โดยก่อนหน้านี้หลายคนพยายามจับตาความสัมพันธ์ของ 2 สาว "ซิลวี่" และ "มิ้น" หลังจากที่ทั้งคู่โพสต์โมเมนต์ความหวานออกมาเรื่อย ๆ แถมแต่ละรูปก็น่ารัก สวีตกันมากทำเอาคิดไปไกลว่าทั้งคู่กำลังปลูกต้นรักกันอยู่หรือเปล่า จนกระทั่ง 10 มีนาคม 2564 สาวมิ้น มิณฑิตา ก็ออกมาเปิดใจว่า เป็นความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ซิลวี่ เป็นน้องที่น่ารัก ถามว่าเกินพี่น้องไหมคือเราก็สนิทกัน พอมีความรู้สึกดี ๆ ก็อยากรู้จักกัน เราเพิ่งรู้จักกันจากเพื่อนของเพื่อน และมีไลฟ์สไตล์เหมือนกันทำให้มีกิจกรรมร่วมกันบ่อย ๆ กับแฟน ๆ ที่ร่วมยินดีคือมันเป็นเรื่องดี ๆ ก็ยินดีกันไป
"มิ้น" เผยต่ออีกว่า ส่วนภาพหวาน ๆ ก็จิ้นกันได้เลยเต็มที่ เราสบาย ๆ ไปก่อน ค่อย ๆ คุยกันดีกว่า ส่วนตัวเราไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องความสัมพันธ์และเป็นคนชัดเจนในเรื่องของความรักว่าไม่เคยคบใครที่เพศ ถ้าจะรู้จักใครไม่ได้มองเพศใดเพศหนึ่ง ซึ่งตัวตนของเขาสำคัญกว่า ถ้าสบายใจก็ค่อย ๆ คุยกันไป ถ้าคนจะคิดว่าเป็นแฟนกันนั้นก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ใครจะมองอย่างไงก็ได้ แต่สำหรับเราเป็นคนสบาย ๆ และค่อย ๆ รู้จักกันไป เรื่องการลงรูปคู่เราก็ไม่ได้คุยกันเลยว่าจะมีฟีดแบ็กยังไง ทุกอย่างทำตามความรู้สึกของตนเอง ยุคสมัยนี้แล้วและเราอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ถ้าเกิดเจอปัญหาอะไรต้องรับมือให้ได้ ตราบใดที่เราเป็นธรรมชาติกับสิ่งที่เรารู้สึกก็จบแล้ว ใครจะว่าอะไรเราไม่สามารถห้ามความคิดคนอื่นได้ ตอนนี้เราก็มีความสุขกับชีวิตของตัว ค่อย ๆ จัดการกับความรักกันไป ส่วนกับครอบครัวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด โดยภายหลังจากที่สาวมิ้นออกมาเปิดใจก็มีแฟน ๆ เข้าไปคอมเมนต์แสดงความยินดีในอินสตาแกรมของทั้งคู่กันยกใหญ่ พร้อมบอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเพศไหนก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
โดยหลังจากที่ทั้งสองคนเปิดตัวว่าเป็นคู่รัก LGBT ก็มีแฟนคลับอีกกลุ่มเพิ่มขึ้น โดยสาวมิ้น และ ซิลวี่ ก็เคยทำคลิปเปิดใจถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองด้วย
ซิลวี่ : "เจอกันที่ rhythmofarts"
มิ้น : "เตยยี่เป็นผู้นำพา นำแล้วนำอีก นำมาหลายตลบ"
ซิลวี่ : "วันนั้นพี่เตยโทร.มาให้ไปสอนร้องเพลงน้องๆ"
มิ้น : "คือวีกก่อนหน้านี้มิ้นก็เพิ่งไปสอนแอ็กติ้งน้องๆ พี่เต้ยก็บอกว่าพี่มิ้น วันนี้ซิลวี่เขามาทำคลาสนะ ถ้าไม่มีอะไรทำก็แกล้งเดินมาดูน้องหน่อย ตอนท้ายๆ คลาสก็เลยเดินไปก็เลยได้เจอกัน"
ซิลวี่ : "ซิลก็เขินมาก ทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะมา ตอนนั้นคือเตลิดเปิดเปิงไม่เป็นตัวเอง แต่ก็ทำตัวคีฟคูลไว้ รู้สึกว่าทำไมตัวจริงเขาน่ารักจัง"
มิ้น : "พอได้เจอกันก็รู้สึกว่าแบบ (ยิ้มทำตาวาว) …อืม"
ซิลวี่ : "ตั้งแต่ตอนแรกเลยเหรอ"
มิ้น : "อืม…"
ซิลวี่ : "จากนั้นก็ได้ไปกินข้าวกัน ตอนนั้นคือเรายังเด็ก ยังเละเทะอยู่ แล้วเขาดูเป็นผู้ใหญ่ ดูเป็นผ้าขาว เราไม่กล้าจะเข้าไป แต่เราก็ชอบเขานะ"
มิ้น : "มิ้นให้เตยยี่ไปชวนเขา ก็พรหมลิขิต ถ้ามันจะใช่มันก็ใช่ มิ้นก็คิดว่าตลอดว่ามิ้นเป็นคนจีบเขาก่อน พอได้เจอกันที่ร้านอาหาร เราก็คิดว่าอยากจะสานต่อ ก็หาเรื่องชวนคุย ชอบฟังเพลงอะไร รู้จักกันไม่ถึงเดือนมิ้นเป็นคนขอเขาเป็นแฟน ชีวิตมันง่ายค่ะพอเราเจอสิ่งที่ใช่"
ซิลวี่ : "ตัวซิลเปลี่ยนไปตลอด เรื่อยๆ ตอนนี้เป็นแพนเซ็กชวล คือเขาจะเป็นใครก็ได้เลย คือเรารักที่ตัวบุคคลจริงๆ เรานิยามตัวเองว่าเป็นเควียร์"
มิ้น : "มิ้นโตมาในพื้นที่ที่สอนให้เป็นอย่างนี้ คาดหวังกับตัวเรา เราก็เดินทางมาตามปกติ เป็นผู้หญิงต้องแต่งงานกับผู้ชาย มีครอบครัว พอยิ่งโตก็รู้สึกว่าความสุขหรือความหมายของชีวิตมันไม่ใช่แบบนั้น ในความสัมพันธ์เวลาที่เรามีใครสักคนที่เราจะผูกพันด้วย มันไม่จำเป็นที่จะต้องมากะเกณฑ์อะไรกันเยอะ รู้สึกว่าตัวตนของคนมันสำคัญกว่า มิ้นเป็นเควียร์ มิ้นไม่มายด์ว่าใครจะมองมิ้นเป็นเพศไหน คนข้างนอกจะคิดอะไรก็ได้ สุดท้ายคือคนรอบตัวมิ้นแฮปปี้กับตัวตนที่มิ้นเป็นไหม มิ้นชอบซิล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามิ้นจะชอบผู้หญิงมากมาย มันเป็นความรู้สึกที่ว่าเราเจอคนๆ นี้แล้วอยากที่จะทำความรู้จักด้วย ตัวมิ้นเองก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้จะต้องแต่งตัวเพื่อดีฟายเพศตัวเองใหม่"
ซิลวี่ : "มันอยู่ที่ใจ มันคือความรู้สึกข้างใน"
มิ้น : "ส่วนหนึ่งที่มันยาก คือเราจะต้องสื่อสารกับ LGBT นี่แปลว่าเธอจะไม่ชอบผู้ชายแล้วเหรอ มิ้นรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรแปลกนะ มันมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่านั้น สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นอะไรเราก็คือมนุษย์คนนึง"
ล่าสุด ซิลวี่ ได้ออกมาตอบคำถามตรงๆครั้งแรก เมื่อมีคำถามว่าเป็นทอมหรือเปล่า เธอบอกว่า คนที่ถามคงไม่เคยให้เธอใส่ชุดบิกินี่ใช่ไหม พร้อมบอกอีกว่า "คือจะบอกว่าชอบนะเวลาคนชมว่าหล่อมาก หลัวเวอร์ แต่พอบอกว่าเป็นทอม คือบ่ใช่ หนูไม่ใช่ทอมค่าแม่" เรียกว่าตอบชัดเจนมากที่สุดเท่าที่ ซิลวี่ เคยออกมาพูดถึงเพศของตัวเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง