"แนท" ชินดราม่านางงามทุกปี ฝากบอก "แอนชิลี" ไม่ต้องพยามตอบคำถามทุกคน

อย่างที่ทราบกันดี ว่านางเอกสาว "แนท อนิพรณ์" เดิมเธอคือผู้เปิดประตูไทยแลนด์ บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส เมื่อปี 2015 และตอนนี้เธอก็ได้เป็นนักแสดงเต็มตัว และในปีนี้ในฐานะรุ่นพี่ มองภาพการประกวดเป็นอย่างไรบ้าง รวมไปถึงมีความเห็นถึง ผู้รับไม้ต่อครอบครัวเวทีเดียวกัน อย่าง "แอนชิลี" อย่างไร 

แนทบอกว่า จริงแล้วติดตามการประกวดในทุกๆปี และเชียรืแอนอยู่ห่างๆ อย่างปีนี้ถ่ายละครเต็มทุกวัน ทำให้ไม่ได้โผล่ไปร่วมกิจกรรมกับทางกองประกวดเท่าไร แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสที่เกิดขึ้น ถือเป็นการให้กำลังใจอยู่ห่างๆ 

"คนที่อัปเดตแนท ก็จะเป็นน้องน้ำตาล ชลิตา น้องก็จะโทรมาตลอดว่าเป็นงั้นงี้แล้ว ถ้าที่รอบใหญ่ เชียร์ทุกคนค่ะ ยังไม่มีเวลาโฟกัส แต่หลักๆก็เชียร์สายสะพายไทยแลนด์ค่ะ"

ซึ่งตอนที่ทราบว่าแอนชิลี ไม่เข้ารอบ แนทบอกว่า "วันนั้นแนทถ่ายละคร และต้องหยุดแต่งหน้าทำผม เพราะเป็นวินาทีที่เราต้องเชียร์ พอเหลืออีกที่หนึ่ง เราหายใจลึกมาก เราเข้าใจแฟนนางงาม เข้าใจคนที่อยู่ประเทศไทย มันหัวใจจะวาย ซึ่งตอนเราทำตรงนั้น ตอนเรา ถ้าเข้ารอบก็โอเค ไม่เข้าก็ไม่เป็นไร เราก็ลุ้น แต่พอไม่เข้า ไม่ใช่เสียใจ แต่ทำไมไม่เข้ามากกว่า"

"แนทมองว่า ที่ผ่านมา ตั้งแต่แนท ปี2015 ประเทศของเรามีโอกาสใกล้มงกุฎมากขึ้น แนนางงาม หรือตัวนางงามเอง ก็ฮึดมากขึ้น ที่จะได้มงที่สามค่ะ"

ส่วนดราม่า แนทเปิดประตูไทยแลนด์ แนทบอกเห็นเหมือนกัน มีคนมาแสดงความคิดเห็นผ่านอินสตราแกรม แต่ไม่อยากให้มองว่าเลี่ยงที่จะไม่ตอบ

"แนทว่า ไม่อยากให้มองใครเปิดใครปิดประตู ใครได้ไปขึ้นเวทีหลัก เต็มที่อยู่แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับสถานะการรื ปัจจัยภายนอกต่างๆมากมาย บางทีเราอยู่ตรงนั้น เราคอนโทลไม่ได้ อย่างของแนท ตอนได้เล่นไอจีกอง แนทยังไม่รู้เลย มารู้ทีหลัง ว่ามีรูปแนทเต็มเลย พอไปถึงตรงนั้น โฟกัสต่างๆจะหายไป ปัจจัยภายนอกไม่ได้โฟกัสค่ะ"

สุดท้าย แนทอยากฝากบอกแอนชิลีด้วยว่า "ดราม่ามีทุกปีอยู่แล้ว เราไม่สามารถตอบปัญหาคนทุกคนได้ เราไม่สามารถให้คนทุกคนบนโลกนี้เข้าใจเราได้ แต่สิ่งที่แอนมี หรือนางงามทุกๆปีมี คือความเป็นตัวเรา เราเข้าใจในตัวเอง เราแค่ตอบคำถามของใจเราได้แค่นั้นคือจบ เราไม่จำเป็นต้องตอบคำถามทุกคน เพราะคำถามทุกคนมาจากหลายปัจจัย บางทีคนภายนอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเป็นแบบนี้ สิ่งที่แอนทำอยู่มันดี และอยากเป็นกำลังใจให้ อย่างเราก็เจอดราม่าทุกปี ขนาดเราอยู่เฉยๆ แรกๆเราตอบนะ แต่พอเราตอบไปมันไม่จบ ทำให้รู้สึกว่า คนบางคน หรือคำถามบางคำถามก็ไม่สมควรตอบ ก็ไม่ต้องให้ค่ามากมาย สุดท้ายเรามาโฟกัสแค่ตัวเราดีกว่า ว่าเราทำอะไร ทำเต็มที่แค่ไหน ถ้าสามารถตอบคำถามในใจเราได้ ก็คือสำเร็จแล้ว"