คอลัมน์พิเศษ ประจำวันพุธนี้ ธุรกิจคนบันเทิง มีโอกาสได้จับเข่าคุยสองผู้บริหารจากค่ายยักษ์ใหญ่ เปิดมุมมอง วิเคราะห์ และยกระดับ เผยเคล็ดลับในยุคที่ต้องเอาใจคนดู ควบคู่เรตติ้ง และความอยู่รอดของสื่อ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน หวังยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงไทย
คมชัดลึกบันเทิง ขอเปลี่ยนแนว เจาะธุรกิจค้าขายดารา สู่อุตสาหกรรมบันเทิงสักหน่อย เพราะพุธนี้ บันเทิงสเปเชียล ของเรา มีโอกาศได้จับเข่าคุย 2 ผู้บริหารในอุตสาหกรรมบันเทิง หรือธุรกิจบันเทิงแบบล้วงลึก ว่าทั้งสองคน มีมุมมอง ในการยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิง และวิเราะห์วงการบันเทิงไปในทิสทางไหน ในยุคที่เวลาเดินไวกว่าแสง รวมถึง ต้องเอาใจ เสิร์ฟทุกอย่างเพื่อผู้บริโภค อีกด้วย
คนแรก ที่เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ คือ ดร. วิชนี ศรีสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถึงการบริหารงาน เพื่อความอยู่รอในยุคที่มีการแข่งขันสูงของสื่อ เปิดเผยว่า ในปีนี้เอง “เวิร์คพอยท์ ของผนึกพลัง กับ ทีวี ธันเดอร์ เพื่อให้เวิร์คพอยท์ มีรูปแบบรายการที่หลากหลายตอบโจทย์กลุ่มผู้ชมทุกกลุ่ม สิ่งหนึ่งที่ทางเวิร์คพอยท์ให้ความสำคัญคือการรักษาฐานผู้ชมปัจจุบันและสร้างฐานผู้ชมใหม่ๆ โดยมีเนื้อหารายการในช่องที่หลากหลายตามกลุ่มผู้ชมที่ขยายเพิ่มขึ้น เนื้อหาที่นำเสนอออกไปนั้นต้องสร้างความสุข และสิ่งสำคัญคือต้องสร้างพลังใจให้กับผู้ชมเป็นสำคัญ ยกตัวอย่าง เช่น รายการ “แฟนกัน1DAY” ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมานี้ เป็นรายการแนว Dating Show ที่มีเสน่ห์ สามารถสร้างรอยยิ้ม สร้างโมเมนต์ที่คนดูอินแล้วฟินไปกับรายการ หลังจากรายการได้ออกอากาศไป กระแสของรายการนับได้ว่าเป็นตัววัดความสำเร็จ คนดูชอบและรู้สึกร่วมไปกับแต่ละคู่เดทของซุปตาร์และคนธรรมดา บางคู่มีการจิ้นต่อหลังรายการจบด้วย โดยยอดคนดูในออนไลน์ตั้งแต่ EP1 ถึง EP ล่าสุด มีมากถึง 7,995,000ล้านวิว
ดร. วิชนี ศรีสวัสดิ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า การป้อนสิ่งที่ผู้บริโภคอยากได้ เป็นสิ่งสำคัญ "เรามีการพัฒนาทุกเทป ในทุกรายการ ดูแล้วยิ้ม" และพฤติกรรมคนดูที่เปลี่ยนไป มุมมอง และการบริหาร เคล็ดลับของ ดร. วิชนี ศรีสวัสดิ์ นำโซเชียลเข้ามาช่วยเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น บอกอีกว่า "เราทุกคน ปรับตัวกันมาหลายปีแล้วนะคะ คิดว่าเป็นสิ่งที่เสริมมากกว่า คนดูอยู่ที่ไหน เราตามไปที่นั้น คนดูชอบอะไร เราเสิร์ฟตรงนั้น เพราะฉะนั้น โซเชียลเป็นสิ่งที่ทำให้คนดู ได้ดูย้อนหลัง และใช้โซเชียลในแง่ของการโปรโมท ให้เข้าถึงคน เป็นส่วนที่ทำให้ตัวคอนเทนท์แข็งแรงมากขึ้น"
นั้นก็ทำให้ ดร. วิชนี เอง คิดที่จะผนึกกำลัง ร่วมกับผู้บริหารอีกคน นั้นก็คือ "จ๊อบ ณฐกฤต วรรณภิญโญ" ประธานเจ้าหน้าบริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ให้เกียรติ ได้สัมภาษร์กับผู้สื่อข่าวคมชัดลึกด้วย ว่าเป็นการร่วมมือกันอย่างดี
จ๊อบ ณฐกฤต เผยมุมมอง การวางแผนการทำงานไม่ว่าจะในส่วนของรายการ ซีรีส์ หรือละคร ว่า "เวลาเราทำงาน เราคำนึงถึงการสื่อสารเป้นสำคัญ เพราะบางทีมองแต่ตัวเนื้อหาอย่างเดียว ก็ต้องมีกลยุทธบางอย่างเข้ามาช่วย"
และเนื่องจาก ความยากของการบริหาร รวมไปถึงทั้ง 2 ผู้บริหาร ลงมาลุยงานด้วยตัวเอง ซึ่งอ่านถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านคงสงสัย ว่ารายการ ซีรีส์ หรือละคร ที่เรารับชม จากฝีมือของทั้งสองท่าน ภายใต้การยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิง การเสิรืฟของชอบให้ผู้บริโภค ในฐานะคนผลิต ใช้อะไรตั้ง ระหว่าง เรตติ้ง หรือเนื้อหา เพราะการผลิตในเวลายอดนิยม ต้องชน และสู้กับคู่แข่งให้ได้อีก
ดร. วิชนี บอกว่า "เราเอาเนื้อหาเป็นหลัก ว่าทำยังไง ที่จะให้โดนใจคนดผุที่ชมอยุ่ ณ ช่วงเวลาที่เราเลือกสรรค์ว่า เป็นเวลาพีคและคู่แข่งเยอะ เราคิดว่า การทำงานของเราในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวันไหน เราคัดสรรให้มีความแตกต่าง ให้คนดู ดูในสิ่งที่หลากหลาย และได้ดุในสิ่งที่ไม่ซ้ำเลยในแต่ละวัน เราคัดสรร และอยากตอบโจทย์ ให้ความสุขคนดูได้จริงๆค่ะ"
บอกอีกว่างานนี้ทำการบ้านหรักในการบริหารธุรกิจ "เราทำงาน เมื่อเราเลือกเนื้อหามาแล้ว เราใส่ใจ เราลงรายละเอียด เรตติ้งก็จะต่างกัน สิ่งที่เราทำ เราก็ทุ่มเท พอสมควร และได้เพื่อร่วมงานทางธุรกิจที่ดี"
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ถึงความกดดัน ในการบริหารธุรกิจให้ไปต่อ บนความหลากหลายในองค์ประกอบ
"กดดัน เราตั้งใจ เราทำอะไรด้วยความตั้งใจมาตลอด และไม่เคยหยุด จะเห็นว่าเราครีเอทรายการเยอะมากๆ พยายามสร้างความแตกต่าง เราแข่งกับตัวเอง เราต้องทำสิ่งที่ต่างจากที่เคยทำตลอดเวลา ถามว่ากดดันไหม กดดันกับตัวเอง ต้องดีกว่าเดิมค่ะ"
ทางด้าน คุณณฐกฤต วรรณภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับทีวี ธันเดอร์ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการผลิตรายการ Dating Show มาอย่างยาวนาน ซึ่งหากพุดถึงรายการสุดฮอตในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Take Me Out Thailand หรือผลงานละครเรื่อง “แม่สื่อโลโซ” ที่อยู่ในระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งทีวี ธันเดอร์ เองก็ใช้ประสบการณ์การทำละคร และซีรีส์ตลอด 30 ปี เตรียมเป็นกลยุทธเสิร์ฟให้ผู้ชม
ทั้งนี้ หากการเสิร์ฟความชอบไปถึงผู้รับสาร แต่มันยังต้องคงเอกลักษณ์ หรือความเป็นตัวเองด้วย ผู้สื่อข่าวเลยขอถามว่ามันควบคู่ หรือขนาดกับแนวคิดการทำงานอย่างไรบ้าง
คุณณฐกฤต บอกว่าการก้าวไปของอุตสาหกรรมบันเทิงไทย "ด้วยตัวเนื้อหา เราเอาคนดูเป็นศูนย์กลาง เราก็พยายามปรับเปลี่ยน เราต้องเดินตาม ยกตัวอย่างปีที่ผ่านมา เราทำเนื้อหาดราม่าซีรีส์เยอะขึ้น เราทำความเข้าใจกับลายมือเราให้มากขึ้น ซึ่งหมายความว่า เราพยายามทำ เนื้อหาที่มาจากชีวิต หรือใกล้ชีวิตคนชมจริงๆ อะไรที่ใกล้เคียง ถ้าหยิบขึ้นมาพูด เราจะสะท้อนความจริงออกมา เราพยายามจะตามความต้องการคนดู เป็นสิ่งที่เราพยายามทำและเปลี่ยนแปลง"
ส่วนในมุมมองการบริหาร ยุคสมัยมันผ่านไป การบริหารเลยเป็นเรื่องยากขึ้น เสมือนนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งในการทำงาน ทำให้การบริหารธุรกิจบันเทิง ไม่หยุดนิ่ง "เราไม่อยากเฉย เราต้องตามคนดูให้ทัน สำหรับในความเป้นผู้บริหารจะบอกให้องค์กรมีความตื่นตัวสูง" ซึ่งทั้งสองคน มีมุมมองที่เหมือนกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง