"ภราดร ศรีชาพันธุ์" เปิดใจหลังคนมองตกอับต้องขายรถหรูประทังชีวิต

หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ต้องออกมาขายรถของตัวเอง ล่าสุด "ภราดร ศรีชาพันธุ์" ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้แล้วว่า สาเหตุที่ประกาศขายรถคันนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเป็นรถที่ไม่ตนเองไม่ได้ขับและไม่มีเวลาในการใช้รถ ประกอบกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่จะจอดไว้ที่คอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร บางครั้งเดินผ่านรถก็แทบไม่มีเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์ จึงคิดว่าหากจอดทิ้งไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ จะไม่เป็นผลดีต่อรถ

จึงถือโอกาสฤกษ์งามยามดีในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันตรุษจีน ประกาศขายรถคันนี้ลงในอินสตาแกรมของตนเอง เพื่อส่งต่อความสุขและรถให้กับคนที่รักรถรุ่นนี้และอยากสะสมรถรุ่นนี้จริงๆ โดยตั้งราคาไว้ที่ 11.5 ล้านบาท หลังจากลงรูปและประกาศขายไปได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ก็เริ่มมีคนติดต่อสอบถามเข้ามา "ภราดร" บอกอีกว่า รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์คันแรกที่ซื้อมา ตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งเป็นรถเฟอร์รารี 360 รุ่นสุดท้ายของยุคนั้น หลังจากซื้อมาก็ได้ใช้งานอยู่ประมาณ 5-6 ปี ก็มีคนมาขอซื้อต่อ ประกอบกับเป็นช่วงที่ตนเองสลับสับเปลี่ยนรถซูเปอร์คาร์ไปหลายคันจึงไม่ได้ใช้รถคันนี้

แต่หลังจากนั้นประมาณ 4 ปี ตนเองก็ไปซื้อรถคันนี้กลับมาอีกครั้ง เพราะมองว่ารถเฟอร์รารีรุ่นที่ปีลึกๆ จะเริ่มเป็นรถคลาสสิคที่เหมาะกับคนที่รักรถรุ่นนี้และเหมาะกับการสะสม รวมทั้งราคารถรุ่นนี้ก็จะขยับขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญรถรุ่นนี้ถือเป็นรถคันเดียวในประเทศไทย ที่เป็นแบบมีหลังคาแข็งที่ไม่สามารถเปิดหลังคาได้ เป็นคันเดียวในไทยที่เป็นสีเหลือง ซึ่งรุ่นหลังจากนี้ก็จะมีการออกแบบและใช้เครื่องยนต์อีกตัว

ปัจจุบัน "ภราดร" ไม่ตกอับแต่อย่างใดเพราะมีดูแลธุรกิจบ่อตกปลา ชื่อบ่อตกปลาศรีชาพันธุ์ รวมทั้งธุรกิจที่พัก รีสอร์ต ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น นอกจากนี้ ยังดูแลในเรื่องกีฬาเทนนิสทั้งที่ขอนแก่นและกรุงเทพฯ โดยหลักๆ คือ การดูแลน้องๆ นักกีฬาในระดับทีมชาติ แถมปีนี้ยังได้รับเลือกให้ทำหน้าที่เป็นกัปตันเดวิส คัพ ของทีมชาติไทยอีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงงานปั้นนักกีฬาเทนนิสก็ยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่อง