม้สุดท้ายทั้งสองจะเคลียร์กันได้ในระดับหนึ่ง แต่ เดอะ ร็อก ก็ยืนยันว่าจะไม่ขอกลับมาแสดงภาคหลักของหนังชุด Fast อีกต่อไปแล้ว