"หนุ่ม กรรชัย" ตอบปม โดนร้อง ผิดพ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก หาผลประโยชน์จากเหยื่อ

ก่อนหน้านี้ นักแสดงและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง "หนุ่ม กรรชัย" จากรายการ โหนกระแส ช่อง 3 เคยนำเสนอข่าว พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกสาววัย 11 ปี ซึ่งในรายการได้มีการเปิดหน้าของผู้เป็นย่าที่มาร้องทุกข์ และเปิดหน้าพ่อเลี้ยง จากเทปรายการดังกล่าวที่เกิดขึ้น ส่งผลทำให้ หนุ่ม กรรชัย ถูกอาจารย์ท่านหนึ่ง ร้องต่อ กสทช. บอกว่าหนุ่ม ทำผิดพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 27 

ล่าสุด "หนุ่ม กรรชัย" ได้ออกมาเปิดใจ ผ่านรายการ แฉ ว่า "จริงๆประเด็นนี้มันไม่มีอะไรแล้ว แต่ว่าล่าสุดมีอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านได้ไปร้องกับ กสทช. บอกว่าผมทำผิดพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 27 แต่มันเริ่มจากว่ามีครอบครัวหนึ่ง คุณย่ามาร้องขอความเป็นธรรมกับผม ย่าต้องการตามตัวหลาน เพราะหลานหายไป ย่าเล่าว่าเด็ก 11 ปี อยู่กับพ่อแม่ แต่พ่อแม่เลิกกัน 2 ปีแล้ว แม่มีสามีใหม่ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ทุกเดือนแม่กับสามีใหม่ จะกลับมาเยี่ยมลูกตัวเอง ซึ่งลูกอยู่กับพ่อแท้ๆและย่า" 

"แต่ประเด็นคือมีวันหนึ่งตัวพ่อเลี้ยงมาคนเดียว และหลอกเด็กคนนี้ไปล่วงละเมิดทางเพศ แล้วเอามาส่ง เด็กคนนี้เลือดออกเยอะ ย่าถามเด็กไม่ตอบอะไร คิดว่าเด็กมีประจำเดือน ปรากฎกลางคืนเด็กเดินไปหาย่าแล้วล้ม เลือดออกเยอะ ย่าตกใจถามเด็กว่าไปโดนอะไรมา เด็กก็เลยเล่าให้ย่าฟัง ว่าโดนพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศ ย่าก็เลยโทรไปบอกแม่ ว่าผัวใหม่มาทำกับลูกแบบนี้ แต่แม่บอกว่าแม่ไม่เชื่อ ตอนเช้าแม่ก็มารับเด็กคนนี้พาไปหาหมอ ตอนบ่ายย่าก็โทร.หาถามว่าเสร็จหรือยัง เพราะเป็นห่วง ซึ่งตอนแรกแม่ยังรับโทรศัพท์บอกว่าหาหมออยู่ หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลย และหนีไปพร้อมกับพ่อเลี้ยง" 

"ซึ่งย่าก็ได้ไปแจ้งความกับตำรวจได้ 1-2 วัน แต่คดีไม่คืบ เขาเลยมาบอกผมว่าให้ช่วยตามให้หน่อย ผมเองก็อึดอัดไม่รู้ว่าจะทำยังไง เพราะเป็นเรื่องของเด็กด้วย ซึ่งผมเองเคยปรึกษากับ กสทช. เพราะเคยมีประเด็นกับ กสทช. เยอะ ซึ่งทาง กสทช. แนะนำว่าให้ปรึกษากับอัยการ ในเรื่องของจิตวิทยาเด็ก คุยต่างๆนานา 2-3 ท่าน และเขาบอกว่าทำได้ เพราะเป็นเหตุเร่งด่วน ซึ่งผมก็ได้เชิญ อัยการ หมอ มาร่วมในรายการวันนั้น และมีย่า"

"ผมก็ถามว่าย่าจะใส่โม่งไหม ย่าบอกใส่หน้ากากอนามัยอันเดียวก็จะตายอยู่แล้ว ย่าโอเคที่จะเปิดหน้า ซึ่งวันนั้นผมก็ชัดเจนนะ ที่ทำวันนี้ผมก็อึดอัดเหมือนกัน แต่ต้องทำเพราะเด็กอยู่ในอันตรายขั้นสูง เด็กเหลือดไหลเยอะ แล้วพ่อเลี้ยงพาหนีไป เพราะฉะนั้นต้องตามหา ซึ่งในรายการผมก็บอกว่า ขอโทษนะครับ หลังจากที่เจอตัวเด็กแล้ว ผมจะลบรายการเทปนี้ออกจาทุกแพลตฟอร์มในโซเชียลทั้งหมด และขอความร่วมมือว่าหากใครแคปไว้ ให้ช่วยลบออก หวั่นมีผลกระทบต่ออนาคตเด็กในวันข้างหน้า แต่วันนั้นผมไม่ได้เปิดหน้าเด็ก ผมเปิดหน้าพ่อเลี้ยง ซึ่งผมก็โดนว่าอีกว่าเปิดหน้าพ่อเลี้ยงทำไม เขายังไม่ใช่ผู้ต้องหา ศาลยังไม่ตัดสิน เขายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่ผมก็พูดว่า พ่อเลี้ยงคุณกำลังถูกสงสัย ถ้าบริสุทธิ์ใจคุณก็เปิดตัวเลย จะได้มาเคลียร์ว่าใช่หรือไม่ใช่" 

"ส่วน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 27 ที่บอกว่าแฝงหาผลประโยชน์กับเด็ก ผมไม่ได้หาประโยชน์กับเด็ก ผมช่วยเด็ก ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ผมก็ได้คุยกับผู้กำกับ สภ.แห่งหนึ่ง วันรุ่งขึ้นออกหมายจับ อีกไม่เกิน 5 วันจับได้ ย่าและครอบครัวมาขอบคุณผมที่ช่อง ว่าจับได้แล้ว ปิดคดีนี้จบ แต่ผมถูกร้อง กสทช. ว่าเปิดหน้าพ่อเลี้ยง และสองเปิดหน้าย่า ซึ่งผมได้คุยกับอัยการ ผู้ใหญ่หลายท่าน บอกจริงๆเปิดหน้าเด็กยังได้เลย เพราะเด็กอยู่ในอันตราย ไม่ใช่คุณจะนอนกอดกฎหมายอย่างเดียว โดยที่ไม่คำนึงถึงชีวิตเด็ก ซึ่งถูกร้องแบบนี้ก็ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีที่จะไปชี้แจง ซึ่งอาจารย์ท่านนั้นไปร้อง เป็นคนดีเพื่อสังคม เคารพกฎหมาย ผมเข้าใจ แต่ส่วนตัวผมต้องช่วยเหลือคนเหมือนกัน บางคนมองว่าไม่ใช่หน้าที่ของสื่อ แต่ผมไม่ได้ช่วยในหน้าที่สื่อ แต่ผมช่วยในฐานะที่ผมเป็นคน และผมเองก็ได้ลบรายการเทปนั้นออกไปหมดทุกช่องทางแล้ว" 

"ในเรื่องคุณไปร้องแล้ว ผมก็ยินดีทำตามข้อกฎหมาย เพื่อชี้แจงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้มีการนัดวันแล้ว และที่ออกมาพูดในวันนี้ก็อยากชี้แจง เพราะไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านนั้นที่ไปฟ้อง ได้ดูรายการหรือเปล่า เห็นอาจารย์โพสต์เรื่องของผม และมีคนเข้าไปคอมเมนต์ด่าผมเต็มเลย แรงถึงขั้น ลากคอมันเข้าคุกไปเลยนะ มันเป็นนักธุรกิจในคาบสื่อ พูดเหมือนผมเป็นโจร ผมหาผลประโยชน์ยังไง จะหาผลประโยชน์กับเด็กยังไง ในเรื่องแบบนี้ ไม่เป้นไร ในเมื่อเขาร้อง ผมก็ยินดี เพราะต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ ก็อยากใช้โอกาสที่ตัวเองได้รับ ในการช่วยเหลือคน" 

"เชื่อไหม บางทีผมถูกโพสต์เฟซบุ๊กว่า เอาปืนมาวางบนโต๊ะ แล้วบอกว่า ไอหนุ่ม กรรชัย มึ-ระวังลูกปืนให้ดี เขาไม่ได้แท็กเรา แต่มีคนส่งมาให้ดู แต่ผมไม่จำเป็นต้องไปร้องไปบอก ผมเข้าใจบางเรื่องมีคนได้ผลประโยชน์ และคนที่เสียประโยชน์ อย่างกรณีผมเอาตำรวจไปจับแขกรับเชิญในรายการ ผมไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้ตำรวจออกหมายจับ ตำรวจเขาออกหมายจับของเขาเองอยู่แล้ว" 

"ส่วนที่คนวิจารณ์ว่า โหนกระแส ชอบเอาผัวเมียมาตีกันในรายการ ก็รายการผมชื่อ โหนกระแส เข้าใจทุกคนตั้งความหวังว่าอยากให้ผมทำแบบนี้ ไม่ทำแบบนี้ แต่บางเรื่องมีประเด็น มีกระแส เรามีความจำเป็นต้องเอามาออก แต่ทุกเรื่องมันผ่านกระบวนการความคิดมาอยู่แล้ว ผมโดนด่าเยอะสื่อมาตรฐานต่ำ ผมก็โอเค ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ แต่บางเรื่องมีคนส่งเข้ามา แต่ผมเองทำไม่ได้ เพราะการทำงานของผมมันอยู่ในบริบทของ กสทช. ทุกอย่างต้องอยู่ในบรรทัดฐาน"