ช็อก "นุ๊กซี่" แฟน "ปู แบล็คเฮด" พบมะเร็งที่สมองอีก หลังรักษามะเร็งเต้านม

ล่าสุด (21 กุมภาพันธ์ 2565) "นุ๊กซี่ อัญพัชญ์" และ "ปู แบล็คเฮด" ได้เปิดเผยถึงอาการป่วยครั้งนั้นในงานแถลงข่าว "โครงการบันทึกพิชิตมะเร็ง" โดย "นุ๊กซี่" เผยว่า "หลังจากรักษาด้วยคีโมมาแล้ว 18 ครั้ง ก็พักการรักษามาประมาณ 2 เดือน แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วมีอาการปวดหัว ก็เลยกลับเข้าไปหาคุณหมอ แล้วก็พบว่ามีจุดที่สมอง เป็นจุดเล็กๆ ก็เลยฉายแสงไป 10 ครั้ง แล้วก็นอนโรงพยาบาลเป็น 10 วันเลย จะได้อยู่ใกล้คุณหมอ และตอนนี้ได้ออกมาแล้ว" 

โดยจะเห็นได้ว่าในงานดังกล่าว "นุ๊กซี่" ยังไม่สามารถเดินได้เหมือนปกติ ยังต้องนั่งรถเข็นอยู่ โดยเธอได้เผยถึงเรื่องนี้ไว้ว่า "ตอนนี้เซลล์มะเร็งลามไปที่สมอง โชคดีพบในปริมาณน้อยมากๆ ซึ่งแพทย์ก็ได้แนะนำให้ฉายแสง 10 ครั้งก็น่าจะคุมได้ ทำให้ต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีการแพ้ใดๆ แต่เพราะนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวเกือบ 2 อาทิตย์ ทำให้ขาเริ่มลึบ ยังเดินไม่ถนัด ยังต้องนั่งรถเข็น เดินแล้วเหนื่อย เพราะมีการฉายแสง และระหว่างการรักษาก็มีการทานยา มีการฉีดยา พอปวดมากก็ต้องฉีดมอร์ฟีนเลยยังคอนโทรลไม่ค่อยได้ ตอนนี้ก็ยังเวียนหัวอยู่บาลานซ์ยังไม่ค่อยได้ คุณหมอเลยแนะนำให้ทำกายภาพ"

อย่างไรก็ตาม "นุ๊กซี่" ได้เผยถึงการเป็นผู้ป่วยมะเร็งว่า "ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งจนถึงวันนี้ ยังไม่รู้สึกว่าท้อเลย การออกไปโรงพยาบาลคือสนุกมาก ใช้วิธีปรับความคิดตัวเอง สร้างความสุขได้จากการที่ป่วย เรียกว่าการป่วยครั้งนี้ทำให้เห็นความสุขชัดเจนมาก รู้สึกรักตัวเองมากขึ้น แล้วก็อยากมีชีวิตอยู่นานๆ อยากฝากถึงคนป่วย มะเร็งมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราแค่เหมือนมีโรคประจำตัว ขอให้คนที่เห็นตนมีกำลังใจ" และยังบอกอีกว่า "ความรู้สึกตอนแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งคือสับสนมาก เพราะเรายังสนุกกับการทำงานแล้วก็อายุยังน้อย แต่ พี่ปู ให้กำลังใจดีมาก บอกป่วยก็รักษา มันทัชใจมาก ในตอนนั้นที่ตนคิดว่า จะตายแล้วหรอ จะอยู่ได้นานแค่ไหน ทำไมต้องเป็นเรา ก็หายไป แล้วก็ทำการรักษามาเรื่อยๆ จนเดือนธันวาคมก็เป็นการคีโมครบ 18 ครั้ง"

ด้าน "ปู แบล็คเฮด" ได้เผยถึงการเป็นคนที่ต้องดูแลผู้ป่วยว่า "ปกติการเป็นศิลปินก็คือการทำงานบริการอยู่แล้ว พอมาดูแลคนป่วยก็เหมือนได้ทำงานบริการ แต่ฟีลตอนนี้เหมือนคนใช้นิดหนึ่ง (หัวเราะ) แต่ก็เต็มใจทำ เราเป็นคนใกล้ชิดเวลาเขาเป็นอะไร เราจะรับรู้ได้เลยทางสีหน้าของเขา ก็ต้องคอยสังเกตเขา อยากบอกคนผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งว่า ทุกอย่างควรทำด้วยใจ ถ้าไม่ใช้ใจมันมีอารมณ์อยู่แล้ว และอยากให้เติมเต็มซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้ป่วยและคนดูแล อย่าแค่ปรนนิบัติ แต่ต้องพูดคุยกันด้วย"