"อิงฟ้า" ฟาดกลับหลังโดนแฉ ลั่นโดนจับเซ็นสัญญาทาส 10 ปี ไม่เคยได้จับไมค์

ล่าสุด "อิงฟ้า" ก็ได้ออกมาเคลียร์ประเด็นดราม่าดังกล่าวแล้วแบบฟาดไม่ยั้งเช่นกัน แถมงานนี้มีแฉกลับอย่างเผ็ดร้อนด้วย

"สัญญามันเป็นโมฆะไปแล้วค่ะ เพราะว่าเราได้เคลียร์ตัวเอง หลังจากก่อนที่จะมาประกวด เพราะจริงๆ เรามีปัญหาก่อนที่จะมาประกวดในปีนี้ ก็คือปีที่ลงมิสแกรนด์สุพรรณบุรี ซึ่งเราคิดว่ามันจบไปแล้ว แต่ว่ามันไม่จบ เราเลยตัดสินใจถอนตัวไปตั้งแต่ประกวดมิสแกรนด์สุพรรณบุรี เมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ ตอนนี้เท่าที่คุยกับทนาย เราเป็นผู้ที่ไม่มีสัญญาแล้ว เพราะเราได้ยื่นเรื่องไปแล้ว สัญญามีระยะเวลา 30 วัน ตอนนี้ขาดไป 6 เดือน ไม่ได้รับการตอบกลับ นั่นแปลว่ามันโมฆะไปแล้วค่ะ"

อิงฟ้า ร่ายยาวอีกว่า "มันเป็นสัญญาค่ายเพลง 10 ปีค่ะ ซึ่งเราเซ็นตอนอายุ 17 ย่าง 18 จริงๆ ตอนนั้นด้วยความที่คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งความฝันของเขา คืออยากเห็นหนูเป็นศิลปิน ก็ประจวบเหมาะมีคนแนะนำเรา ว่ามาอยู่ค่ายเพลงนี้ไหมซึ่งเขามีบ้านให้เราอยู่ พ่อแม่มาอยู่ได้ มีเงินเดือนให้เรา ณ ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก ก็รีบตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญา พอเซ็นไปปุ๊บ หลายๆ อย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ พอเซ็นปุ๊บคุณพ่อก็เสียทันที พอเสียเราก็ย้ายไปอยู่กับเขา เรื่องการดูแลส่งเรียนหนังสือมีอยู่จริง อันนี้เรายอมรับ แต่ในพาร์ตของสัญญาเรื่องศิลปินเนี่ย มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เรารู้สึกว่าอยู่ในจุดที่มันมีความลำบากอยู่ ในเรื่องของการเงิน แล้วก็การเป็นอยู่ ไม่ได้ดีอย่างที่เขาพูด แล้วหลังๆ มาเราเริ่มมีจะต้องทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศกับเขา ซึ่งก็บอกตรงๆ ว่าเงินเดือนมันไม่พอ"

ก็เลยตัดสินใจที่จะเดินออกมา พอเดินออกมาเนี่ย ก้าวแรกที่เราลำบากมากๆ เลย เราไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือ หรือติดต่ออะไรกลับมาเลย หรือการสอบถามเรา ว่าเราเป็นอยู่อย่างไรบ้าง แต่ว่าวันหนึ่งที่เราคิดว่า โอเคเขาไม่อะไรแล้ว เราก็ไปประกวดเดอะวอยซ์ วันนั้นเขาถึงแสดงตัวออกมา ว่าเขาไม่โอเคนะ เราก็ตัดสินใจที่จะจบการประกวดเดอะวอยซ์ไป ว่าโอเคเรายอมเขาก็ได้ เราผิดจริงๆ ตอนนั้นเราก็ขอโทษเขา ก็จบไปแล้ว ก็มีการเคลียร์ว่าเราจะใช้ชื่ออิงฟ้า แสงระวี ในคลิปยูทูบ เดอะวอยซ์ไทยแลนด์ จริงๆ ต้องเป็น อิงฟ้า วราหะ เราก็ยอมที่จะเปลี่ยนเป็นอันนั้นไป

พอเราได้มีการคุยกัน เขาก็แจ้งว่าเราจะไปทำอะไรก็ได้ แต่ยกเว้นอย่าร้องเพลง เราก็เลยตัดสินใจประกวดนางงาม พอเวลาผ่านไปปีกว่าๆ ก็ลงประกวดมิสแกรนด์สุพรรณบุรี เขาก็ติดต่อทางกองไป ว่าเขาไม่อนุญาตให้เราประกวดนะ เราก็เลยสละสิทธิ์ไป แล้วก็คิดว่าเราจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ เพราะสัญญามันนานมากๆ ก็เลยตัดสินใจปรึกษาทนายก่อนจะมาประกวดมิสแกรนด์กรุงเทพฯ ในปีนี้ จนเราอายุ 27 แล้ว จริงๆ สัญญาก็น่าจะหมดตอน 28 แต่เรารอไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถที่จะประกวดนางงามได้แล้ว ก็เลยตัดสินใจเคลียร์กับทนาย ว่าโอเครายละเอียดมันเป็นแบบนี้นะ เรายืนยันได้ว่าตั้งแต่อยู่ที่ค่ายมา เราไม่มีงานร้องเพลงเลย ไม่มีเลยสักงาน ที่เป็นรายรับเกี่ยวกับเรื่องของการร้องเพลง การทำเพลงมีอยู่จริง เพียงแต่ว่ามันไม่ได้มีอัลบั้ม ไม่ได้ตามเงื่อนไขสัญญา ทำลงยูทูบทั่วไป ประมาณ 3-4 เพลง ผลงานเด่นๆ ก็ไม่มีค่ะ

ตอนเซ็นหนูยังเด็กมากๆ แต่เท่าที่คุยกับทนาย ตอนที่เราเซ็นยังไม่ 20 ถือว่าไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ในวันที่เราบรรลุนิติภาวะแล้ว เราสามารถที่จะยื่นยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรมได้  ซึ่งตอนที่เราส่งขอยกเลิกสัญญาไป อายุความมันคือ 30 วัน ถ้าไม่ได้ตอบกลับถือเป็นโมฆะ เพราะเขาไม่ได้คัดค้านอะไร ถามว่าจะสู้คดียังไง จริงๆ ก็ต้องดูทางเขาค่ะ ว่าเขาจะยังไง ถ้าเขายืนยันว่าเขาจะฟ้องเรา เราก็ต้องมาดูกัน เพราะเราก็คงจะยอมต่อไปไม่แล้ว เรายอมมาหลายครั้งมากๆ แล้ว ซึ่งวันนี้พอหลังจากมงปุ๊บ เขาก็แสดงตัว หนูไม่รู้ว่าเจตนาของเขาคืออะไร เขาออกมาพูดว่าเขารักเราเหมือนคนในครอบครัว ถ้าเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ เขาจะไม่ทำแบบนี้ค่ะ ส่วนเรื่องคู่สัญญา เราไม่เคยได้ตั้งแต่เซ็นแล้วค่ะ เคยถามตั้งแต่ตอนที่เคลียร์ประเด็นเรื่องประกวดเดอะวอยซ์ไปแล้ว เราก็ยังไม่ได้ 

ไม่กังวลใจ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ มันเป็นครั้งที่ 3 แล้ว จริงๆ หนูยอมมาตลอด ไม่เคยพูดถึงเลย แต่วันนี้เขาออกมาทำแบบนี้ เราก็ต้องปกป้องตัวเองเหมือนกัน ถ้าเขาเรียกร้องเงินเพื่อฉีกสัญญาจะยอมจ่ายไหม (หัวเราะ หึหึ) ก็ต้องดูกันอีกทีค่ะ เพราะหนูก็ยังไม่รู้ ว่าเขาทำอะไรให้หนูบ้าง ในส่วนที่เขาต้องดูแล อันนั้นมันเป็นส่วนที่เขาบอกว่าเขาจะดูแลเรา มันมีแค่เรื่องของการส่งเรียน ความเป็นอยู่ ที่เขาเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง ถ้าหนูเนรคุณหนูออกมาพูดตั้งนานแล้ว หนูเลือกที่จะเงียบ เพราะบุญคุณเขาก็มี เราไม่อยากทำร้าย ไม่อยากพูดอะไรที่มันไม่ดีออกไป