ล้วงลึกชีวิต ตลกชื่อดัง "หม่ำ จ๊กมก" หลังสารภาพเคยมีเมียน้อยที่เชียงราย

โดยเมื่อวันที่ (19 เมษายน 65) ที่ผ่านมา ตลกชื่อดัง "หม่ำ จ๊กมก" ก็ยอมออกมาเปิดใจเล่าถึงวีรกรรมความเจ้าชู้ของตัวเองในอดีต กับ "นิกกี้ ณฉัตร" ผ่านทางรายการ "Shareโลมา Ep.83" หลังจากที่หลายคนต่างสงสัย ว่า "หม่ำ จ๊กมก" มีเมียน้อยที่เชียงรายจริงหรือไม่? 

ซึ่งตลกชื่อดัง "หม่ำ จ๊กมก" ก็เปิดใจเล่าแบบไม่อาย ทำเอา "นิกกี้ ณฉัตร" ถึงกับอึ้งในคำตอบว่า "เป็นเรื่องจริงเมื่อนานมาแล้ว นานมาก ตั้งแต่ น้องมิกซ์ เกิด 27 ปีมาแล้ว สมัยเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นเพิ่ง 20 หน่อยๆ เอง น้องมิกซ์เพิ่งเกิด แล้วเราก็รู้สึกผิด คนที่อำเรื่องนี้ก็เป็น โหน่งกับเท่ง นั่นแหละ รู้ความลับไม่ได้ ถามว่าโกรธมั้ย จะไปโกรธมันทำไม ปากก็เป็นแบบนั้น พูดไปก็เหมือนนินทา แต่เราไม่กล้าพูดเรื่องของมันนะ แต่กะว่าสักวันนึงจะเปิดกะเอาจนตาย เปิดทั้ง โหน่งและเท่ง เลย เปิดพร้อมกันให้ตายทั้งคู่เลย ให้เอาธูปเทียนมาขอโทษ" 

นอกจากนี้ ตลกชื่อดัง  "หม่ำ จ๊กมก" ยังยอมรับว่าเวลาไปเที่ยวอาบอบนวดเป็นคนที่ไม่ชอบใส่ถุงอีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าว่า "ไปบ่อย แต่ไปนั่งดู ไปนั่งเอ็นเตอร์เทนเพื่อนๆ ก่อนจะยอมรับแบบไม่อายว่า เพราะตัวเองนั้นไม่ชอบใส่ถุงยาง ก็เลยนั่งมองเฉยๆ ไม่ใช่ไม่เอา เอานะ แต่ถ้าต้องใส่ถุงยางก็ไม่เอา เพราะไม่อยากใส่ พอไม่ใส่เขาก็ไม่ให้ ก็ตัดปัญหาไป ก็ดีเหมือนกัน และถ้าเราไปติดผู้หญิงที่เขาไม่ต้องให้เราใส่ถุงยาง พร้อมที่จะให้เรา นั่นแหละปัญหามันจะตามมา และเราก็รับผิดชอบผู้หญิงทุกเคส"

เรียกว่ายอมออกมาให้ล้วงลึกในชีวิตส่วนตัว ตอบตรงไปตรงมาแบบแมนๆ แต่กว่าที่ตลกชื่อดัง "หม่ำ จ๊กมก" จะมาถึงจุดนี้ ที่มีคนรู้จักทั้งประเทศบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเส้นทางในวงการบันเทิงของ "หม่ำ จ๊กมก" ที่สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังมีมากมายเลยทีเดียว 

"หม่ำ จ๊กมก" ตอนอายุได้ราว 16-17 ปี ได้ออกจากบ้านมาอยู่กับคณะลูกทุ่งของ "สดใส รุ่งโพธิ์ทอง" โดยเริ่มแรกทำงานในตำแหน่ง "เด็กยกของ" และได้เลื่อนขั้นมาเป็น "หางเครื่อง" และ "ตลก" ประจำวันตามลำดับ หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่กับคณะลูกทุ่งหลายวง จนมาตัดสินใจรวมตัวกับเพื่อนศิลปินตลกตั้งคณะ "เก้ายอด" ต่อมาได้ถูกชักชวนให้มาอยู่ในคณะของ "เทพ โพธิ์งาม" โดยใช้ชื่อในวงการว่า "หม่ำ สปาเก็ตตี้" และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "หม่ำ จ๊กมก" ในภายหลัง พอเริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง "เทพ โพธิ์งาม" จึงแนะนำให้ออกจากคณะ และตั้งคณะเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า คณะ "หม่ำ จ๊กมก" โดยมี "จาตุรงค์ มกจ๊ก" , "หยอง ลูกหยี" , "แวววาว จ๊กมก" (น้องสาว) , "อาแปะ จ๊กมก" ,  "เท่ง เถิดเทิง" และ "โหน่ง ชะชะช่า" ร่วมเป็นสมาชิกในวง  

และหลังจากนั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2535 "หม่ำ จ๊กมก" ได้รับการชักชวนจาก "ปัญญา นิรันดร์กุล" ให้มาทำงานกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โดยปรากฏตัวเป็นตัวปริศนาในรายการ "ชิงร้อยชิงล้าน" หลังจากนั้น "หม่ำ จ๊กมก" ก็ทำงานกับเวิร์คพอยท์ในฐานะพิธีกรรายการ ไม่ว่าจะเป็นรายการ "เวทีทอง" , "ระเบิดเถิดเทิง" , "ซูเปอร์หม่ำ" ฯลฯ จนถึงปัจจุบัน

ส่วนผลงานแสดงละครและภาพยนตร์ "หม่ำ จ๊กมก" เริ่มมีผลงานแสดง ทั้ง 2 อย่างในปี พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบันรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เรื่อง รวมไปถึงผลงานพิธีกร และยังมีความสามารถในการร้องเพลงโดยมีเพลงดังคือ เพลง "เฮดจังได๋" ในด้านภาพยนตร์ยังเป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ ฟิล์ม จำกัด ที่มีผลงานผลิตภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง อาทิ "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" และ "แหยม ยโสธร" เท่านั้นไม่พอยังเป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์ ได้แก่ "รายการบิ๊กหม่ำ" และ ละคร "แฟกทอรีที่รัก" และในปี พ.ศ. 2561 ได้เป็นประธานสโมสรฟุตบอลยโสธร เอฟซี ในไทยลีก 3 อีกด้วย

นอกจากนี้ชีวิตครอบครัวของ "หม่ำ จ๊กมก" ได้จดทะเบียนสมรสกับ "เอ็นดู วงษ์คำเหลา" หรือ "มด เอ็นดู" หลังใช้ชีวิตคู่กันมาอย่างยาวนานกว่า 22 ปี และมีบุตรด้วยกัน 2 คน โดยคนโตเป็นบุตรสาวชื่อ "บุษราคัม วงษ์คำเหลา" และ คนเล็กเป็นบุตรชาย ชื่อ "เพทาย วงษ์คำเหลา" นั่นเอง