เชื่อใครดี? อ่านสรุปดราม่า "สมปอง" แตกหัก "ติ๋ม ทีวีพูล" ซัดแรง ไม่ไว้หน้ากัน

ก่อนหน้านี้ "ทิดสมปอง" หรือ "สมปอง" และ "ติ๋ม ทีวีพูล" เจ้าแม่วงการสื่อบันเทิง เคยออกรายการตีท้ายครัว ช่อง3 ด้วยกัน เปิดบ้านหรูของ ติ๋ม ทีวีพูล ที่ให้สมปองได้อาศัยอยู่ หลังสึกพระ โดย ติ๋ม ทีวีพูล บอกในรายการว่า บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ ไม่ได้มีชีวิตชีวามานานมาก ตั้งแต่โดนกระแสดิจิทัล ตอนนั้นเกือบจะกระโดดตึก แต่ตอนนั้นมีธรรมะ หวังว่า สมปอง จะมาต่อธรรมะให้ กับสมปองไม่ได้รู้จักกันยาวนาน แต่ว่าได้ยินชื่อเสียง เป็นห่วง สมปอง คอยสอนเขาว่า การเมืองในวงการสงฆ์ ยังไม่เท่ากับข้างนอก ข้างนอกน่ากลัวกว่าเยอะ

แต่ภายหลังจากที่ออกรายการได้ไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา "สมปอง" ได้โพสต์คลิปชี้แจง ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า รายการ มาหาพาสนุก ทางช่อง 9 , รายการ ถึงไหนถึงกัน ทางช่อง 5  , และรายการโทรติดทิดตอบ ทางทีวีพูลออนไลน์ ที่ทำร่วมกับ "ติ๋ม ทีวีพูล"  ตนเองไม่ได้มีส่วนร่วมแล้ว 

ด้าน "ติ๋ม ทีวีพูล" พร้อมด้วยลูกชาย ได้จัดงานแถลงข่าวเผยว่า สมปองเป็นฝ่ายเข้ามาหาตนเอง ตนให้อยู่บ้านโดยไม่คิดอะไร กระทั่งคนรู้จักเป็นห่วง กลัวจะถูกหลอก เลยมาเตือน พร้อมบอกว่า เสียค่ารีโนเวทบ้าน ทำใหม่หมดไป 7 แสน สมปองบอกว่าไม่มีเสื้อผ้า ซื้อแบรนด์เนมให้ใส่หมดไปแสนกว่าบาท รวมๆเกือบล้าน เรื่องเงินไม่ติดใจ แต่เสียความรู้สึก 

คิดว่าจุดแตกหักคือเรื่องเงิน สมปอง เป็นทะเยอทะยาน อยากรวยเร็วๆ เพราะมีหนี้นอกระบบ สมปองไปลงทุนทำสวนยางพารากับครอบครัว ทั้งหมด 10 ล้าน 9 แสนบาท โดยซื้อที่ดิน สปก. เกือบ 300 ไร่ แล้วทำไม่ได้ หนี้เลยพอก แถมเจอดอกเบี้ยเดือนละ 3 แสน และยังเป็นหนี้ลูกศิษย์หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ เลยวางแผนใช้หนี้ให้ และได้นำเงิน 1 ล้านบาท ให้ลูกชายไปจ่ายให้กับ ลูกศิษย์ของหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่สมปองได้ติดหนี้ไว้ และทำรายการให้สมปอง 3 รายการ โดยให้ค่าตัว สมปอง แพงกว่าดาราดังๆ โดยให้คิวละ 50,000 - 100,000 บาท ทั้งหมดได้เงินเดือน เดือนละ 250,000 เซ็นสัญญา 2 ปี แถมติดต่อโฆษณาค่ายรถ ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ให้ แต่สมปองไม่เอาเพราะอ้วน ตนเลยติดต่อหมอคลีนิคดัง เพื่อให้สมปองดูดไขมัน แต่สมปองก็ไม่เอา ทั้งๆที่คุยกันแล้ว 

เรื่องที่สมปองไปไม่บอก ไม่มาลา เก็บของไปหมด เหลือแค่รูปไว้ในห้อง ตอนแรกตกใจมาก ขออโหสิกรรมให้หมด ให้แล้วให้เลย ไม่ต้องมาเจอกันอีก ไม่ร่วมงานด้วยแล้ว ขอให้โชคดี เรื่องสมปองฉีกสัญญา ให้ฝ่ายกฎหมายจัดการ ถ้าจำเป็นก็ต้องฟ้องร้อง พร้อมทิ้งท้าย ฝากถึงสมปอง เรื่องแอลกอฮอล์ เรื่องผู้หญิง ไม่ต้องไปรีบรวย เดี๋ยวจะพลาด อย่าไปอยู่ในวังวนของธุรกิจสีเทา เสียเงินไม่สำคัญเท่ากับเสียความรู้สึกที่เสียไป รายการยังคงมีต่อไป ส่วนลูกชาย ติ๋ม ทีวีพูล บอกว่า อนาคตไม่ได้ร่วมงานกันอีก อยากจบกันด้วยดี สมปองไปแล้ว จะไม่มีคำว่า "สมปอง นครไธสง" ในบ้านนี้อีก

จากนั้น "สมปอง" ได้ไลฟ์สด ชี้แจงกลับว่า เรื่องเข้ามาอยู่บ้าน เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเป็นพระได้พูดคุยกัน เรื่องที่อยู่ไม่ได้ขอ เป็นการคุยกันมีน้ำใจต่อกัน ขอบคุณทุกอย่างที่มอบให้ ตนอาจมีวาสนาได้อยู่แค่เดือนเดียว ส่วนเรื่องหนี้สิน ตนไม่ได้เอาเงินออกจากพุทธศาสนาเลย เมื่อเป็นหนี้ต้องรับผิดชอบ บางรายติดหนี้ตนก็ยกให้ สำหรับตนที่ทำงานหนัก เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ตนไม่ชอบการได้เงินมาเปล่าๆ  สมัยเป็นพระมีชาวบ้านใส่ซองให้ รับบ้างไม่รับบ้าง อยากทำงานทำอะไรให้เขาก่อน ค่อยได้รับเงินมา เมื่อมีหนี้ก้อนใหญ่ ก็ต้องทำงานใช้หนี้ ไม่ใช่ให้คนมาใช้หนี้ให้ อยากทำงานใช้หนี้เอง ความจริงงวดแรก 1 ล้านบาท เพิ่งทราบจากเลขา ตนไม่ได้ใช้เงินก่อนนั้น และเอาเงินทั้งหมดที่ได้มาไปใช้หนี้หมด ตนเป็นคนเต็มที่กับงาน ทำงานหนักไม่ใช่หิวเงิน ถ้าอยากรวยจริงคงไม่บวช 

เรื่องสัญญา ตอนนั้นอยู่กันครบทุกคน ทีมงานคิดว่าเดือนละ 1 ล้าน แต่มันคือ 4 เดือน 1 ล้าน ไม่ใช่ปัญหา ก็เซ็นไป ซิทคอมครั้งแรก ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ทำงานถึง ตี 2 มันค่อนข้างใช้เวลา ตนเสียงแหบไปเยอะ รู้สึกทำงานให้ใครมันต้องคุ้มค่าเขา ตนได้ทบทวนเรื่องนี้ ไม่สบายใจ เป็นตัวถ่วง บางรายการ เรารู้สึกว่าแทบไม่ได้มีส่วนร่วม แล้วเขาจะมาเสียค่าตัวให้ทำไม สัญญาที่มีเป็นฉบับเก่า ได้คุยกัน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงสัญญา วันทำงานมันเยอะไป รายการแบบเดียวกัน ควรเดือนละครั้ง หรือรายปักษ์ อาทิตย์ละครั้ง ซึ่งคุณเต้ ลูกชาย ติ๋ม ทีวีพูล ก็ได้พูดคุย เพื่อเปลี่ยนแปลงสัญญา ก็มีการให้ได้ไม่ได้ แต่ยังไม่ได้เซ็น เพราะตนอยากดูให้รอบครอบกว่าตอนที่เซ็นสัญญาเก่า กลัวไม่คุ้มกับเงินที่เขาให้ ย้ำไม่ใช่ปัญหาเรื่องค่าตัว 

ส่วนเรื่องคบคนสีเทา สีดำ ไม่ได้มีปัญหา ไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่ยุ่งกับยาเสพติด เรื่องผิดกฎหมายไม่ยุ่งอยู่แล้ว เรื่องที่ดิน ก็ที่ดินของพ่อแม่ญาติพี่น้อง เรื่องเงินร้อยล้านไม่มีจริง เป็นการพูดแซวกันเฉยๆ ขอบคุณผู้หญิงคนนั้น ตนมีความสุขในการทำงาน ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ที่เมตตา ตนยังเป็น สมปอง คนเดิม จะตั้งใจทำงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา และจะพูดครั้งนี้ครั้งเดียว