บันเทิง

ทำไมต้องนักเขียนหญิง ไขความจริงบนบาดแผล สะท้อนอีกมุมของสังคม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

งานฉลองครบรอบ 60 ปี “ประพันธ์สาส์น-PRAPHANSARN 60th Anniversary" ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 มีการกล่าวถึง บทบาทของนักเขียนสตรีไทยบนเวทีเสวนารางวัลชมนาด (Chommanard Book Prize) ในหัวข้อเรื่อง "ทำไมต้องนักเขียนหญิง"

เชิญนักคิดนักเขียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นำโดย ผศ.สกุล บุณยทัต นายกสมาคมนักเขียนแห่งปรเะเทศไทย ร่วมกับ ยุวดี ต้นสกุลรุ่งเรือง นักเขียนรางวัลชมนาดคนแรก ธนัดดา สว่างเดือน นักเขียนรางวัลชมนาด ครั้งที่ 2 และ ครั้งที่5 ชนินทร์ธรณ์ ชื่นโพธิ์กลาง นักเขียนรางวัลชมนาดคนล่าสุด ซึ่งสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ริเริ่มก่อตั้ง “รางวัลชมนาด” เพื่อมุ่งสนับสนุนให้ “สตรี” ผลิตวรรณกรรมที่มีคุณค่า โดยจัดขึ้นมาเป็นปีที่ 10 แล้ว

นวนิยายรางวัลชมนาด ฝีมือ 3 นักเขียนหญิง สะท้อน 3 ทัศนะที่มีต่อมุมมองสังคม ผศ.สกุล กล่าวเปิดประเด็นทำไมผู้หญิงถึงลุกขึ้นมาเขียน แล้วคนอ่านจะอ่านอะไรในนวนิยายเหล่านี้

 

"นวนิยายเรื่อง 'รอยวสันต์' ยุวดี เขียนสะท้อนภาพอาซิ้ม 4 คนลงเรือหนีความลำบากมาจากเมืองจีน สิ่งที่ต้องฝ่าฟันเหน็ดเหนื่อยที่สุดกลับไม่ใช่แค่ความยากจน เพราะทุกคนเป็นผู้หญิงเก่ง มีอาชีพมีงานของตัวเอง แต่สิ่งที่กดทับผู้หญิงไว้คือประเพณีวัฒนธรรมความเชื่อของคนจีน แล้วเป็นชีวิตที่เธอเลือกไม่ได้ เตี่ยบังคับให้แต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก คนอ่านก็ตั้งคำถามผู้หญิงในครอบครัวจีน ทำได้เพียงแค่แต่งงานกับผู้ชายสักคน แล้วมีลูกไปก็จบแค่นั้นเองหรือ ทั้งที่เธอมีความสามารถมากมาย” 

 

มาถึงเรื่อง 'ฉันคือเอรี่ กับประสบการณ์ข้ามแดน' นวนิยายของ ธนัดดา ที่เขียนจากประสบการณ์จริงของหญิงไทยที่จําเป็นต้องขายตัว อ.สกุล ยอมรับว่าอ่านครั้งแรกในฐานะกรรมการตัดสิน ก็ให้รู้สึกตื่นตะลึงกับสำนวนการเขียน ที่ชัดเจนและได้ความจริงมาก 

“ได้เห็นปัญหาโสเภณีในสังคมไทย อ่านแล้วฐานะผู้ชายก็ตั้งคำถามครับว่าผู้หญิงมีไว้ให้รัก และน่าเห็นใจด้วย ไม่ใช่ดูแคลน เพราะนักเขียนหญิงคนนี้ได้สอดแทรกความหวังไว้ในเรื่อง มันคือความงดงาม เช่นในเรื่อง ‘ขังหญิง’ ซึ่งเป็นภาคต่อกับเรื่องแรก และเป็นผลงานอีกเรื่องที่คว้ารางวัลชมนาด ผมเคยเป็นครูสอนผู้ต้องขังหญิง แม้คนที่คดีอุกฉกรรจ์ติดคุกหลายสิบปี เธอก็มีความหวังว่าจะออกไปมีชีวิตในโลกอิสระ และความหวังนี้มาพร้อมกับความสำนึก มีนักโทษหญิงติด 22 ปี แต่เธอจะรอเรียนหนังสือกับผมอย่างตั้งใจ ซึ่งพออ่านนวนิยายของ เอรี่-ธนัดดา เรื่องนี้ผมคิดถึงความงามและความหวังนี้ทันที” 

 

ทำไมต้องนักเขียนหญิง ไขความจริงบนบาดแผล สะท้อนอีกมุมของสังคม

 

 

และสำหรับนักเขียนหญิงรางวัลชมนาดน้องนุชคนสุดท้องของรุ่น ยุ้ย-ชนินทร์ธรณ์ เจ้าของผลงาน The Lost Fairy หลงเงา รัก อ.สกุล บอกว่า นี่คือวรรณกรรมยุคสมัยใหม่ที่นักเขียนใช้รสนิยมดูหนัง ฟังเพลง อ่านวรรณกรรมคลาสสิก มาสอดแทรกไว้ในเรื่องราวหญิงสาวผู้ทันสมัย มีอาชีพนางแบบ อ่านแล้วก็ให้ความเป็นธรรมกับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งว่าเธอสามารถเลือกทางที่ผิดพลาดได้ แล้วพระเอกถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายในอุดมคติ แต่อ่านแล้วก็ได้เห็นภาพผู้ชายดีๆ โรแมนติก ควรจะเป็นคนอย่างไร

 

ด้านผู้เขียนอย่าง ชนินทร์ธรณ์ ขยายความถึงผลงานเขียนของเธอว่า ได้ให้นางเอกดำเนินเรื่องด้วยอาชีพนางแบบ ใช้รูปลักษณ์หน้าตาทำงานจนเกิดความเครียด อดอาหารจนร่างกายย่ำแย่ มันคือเรื่องราวของผู้หญิงยุคนี้แท้จริง และถึงแม้ว่าสิ่งที่เขียนจะไม่ได้หยิบยกปัญหาเรื่องมหภาคที่ยิ่งใหญ่ แต่นวยิยายก็ได้สื่อถึงปมในใจของผู้หญิง 

“ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก แต่มันคือปัญหาของคนในยุคนี้ค่ะ เช่น ความไม่พึงพอใจในภาพลักษณ์ตัวเองส่องกระจกแล้วรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา แค่คำทักทายธรรมดาๆ ทำไมวันนี้ดูอ้วนจังเลย หรือผอมไปไหม เชื่อว่าทุกๆ คนต้องเคยเจอคำทักทำนองนี้แล้วเราก็ไปใส่ใจมัน จนหลงลืมไปว่าเราก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่วันๆ ต้องเจออะไรๆ อีกหลายปัญหา จนเกิดเป็นความเครียดสะสมในใจเหมือนนางเอกในเรื่องนี้ กลายเป็นอาการทางจิต อดอาหารจนป่วยโรคคลั่งผอมหรือ Anorexia และคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แล้วยิ่งอยู่ในโลกโซเชียลทุกคนต้องการความสมบูรณ์แบบ ผู้หญิงต้องต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้ อีกมุมคือความรักของนางเอกก็ไม่ใช่ความรักในอุดมคติ ไม่ใช่รักเดียวใจเดียวแล้วทำไมเราจึงกล้าเขียนให้นางเอกเป็นผู้หญิงแบบนี้ ก็เพราะมันสะท้อนอีกมุมความจริงสังคมสมัยใหม่ ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ชีวิตต้องกล้าเดินต่อไปค่ะ"

 

ส่วน มุมมองของรุ่นพี่ ยุวดี แนะว่าถ้าอยากเป็นนักเขียน ต้องเริ่มจับปากกาเขียน ยิ่งเขียนจะยิ่งลื่นไหล 

"เรามีเรื่องจะบอกสังคมมากมายค่ะ ถึงแม้ว่านวนิยายไทยอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสังคมชัดเจน แต่ดิฉันก็จะเขียนเพียงให้คนอ่านได้เห็นความจริง นวนิยายนักเขียนหญิงไม่แค่พาฝัน แต่เรามองสังคมจากเรื่องใกล้ตัวได้ บ้านดิฉันเป็นร้านเบเกอรี่มา 25 ปี แล้วคนงานหญิงที่มาเป็นลูกจ้างตั้งแต่ยุคคนไทยจนถึงต่างด้าว เติบโตมากับการเลี้ยงดูของแม่หรือตายายเกือบแทบทั้งนั้น ถ้าหยิบเรื่องนี้มาเขียนแล้วมีคนอ่านผู้ชายสักครึ่ง ก็เท่ากับว่าเราส่งเสียงบอกอะไรเขาได้บ้างนะคะ หน้าที่ของนักเขียนคือเราต้องชี้ความจริงในสังคมให้เด่นชัดขึ้นมาค่ะ"

 

การเขียนความจริงของ 3 นักเขียนหญิง เรื่องที่แรง กล้า มาจากประสบการณ์ตรงแบบเรียลสุดๆ ก็ต้องยกให้ เอรี่-ธนัดดา

"เขียนเรื่องที่สังคมไม่เคยรู้ คือสิ่งที่เราอยากเขียน และจะเขียนต่อไปค่ะ ตอนนี้มีพล็อตในหัวไว้แล้ว ตอนทำงานบริการเราเห็นสังคมที่แตกร้าว เพราะผู้ชายผู้หญิงคิดไปคนละทาง ต่างคนต่างตั้งคำถามกันและกัน ผู้ชายก็คิดว่าทำไมหาเงินมาแล้วภรรยาเอาไปทำบุญหมด ส่วนผู้หญิงก็คิดว่าทำไมผู้ชายชอบเที่ยวไม่ซื่อสัตย์ ปัญหาเหล่านี้ดิฉันก็เก็บเป็นข้อมูลมันสะท้อนชีวิตเหมือนละครน้ำเน่าที่ใครชอบดู ก็รับรองอ่านสนุกไม่แพ้กัน รออ่านเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ แล้วใครที่อ่านงานทั้ง 2 เรื่องก็รู้ว่าเราเขียนแรง ตรง บทแรกก็ชกแบบนั้นเลย ไม่อ้อมค้อม เข้าประเด็นในเรื่องที่อยากเล่าทันที" 

ผศ.สกุล กล่าวทิ้งท้ายว่าเราอาจมองว่านวนิยายเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้มากนัก แต่ยืนยันว่าเปลี่ยนได้จากฝีมือนักประพันธ์สตรี เช่นขับเคลื่อนประโยคคุ้นเคย "ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง" ทำไมอาซิ้มตัวละครเอกในนวนิยายเรื่อง รอยวสันต์ ต้องติดหล่มนี้ทั้งที่เป็นผู้หญิงเก่ง แต่สังคมวันนี้ก้าวไปไกลแล้ว และเรื่องราวเหล่านี้ ใครจะเขียนได้ดีที่สุด ถ้าไม่ใช่นักเขียนหญิง

"สื่อวรรณกรรมคือพื้นที่ชีวิตที่มีพลัง ผมยกตัวอย่างรัฐบาลเกาหลีใช้สื่อซอร์ฟเพาเวอร์เหล่านี้ วรรณกรรม เพลง ละครสื่อบันเทิง เปลี่ยนแปลงสังคม ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือผู้ชายเกาหลีไม่โรแมนติก ส่วนใหญ่หยาบกระด้างเย็นชาต่อครอบครัว เขาก็เปลี่ยนพระเอกละครแบบพลิกฝ่ามือกลายเป็นผู้ชายโรแมนติกให้เกียรติผู้หญิงที่สุด เปลี่ยนความคิดจนคนหลงใหลไปทั่วโลก เช่นเดียวกันนักเขียนหญิง ก็เปลี่ยนโลกได้ในภาพความเป็นหญิง ความยิ่งใหญ่ในเพศแม่เอฟเฟคท์นี้สื่อออกมากี่ครั้งสะท้านสะเทือนโลกครับ" ผศ.สกุล กล่าวสรุปประเด็นการเสวนาอย่างชัดเจน

 

ทำไมต้องนักเขียนหญิง ไขความจริงบนบาดแผล สะท้อนอีกมุมของสังคม

 

ทำไมต้องนักเขียนหญิง ไขความจริงบนบาดแผล สะท้อนอีกมุมของสังคม

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ