ช็อก "อิ๋งอิ๋ง" โพสต์บอก เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อยู่ได้อีกไม่นาน-สามีหมดรัก

 

โดยล่าสุดวันนี้(17มกราคม65) อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี กิตติสิทโธ พิธีกรดัง โพสต์ข้อความและภาพลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุว่า“วาระสุดท้าย..ของชีวิตละ หากไม่ตื่นพรุ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก หมอ..บอกอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะเค้ารู้..เค้าถึงทำแบบนี้กับเรา..ความรัก..เป็นแบบนี้เหรอ..ซื่อสัตย์กับเค้า รักและเทิดทูนมาตลอด ผลตอบแทน ..เป็นแบบนี้เอง ไม่ได้อยากประกาศ แต่อยากให้คนเป็นมะเร็ง ระยะสุดท้ายแบบเรา รู้เท่าทันคนอยู่ข้างๆ ว่าเค้าคิดอะไร เรา ..สมควรมอบอะไรให้เค้าก่อนตาย  เพื่อตอบแทนความดี”

 

 

 

 

 

และก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน อิ๋งอิ๋ง ยังโพสต์ข้อความอีกว่า “15 ปีที่ดูแลกันมา ไม่เคยให้เค้าเดือดร้อน หรือทำงานนอกบ้าน จัดเงินเดือนให้ทุกเดือนมีเงินใช้ 4-5หมื่นบาทตลอด15ปี ความดีไม่เคยปรากฎ มีรถให้ใช้2คัน ซึ่งเค้าเบิกค่าล้าง และค่าน้ำมันต่างหาก ทุกสัปดาห์ ซื้อของก้อ..ขอเบิกต่างหาก ภาระต่างๆในบ้าน เราดูแลทั้งหมด ค่าโทรศัพท์มือถือที่เค้าใช้คุยกับ.... เราก้อจ่ายให้ จากนี้ไปเค้าต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตเอง หาเงินใช้เอง เงินที่เคยได้จากเรา ..เค้าเอาไปปรนเปรอ....”

 

 

 

 

และเมื่อย้อนไปถึงเมื่อวานนี้(16มกราคม65) อิ๋งอิ๋ง ก็ได้โพสต์ข้อความยาวเหยียด ถึงอาการของคนหมดรัก ระบุว่า

 

“อาการของคนหมดรัก..หมดใจ

  1.หาเรื่องออกนอกบ้าน..ตลอดเวลา

พอถึงเวลา 4โมงเย็น กระวนกระวาย กระสับกระส่าย อยากออกจากบ้าน ลงทุนไปหาหมอ..บอกเป็นโรค(ซึมเศร้า..ที่เห็นภาพเราป่วยติดเตียง..หมอบอกให้ออกนอกบ้าน

  หมอบอกว่า..อาการเราอยู่ได้ไม่นาน..เค้าก้อจะพูดแต่ว่า..หากเราตาย..เค้าจะอยู่ยังไง..เค้าไม่ถนอมน้ำใจ..คนป่วย..ห่วงแต่ตัวเอง

 เวลาต้องอยู่ใกล้ๆเรา..จะหงุดหงิดง่าย

 2.มีข้ออ้างสารพัด..ที่จะออกนอกบ้าน

 3.ออกนอกบ้าน..จะไม่รับโทรศัพท์

 4.เวลามีโทรศัพท์เข้ามา จะเดินไปรับสายไกลๆ

 5.กลับตี2 ตี3 หากซักถาม จะตะคอก ระเบิดอารมณ์ใส่ ด้วยคำพูดหยาบคาย

 6.หากจำเป็นต้องออกไปด้วยกัน จะเดินนำลิ้วเลย เพราะเราเดินช้า ต้องเดินไป พักไป

 7.พูดอะไรจะไม่เข้าหูตลอด

 8.เปลี่ยนไปในทุกมิติ ไม่เข้าใกล้เรา

 9.ไม่กล้าสบตา เวลาพูดอะไรตรงใจ เดินหนีตลอด

  เลยรู้ตัว..ว่าอาการหมดรัก..มันเจ็บปวดขนาดไหน”

 

และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 65 อิ๋งอิ๋งก็ยังได้โพสต์ถึง ผู้ชายของเรา ระบุว่า “ทุกคนมองว่า..อิ๋งอิ๋ง..ดูดี มีชาติตระกูล..แต่กลับสู้ผู้หญิง..ไร้การศึกษา..เป็นหมอ..บำบัดให้ผู้ชาย..ที่สำคัญมีผัวอยู่แล้ว....

ผู้ชายของเราชอบแบบนี้ได้ไง....”