เปิดเส้นทางดนตรี "อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี" ศิลปินแห่งชาติ ฉายา "จอมยุทธขลุ่ย"

ล่าสุด "อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี" หรือ "จอมยุทธขลุ่ย" ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2559 ได้เปิดใจกับทีมข่าวคมชัดลึกบันเทิงของเราถึงเรื่องราวสมัยเด็กที่เคยอยู่บ้านนอกจนวันที่ได้มาเป็นศิลปินแห่งชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ทุกอย่างผ่านมาได้เพราะความรักในเสียงดนตรี

เส้นทางชีวิตก่อนเป็นศิลปินแห่งชาติ?

"ผมบอกประโยคหนึ่งก่อนเลยนะครับ ผมมาจากเด็กบ้านนอกโตมาจากท้องไร่ท้องนาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากความรัก ผมรักในเสียงดนตรี รักในเสียงขลุ่ยและทุกสิ่งทุกอย่างนี่หล่อหลอมผมมา สมัยเด็กนี้ผมไม่มีอะไรเลยไฟฟ้ายังไม่มีเลยเรื่องสื่อสารนี่ไม่ต้องพูดถึง ผมได้โรงลิเกและโรงรำวงนี่เป็นครูเป็นแบบมาตั้งแต่เด็ก  และเสียงขลุ่ยที่ทำให้ผมพัฒนามาได้ถึงทุกวันนี้มาจากความรักเพลงธรณีกันแสงท่อน2 สมัยเด็กไม่มีตังอะไรได้ขลุ่ยมาจากงานวัดก็เอามาเป่าท่อน 2 ของจริงจะเศร้าแต่สมัยเด็กนึกสนุกก็เอามาเป่าแบบเร็วกระโดดโลดเต้นไป

ชีวิตบนถนนดนตรีผมเริ่มต้นด้วยทำนองแค่นี้เอง ไม่ได้คิดใหญ่โตไม่ได้คิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องโด่งดังอะไรขอเเค่ตัวเองมีความสุข เพราะมันมีความสุขแล้วจะเกิดความรัก เกิดความรักและถูกพัฒนาไปจนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นบนถนนดนตรีที่ผ่านมานั้นของผมเกิดจากความรักพอมีความรักแล้วทุกอย่างจะตามมาความอดทน

สมัยเด็กๆที่เริ่มเล่นคำว่า "เต้นกินรำกิน" แรงมากๆสำหรับผม แต่ผมรักสิ่งนี้และใครจะว่ายังไงไม่สนเพราะเราทำแล้วเรามีความสุขแต่เราไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้มาถึงทุกวันนี้เพราะความรักในเสียงดนตรี"

เมื่อถามต่อว่าคิดยังไงที่คนยกให้เป็น "จอมยุทธขลุ่ย"?

"อ.ธนิสร์" ตอบทันทีว่า "อื้อหือ..สมัยนี้เด็กเล่นเก่งทั้งนั้นเลย ผมเห็นเด็กและผู้ใหญ่เล่นเก่งก็มีความสุข เพราะว่าสิ่งนี้จะได้อยู่คู่กับคนไทยอยู่กับประเทศไทยไปตลอด เด็กรุ่นใหม่ๆโดยเฉพาะโครงการที่ผมทำนั้นเห็นเด็กเล็กๆเป่าด้วยความรักความสนุกอันนี้ชื่นใจ ผมยิ่งเห็นเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งขึ้นมีความสามารถขึ้น พัฒนาเร็วขึ้นเขาต้องดีกว่าเราสักวันอันนี้คือความที่ผมภูมิใจและความสุขที่แท้จริงที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมขอเป็นสะพานให้กับเด็กๆรุ่นใหม่ๆให้เขาเดินต่อไปให้เขาพัฒนาไปเทียมอนารยประเทศ เพราะฉะนั้นสิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ทำต้องขอบคุณเป็นอย่างมากที่ทำให้ผมทำงานง่ายคิดและลงลึกได้มากขึ้น"

มีโครงการสอนขลุ่ยด้วยใช่ไหมคะ?

"โครงการขลุ่ยสร้างความสัมพันธ์ของคนในชาติครับ คือ 1.ความรู้สึกความเป็นไทยจะกลับมา ความงดงามที่มันมีอยู่ในนี้ผ่านเสียงขลุ่ยโดยผมจะถ่ายทอดให้เขาได้ละสายตาจากโซเชียลมาบ้างและมาทำความสุขด้วยตัวเองด้วยการเป่าขลุ่ยพอเขาเกิดความสุขและเขาจะเกิดความรัก และบทเพลงที่ผมประพันธ์ขึ้นมาให้เด็กๆได้เล่นนั้นมาสอนวันเดียวสามารถที่จะร่วมเล่นกับคนอื่นเขาได้แล้ว เป่าสองท่อนก็เล่นได้เเล้ว ฉะนั้นเด็กเขาจะเกิดกำลังใจเเละเล่นได้สนุก เพราะเด็กยุคนี้เราไม่สามารถไปจับให้เขานั่งพับเพียบเรียบร้อยได้แล้ว เขาต้องไว เลย ผมก็ประหลักสูตรการสอนให้เขาเล่นได้ไว ไวขึ้นๆแล้วเขาจะอยู่ได้ ไม่งั้นหนีไปอยู่กับโซเชียลหมด เพราะฉะนั้นดึงเขามาบ้างถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นคือเขามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ผมคงทำทั่วประเทศเด็กภาคกลาง เหนืออีสาน ใต้ จะมีการแลกเปลี่ยน"

"อ.ธนิสร์" ปิดท้ายด้วยคำคม  "เสียงดนตรีไม่เคยแบ่งใคร  ไม่เคยแบ่งสี  ไม่เคยแบ่งอะไรทั้งสิ้น เสียงดนตรีคือเสียงดนตรีที่ออกมาจากใจและผูกสัมพันธ์กันไว้มันจะเเน่นยิ่งกว่าเรื่องอื่น การผูกพันด้วยเสียงดนตรีด้วยความรักนี่มันจะส่งต่อกันไปส่งต่อกันไป เด็กเขาก็จะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ความสงบร่มเย็นที่เกิดจากการเล่นนะครับ"