แอนนา-ฮิปโป เชื่อ "กระติก" มีสามัญสำนึกความเป็นคน ให้การช่วยคลี่คลายคดี

 

เพื่อนสนิทแตงโม ทั้ง แอนนา วรินทร, ฮิปโป ฉันท์ชนะ และ พุดเดิ้ล ยุพดี ได้ตระเวนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายสำนัก หลังติดตามข่าวการเข้าให้ปากคำของ กระติก โดยเชื่อมั่นว่า เจ้าตัวมีสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์และน่าจะให้ความร่วมมือไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ยังขอบคุณพลังโซเชียลที่ช่วยค้นหาเบาะแสกันอย่างเต็มที่ 

 

 

 

 

กระติก เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจอีกครั้ง หวังไหมว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี? ฮิปโป – “เมื่อวานก็เหมือนที่ทราบกันมาจากพี่ๆ ว่าเขาก็เข้าไปค่อนข้างนานพอสมควร 7 ชม.เลย เราเลยคิดว่าน่าจะมีความคืบหน้าอะไรบ้างในการให้ปากคำกับคุณตำรวจ”

 

แอนนา – “แอนนาคิดว่ากระติกเป็นคนที่มีสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์ เลยเชื่อว่ากระติกต้องให้ความร่วมมือไม่มากก็น้อย ตอนหลังแอนนาไม่กดดันกระติกเลยเห็นไหมคะ เพราะเราก็รู้สึกว่าพูดไปเยอะแล้ว ไม่อยากให้มันกลายเป็นมากเกินไปจนทำให้เขารู้สึกว่าอาจจะคิดสั้น เราไม่อยากทำแบบนั้น เราให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการไปดีกว่า”

 

ตอนนี้เหมือนมีหลายฝ่ายออกมาช่วยกันเรื่องนี้เพิ่มขึ้น? แอนนา – “ดีใจนะคะสำหรับการที่ไม่ว่าจะเป็นทนายตั้มหรือใครก็ตามออกมาพูด เพราะตอนแรกรู้สึกว่าเราสู้กันมีแค่กลุ่มเพื่อนพวกเรา คุยกันว่าสรุปแล้วมันยังไงกันแน่ ใครได้ยินอะไรมา แล้วก็มานั่งวิเคราะห์เหมือนตั้งข้อสังเกตกันเอง ตอนหลังพอมีคนเข้ามาช่วยมากขึ้นก็รู้สึกว่าพวกเราไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวในโลก ยังมีคนต่อสู้เพื่อโมอีกเยอะ พลังโซเชียลนี่ดีมาก ช่วยมากๆ มีอะไรก็ตามที่เป็นเล็กๆ น้อยๆ เขาช่วยเราหมดเลย”

 

ฮิปโป – “โดยเฉพาะอย่างเรื่องกล้อง บางอย่างเราก็ยังเข้าไม่ถึง แต่เขาไปหามา แล้วบางคนอินบ็อกซ์มาส่วนตัว แล้วก็พยายามค้นหาความจริงโดยที่ไม่ลดละความพยายาม ซึ่งตรงนี้เราขอบคุณมากๆ เพราะว่ามันสำคัญและจำเป็นมากอย่างน้อยเราก็ต้องยอมรับว่าคดีนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังโซเชียลจริงๆ มันทำให้เราได้เห็นในหลายๆ มุม”

 

 

 

 

ถามถึงภาพวงจรปิดล่าสุด วันที่เกิดเหตุฮิปโปขับรถผ่านทางปากซอยท่าเรือพิบูลสงครามได้สังเกตเห็นกระติกและโรเบิร์ตออกมาทางปากซอยนั้นไหม? ฮิปโป – “จริงๆ ภาพเหตุการณ์นั้นไม่เห็นเลย เท่าที่ฮิปโปสังเกตนะคะ เพราะตอนนั้นเราโฟกัสเรื่องเพื่อน พอเราได้เจอพี่กระติกแล้วก็ถามแค่ว่าเพื่อนอยู่ไหน แล้วเขาให้คำตอบกับเราไม่ได้ เราก็เลยออกมาเพื่อที่จะรวมตัวกับเพื่อนที่รออยู่”

 

แอนนา – “คือพอเราถามว่าเพื่อนอยู่ไหน เขาบอกว่าตกอยู่ในน้ำ โอเคเราก็โฟกัสที่ท่าเรืออย่างเดียว ไปหาที่ท่าน้ำอย่างเดียวแล้ว เราไม่ได้มาสนใจอะไรที่เหลือแล้วว่าเขาไปไหนหรือทำอะไรกัน เราก็สนใจแค่โมอย่างเดียว แต่ชาวเน็ตเขาก็สรุปแล้วว่ามันไม่ได้มีอะไรน่าสงสัย เพราะว่าตรงนี้มีคนมาโยงแล้วว่าหนึ่ง สอง สาม สี่ มีอะไรบ้างที่กระติกต้องกลับ เขาบอกว่าเหมือนนั่งแกร็บไปต่อตรงนั้น แล้วนั่งตรงนั้นมาต่อตรงนี้ แล้วโบไปส่งที่บ้านประมาณนี้ค่ะ”

 

อยากให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายก่อนวันงานไว้อาลัยที่ใกล้จะมาถึงไหม? แอนนา – “ตัวหนูไม่รีบเลย แต่หนูอยากได้ความจริงที่มันจริงจริงๆ ความจริงที่มันส่งให้อัยการแล้วคดีจะไปต่อได้ ไม่ใช่ว่าพอส่งไปให้อัยการแล้วสำนวนอ่อนเหลือเกิน สุดท้ายไปยกฟ้องในชั้นอัยการอย่างเนี้ย เข้าใจไหมว่ามันไม่ใช่ว่าตำรวจสรุปเป็นการฆาตกรรมพอไปอัยการแล้วเขาจะตามนั้น คือมันมีอีกหลายขั้นตอนมาก ฉะนั้นเราเลยไม่รีบว่าต้องเป็นก่อนงานศพ ที่เราอยากได้จริงๆคือความจริงที่สุด”

 

แอนนา – “เชื่อไหมว่าหนูยังไม่เชื่อเลยว่าโมเสีย หนูยังหลอกตัวเองอยู่เลย เอาคลิปเก่าๆ มานั่งดูแล้วก็บอกกับตัวเองว่าโมยังไม่เป็นไร หนูรู้สึกว่ามันก็ไวไปหน่อย แล้วก็อาจจะต้องให้เวลาตัวเองอีกเยอะๆ ดังนั้นพอมันใกล้ถึงวันงานศพมันก็รู้สึกทำใจไม่ได้ รู้สึกว่ามันจะไม่มีเขาแม้แต่ร่างเลยนะ ไม่เหลืออะไรให้เราเห็นเลยนะ ใจหายค่ะ”

 

 

ขอบคุณข้อมูล ข่าวสดออนไลน์