เรียกว่ายังคงเป็นความเศร้าโศกเสียใจกับครอบครัว รวมถึง เพื่อนๆในวงการแพทย์อย่างมาก กับการเสียชีวิตของ "หมอกระต่าย" ซึ่งล่าสุดวันนี้ (25 มกราคม 65) "หมอเจี๊ยบ ลลนา" ก็ได้ใช้พื้นที่ส่วนตัว ออกมาโพสต์ข้อความร่ายยาวเป็นข้อๆ ถึงปัญหาการจราจรที่ยังแก้ไม่ได้ ปมกรณี "หมอกระต่าย" ถูกตำรวจขับบิ๊กไบค์พุ่งชน ขณะข้ามทางม้าลายจนได้รับความบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายเสียชีวิตแบบประเมิณค่าไม่ได้ทั้งที่เป็นทรัพยากรที่ประเทศต้องการมาก
ร่วมโหวต Popular Vote (มหาชน) "คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 18" คลิ๊กที่นี่
โดย "หมอเจี๊ยบ ลลนา" ก็ได้เขียนข้อความร่ายยาวถึง 6 หน้า ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวว่า "ต้องใหญ่โตถึงระดับไหน? ถึงจะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมการขนส่ง และการจราจรในบ้านเมืองนี้ได้? ในเมื่อทุกคนเห็นและรับรู้ปัญหาเหมือนๆกัน
- ทางเท้า/ทางจักรยานต่างๆ ที่ไม่ปลอดภัยและใช้งานไม่ได้จริง
- ทางม้าลายที่มีไว้ให้รถไปก่อน
- ไฟทางสวยงามทั่วประเทศ ต้องติดให้เยอะๆ? เพราะใช้งานจริงมันจะติดบ้างไม่ติดบ้าง"
- ทางกลับรถบนถนนใหญ่สายหลัก ในจุดเสี่ยง ที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำบ่อยๆ เลยต้องเอาแบริเออมากั้นปิดตาย แต่ไม่มีงบสร้างสะพานกลับรถดีๆสักที
- ใช้งบไปแก้ซ่อมทางรายปี ที่ยังไม่ทันพังก็จะซ่อมวนไปทั้งปี
- ป้าย "ง่วงไม่ขับ", "ง่วงจอดพัก" เต็มถนนสายหลัก แต่ไม่มีจุดปลอดภัยที่ให้จอดได้
- ป้ายจำกัดความเร็วและป้ายบังคับต่างๆที่ขัดกันเอง
(เคยเจอ ป้ายบังคับความเร็ว 30, 60 kph สองป้ายที่ปักห่างกัน 10m จะเอาไง?)
- คนจอดรถกันตรงที่ห้ามจอด หรือไม่ควรจอด (เคยเจอรถบัสและรถตำรวจจอดแช่ค้างคืน กันอยู่หน้าป้ายรถเมล์ที่ทาขาวเหลือง ต้องออกมายืนโบกรถเมล์กลางถนนทุกวัน)
- รถเมล์จอดรับส่งผู้โดยสารที่เลนส์กลาง และ บางทีไม่ต้องหยุดสนิท วิ่งชะลอให้คนวิ่งตาม ขึ้น-ลง เอาเอง
- ขนส่งมวลชนที่ขาดแคลนทั้งปริมาณและคุณภาพ (ยิ่งช่วงโรคระบาดก็ลดรอบ ลดจำนวนไป ให้ยิ่งแออัดอีก)
- ตามมาด้วยปัญหามอเตอร์ไซค์ และ taxi เกลื่อนเมือง (รถยิ่งติด และอุบัติเหตุยิ่งมากขึ้น)
-ส่วนที่คิดว่าพอจะสะดวกบ้าง(BTS/MRT) ก็ปรับราคาโครตแพงไปเรื่อยๆ จนคนไม่ไหวกันไปเอง
-ขนส่งมวลชนระบบรางของประเทศที่ห่วย ขนอะไรใหญ่ๆไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน? เลยต้องใช้รถพ่วงวิ่งขนส่งกันเกลื่อนเมือง
-รถเก่าๆรุ่นที่เคยเห็นตั้งแต่เราเรียนประถม ก็ยังต่อ พรบ. ได้ ออกมาวิ่งกันปกติ
- คนโดยสารรถส่วนตัวอย่างไม่ปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซ้อนกันเต็มที่ นั่งกันจนล้นซาเล้ง หรืออัดกันมาหลังรถกระบะ
- คนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ใส่หมวกกันน๊อค (ขนาดเห็นว่าเดี๋ยวนี้ใส่ mask กันได้ทุกคน
- ใบรับรองแพทย์ไปออกใบขับขี่ ที่แทบจะอะไรๆก็ได้หมด เพราะตรวจสอบข้อมูลเจ็บป่วยไม่ได้จริง (แบบป่วยรักษา รพ .นี้ แต่ไปขอใบรับรองแพทย์อีก รพ. แจ้งว่าแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ทั้งที่กินยาคุมอาการอยู่)
- อายุเท่าไรก็ขับรถได้ แม้จะเด็กอายุยังไม่ถึง เกณฑ์ใบขับขี่ หรือแก่จน 80+ แล้ว ก็ยังให้ขับ แม้ว่าจะตัดสินใจได้ช้ากว่าความเร็วรถไปมากก็ ok?
ลองมองรอบตัวว่ามีใครไม่เคยสูญเสียคนที่รัก จากระบบการจราจรของไทย คงจะไม่มี #ส่งหมอกระต่าย #RIPKT #อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย #ประเทศที่คนตายจากอุบัติเหตุจราจรเป็นอันดับ 3 ของโลก
นอกจากนี้ "หมอเจี๊ยบ ลลนา" ยังเขียนแคปชั่นต่อท้ายใต้ความที่โพสต์อีกว่า "ไม่อยากเรียกว่าเกิดอุบัติเหตุ เพราะการเรียกว่า อุบัติเหตุจะถือว่ามันป้องกันไม่ได้ ส่วนตัวยังไม่ซื้อคำว่าจิตสำนึก ทั้งหมดซะทีเดียวเพราะจริงๆคนในประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว ไม่ได้มีจิตสำนึกเหมือนกันหมดทุกคน แต่เค้ากลัว กฎหมาย และบทลงโทษที่รุนแรงเมื่อทำผิด จึงต้องปฏิบัติตาม อย่างเคร่งครัด การแก้ปัญหาที่เป็นไปได้จริงภาครัฐและหน่วย งานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเริ่มต้นมาจากที่โครงสร้าง ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการมาบอกแค่ว่า ต้องเริ่มจากการปลูกฝังให้แต่ละ คนมีจิตสำนึกกันเอง #ส่งหมอกระต่าย #RIPKT #อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย credit : @promegranate" อีกด้วย
ขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก IG@jeab_lalana
ข่าวที่เกี่ยวข้อง