เจาะสัมพันธ์ "จ๊อบ-แตงโม" พบร่องรอย มีพฤติกรรมชวนสงสัย กดดันสื่อลบภาพ

จากกรณีที่ "จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร" เป็น 1 ใน 5 คน ของเพื่อน "แตงโม นิดา" ที่อยู่ในเรือสปีดโบ๊ท ก่อนเกิดเหตุดาราสาวเสียชีวิต ได้ออกไปให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส โดยหลังจากจบรายการ มีนักข่าวขอสัมภาษณ์เพิ่มเติม แตจ๊อบแสดงท่าทางไม่พอใจ ใช้มือปัดไมค์ของนักข่าวจนได้รับบาดเจ็บ เป็นห้อเลือดที่นิ้วมือด้านขวา โดยนักข่าวคนดังกล่าวบอกว่า ตั้งแต่ "จ๊อบ" อยู่ในรายการก็สังเกตเห็นว่าทั้งสีหน้าและอารมณ์อยู่ในความเครียดสูง และมีอาการหงุดหงิดเป็นระยะ ถึงแม้จะคลายข้อสงสัยเรื่องเสื้อขาด และเรื่องก้มๆเงยๆ ตอนอยู่บนเรือจากปากตัวเอง ต่อหน้าสาธารณะชนได้แล้ว 

ล่าสุดผู้ประกาศข่าวชื่อดัง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ออกมาเผยข้อมูลว่า "จ๊อบ" มีการเปลี่ยนเสื้อเป็นตัวที่ใส่ในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าตัวนำมาด้วยเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าเสื้อไม่ได้ขาดอย่างที่ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกต แต่นักข่าวเหลือบไปเห็น รอยช้ำใต้รักแร้ กับรอยข่วนที่คอ ก็เลยถามว่าถึงที่มาของแผล เจ้าตัวก็บอกว่าล้มบนเรือ จากนั้นก็ออกอาการไม่พอใจ และไปบอกเพื่อนอย่าง "ไฮโซปอ" ทำให้ "ไฮโซปอ" มากดดันให้นักข่าวลบคลิปสัมภาษณ์และฟอแมตการ์ดทันที จนถูกมองว่านี่คือการทำลายหลักฐานหรือไม่ แถมยังบอกอีกว่า เหมือนเสื้อจะเป็นคนละตัว ที่ใส่ในวันเกิดเหตุ 

สำหรับ "จ๊อบ" เป็นรุ่นน้อง "ไฮโซปอ" เป็นทีมงานที่บริษัท แล้วสนิทกัน ทริปเรือที่ "แตงโม" ตกน้ำเสียชีวิต จ๊อบให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสว่า เขาคือมือชงเหล้า รินไวน์ ตอนที่อยู่ในเรือก่อนเกิดเหตุ จ๊อบเห็นแตงโมเดินไปท้ายเรือ เพราะจุดที่ตัวเองนั่ง เหมือนนั่งสองแถว เก้าอี้ดีไซน์มาให้นั่งหันไปด้านข้างเรือ แต่ไม่ได้กวาดสายตาไปดูว่า แตงโมทำอะไร ตอนที่แตงโมตกน้ำ จ๊อบบอกว่า "ผมได้ยิน ก็ตะโกนว่า พี่โมตกน้ำ กลับๆ ระหว่างนั้น ผมก็หันไปมอง ว่าเขาตัวพี่โมอยู่ตรงไหน พยายามจำภาพ ถ้าเราวกเรือกลับปุ๊บจะได้รู้ว่าอยู่ตรงไหน" 

ส่วนภาพ "จ๊อบ" ก้มๆเงยๆ ท้ายเรือ ถูกสงสัยทำร้าย "แตงโม" เจ้าตัวแจงว่า "ผมครับ เรือลำนี้ถ้าจะจอดเทียบท่าต้องมีกันชน เหมือนเป็นทุ่นติดข้างๆ เรือ เพื่อเวลาเอาเรือเทียบกับท่าหรือโป๊ะไม่ให้กระแทก ไม่ให้เรือเสียหาย ถ้าเห็นตรงเรือมีคล้ายๆ รูเป็นเหล็ก เราก็เสียบเข้าไป เป็นภาพที่ผมติดกันชนเลยครับ ผมติดทุ่นอยู่ เรือลำนี้ต้องติดทุ่นสองอัน บนเรือผมเป็นน้องสุด มีอะไรก็พยายามช่วยทุกคน ผมคอยติดทุ่นตลอดเวลา เวลาทำอะไรก็ตาม"

แม้ว่า ภาพชายเสื้อขาดถูกสงสัยว่าเป็น " จ็อบ" แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า ตนเป็นชายคนดังกล่าว ที่ถูกสังคมสงสัย แต่เสื้อตนไม่ได้ขาด พร้อมนำเสื้อตัวดังกล่าวออกมาชี้แจง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ "เอามา ยังไม่ได้ซักเลย ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ผมอยู่บ้านได้น้อยมาก จะซื้อมาใหม่ทำไมครับ พิสูจน์ได้ครับ เอาเลยครับ ยืนยันว่าตัวนี้ ไม่มีรอยขาดครับ" 

หลังเกิดเหตุ "แตงโม" ตกน้ำ ตอนที่อยู่บนเรือ "จ๊อบ" บอกว่า "ด้วยตัวผมเองเป็นพวกขาลุย พวกพี่เขาก็โทรกันไป แต่ตัวผมเอาตัวไปแนบหน้าเรือ ผมมีมือถือสองเครื่อง เปิดไฟฉายมือถือเครื่องนึงแล้วโยนไปที่เก้าอี้ ใช้อีกเครื่องแล้วเอนลงไป จังหวะนั้นผมก็กลัวตายเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ ตรงนี้คือหน้าเรือ ตัวผมเอนแล้วฉาย ตัวผมบางจังหวะยังมือจุ่มน้ำ แต่แล้วแต่คลื่น บางจังหวะก็ไม่ถึง ผมทำอยู่อย่างนั้น พวกพี่ปอ คนอื่นเขาตะโกนเรียกโมๆ ตัวผมมีบ้าง แต่เน้นแทบจะเอาหน้าให้เห็นผิวน้ำที่สุด เพราะผมเป็นคนดำน้ำ ถ้าเราตกน้ำสิ่งที่ควรมอง มันคือการตะกุยหรือยื่นมือขอความช่วยเหลือ ผมทำหน้าที่ตรงนั้น จังหวะนั้นผมได้ยินอยู่ไม่กี่อย่างว่า 10 นาทีแล้วนะ 20 นาทีแล้วนะ ผมก็มองหันไปเรื่อยๆ อย่างพี่ปอ" 

"เราขับวนมันอาจจะพัดหรือเปล่า เรามีการสื่อสารกับทางโป๊ะตลอด ว่าตอนนี้มีคนตกน้ำยังไง เจ้าหน้าที่เขามา แต่เขาบอกว่าไม่มีเรือ ในมุมมองผม ถ้าเขาไม่มีเรือแสดงว่าตอนนี้พี่ก็ช่วยเราไม่ได้ แต่เรามีเรือของเราอยู่ ที่เรายังไปบีบแตรเรือลำอื่นแล้วตะโกนว่ามีคนตกน้ำ ให้เขามาช่วย แต่ก็ไม่มีนะครับ งั้นเราก็หาเท่าที่เราทำได้ ตัวผมก็บอกพี่ปอว่าเราขับซิกแซกดูไหม ตอนนั้นเราคุยกับทางบนบก ผมตะโกนว่าน้ำพัดไปทางไหน เขาบอกว่าขึ้นไปทางนนท์ ก็ชวนพี่ปอขึ้นไปดูกันวนอยู่นานมาก แต่ถามว่ารู้เวลาไหม ผมไม่รู้ เหมือนทุกคนกำกับเวลา ว่า 10 นาทีแล้ว 20 นาทีแล้ว ซึ่งก็ยังไม่เจอ ผมยังบอกพี่ปอว่าพี่ไปตรงโน้น ไปจุดตรงนี้ ไปดูตรงไม้ดำๆ หน่อย ผมรู้สึกขนลุก บางครั้งผมมีเซ้นส์นิดๆ หน่อยๆ หรือเราลองแล่นแบบซิกแซกไหม แต่พี่เบาหน่อยนะ นี่คือสิ่งที่ผมทำ"

"ถามว่าเทียบท่าทำไม พอดีผมเห็นไฟ ตอนแรกที่ทุกคนมาไม่มีไฟฉาย ผมอยู่ด้านหน้าตลอด พี่ปอเป็นคนขับ ผมบอกพี่ปอ ตรงนั้นเหมือนมีไฟเต็มเลย ผมบอกว่าให้เข้าไปก่อน น่าจะเป็นรูปที่ผมไปยืนแล้วเหมือนชี้อะไรพวกนี้ด้วยหรือเปล่า เพราะตัวผมเองมีทั้งลงเจ็ทสกี ไปขึ้นบก แล้วลงเจ็ทสกีกลับขึ้นมา ตอนเขาบอกว่าจุดไม่ละเอียดพวกพี่ทำงานไม่ได้ คนขับเจ็ทสกีก็อยู่กับผม ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวพาไป เพราะผมคิดว่าผมจำภาพได้ คนอื่นผมไม่รู้ยังไง ผมก็อาสาลงเอง ไม่ต้องมานั่งคิดมาก และผมก็ไปหาอีกวันกับพี่เบิร์ต เราแบ่งงานจะออกตามหา วันรุ่งขึ้นไปกับคุณแชมป์ 300 กะรัต เราไปออกตามหา ตอนแรกจะไปออกที่ท่าเอ็นบีซี แต่เขาบอกว่าท่าโดนปิดอยู่"