โดยล่าสุด "แม่นกน้อย อุไรพร" ได้ออกมาเปิดใจผ่านทางรายการ "คุยแซ่บ Show" ที่มี "ธัญญ่า ธัญญาเรศ" , "เป็กกี้ ศรีธัญญา" และ "ซินแสเป็นหนึ่ง" เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ซึ่ง "แม่นกน้อย" ก็เล่าชีวิตที่ผ่านมาแบบหมดเปลือกว่า...
(พิธีกร) : โควิดผ่านมาหลายระลอก อาชีพแม่นกน้อยกระทบ เป็นยังไงบ้าง?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ภาคบันเทิงก็รวมเราด้วย แต่กระทบมาก ได้รับแรงกระทบมากมาย ระลอกแรกหนัก ระลอกสองหนักแรง ระลอกสาม หนักมากๆ (หัวเราะ)
(พิธีกร) : ก่อนหน้ามีโควิด ทำงานทุกวันมั้ย?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ทุกวัน การแสดงเริ่มจากสองทุ่มถึงสว่าง ถึงหกโมงเช้าค่ะ เพราะจะมีคอนเสิร์ตแล้วเล่นหมอลำต่อ คิวของคุณแม่เสียงอิสาน จะจองข้าม 3-5 ปี ไม่ใช่เดือนต่อเดือน
(พิธีกร) : พอเกิดสถานการณ์โควิดเลยต้องสู้กับมัน ตอนนี้เลยมีวงรูปแบบใหม่ เป็นยังไงบ้าง?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ในส่วนของเราจะอยู่ในออนไลน์ ช่องทางยูทูป เพจเสียงอิสานค่ะ จะมีการขายบัตรออนไลน์ ไลฟ์สดเป็นกลุ่มปิด เพื่อเป็นทางเลือกและทางรอด กระแสดีมากค่ะ แต่ก็น่าจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับเอฟซีหมอลำ แต่แฟนคลับของเราน่ารักมาก ก่อนหน้านี้เราไม่คิดด้วยซ้ำว่าต้องมีแสดง ไลฟ์สด ขายบัตรผ่านในกลุ่มปิดออนไลน์ แต่แฟนเพลงเอฟซีบอกว่าคุณแม่ควรทำ คิดถึงมาก ด้วยทางแฟนเพลงชี้แนะ ชี้นำ ก็นำมาปฏิบัติค่ะ
(พิธีกร) : ปรับตัวยากมั้ย?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ไม่ได้ปรับตัวยาก เป็นเรื่องดีมากค่ะ
(พิธีกร) : ต่างจากเล่นสด พอเล่นออนไลน์เป็นยังไง?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : เราแสดงสด แฟนเพลงจะดูหน้าเวที มีอารมณ์ร่วมได้มองตา ใครคิดยังไง ความรู้สึกได้สื่อถึงเราด้วย แฟนเพลงได้จับมือ แต่ถ้าเราอยู่ในกลุ่มปิด มันก็แตกต่าง ไม่ได้มองหน้ากันแบบนี้ แต่แฟนเพลงบอกว่ารอหน้าจอแล้วนะ
(พิธีกร) : เห็นว่าต้องทุ่มงบประมาณ 10 ล้าน?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ในส่วนการลงทุน วงของเราที่เกิดวิกฤตปัญหา แล้วมีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแล ซัปพอร์ต ตอนแม่เผชิญปัญหา ข่าวจะดังและดราม่ามาก ก็เป็นเอฟซีแฟนคลับที่รักวัฒนธรรมอีสาน ที่แม่และพ่อตัดสินใจจะไม่ยุบวง แต่ถ้าตอนนั้นสถานการณ์กดดัน บีบคั้น ตัดสินใจยุบวงด้วย เพราะคิดไม่ออกว่าจะมีทางไปยังไง คิดไม่ออก คนรุ่นใหม่บอกว่าเสียงอิสาน มีอะไรทำได้อีกมากมาย ไม่ต้องล้อหมุนไปข้างนอก ณ ช่วงโควิด เราน่าจะทำออนไลน์นะคุณแม่ พอได้ยินก็ชื่นใจ ลูกบอกว่ามีเงินเก็บส่วนนึง เก็บมาทั้งชีวิต อยากต่อเสียงอิสานให้คุณแม่และน้องๆ ได้อยู่รอด เป็นลูกๆ ในวง และเฮียน้อย ซึ่งเป็นแฟนคลับ เขาไม่ใช่ลูกหลานแม่ เป็นเอฟซีและรักในวัฒนธรรมอีสาน ชื่นชมศรัทธาแม่
(พิธีกร) : ลูกวงคุณแม่มีกี่ชีวิต?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : สมัยก่อนมี 500 ชีวิต พอเปลี่ยนเป็นออนไลน์ ประมาณ 200 ส่วนนึงที่ยังรอแม่ส่งสัญญาณว่าจะล้อหมุนได้มั้ย บอกหนูมาก็พร้อมไปทันที
(พิธีกร) : ตอนนี้คิวถึงปี 67 แล้ว?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ถูกต้องค่ะ คิวไปแสดงสดค่ะ ดีใจมากค่ะ แต่ก็ยังขยับไม่ได้ ต้องรอสถานการณ์ แต่เราก็มีความหวังว่าฟ้าหลังฝนคนบันเทิง ต้องมีแสงสว่าง
(พิธีกร) : วงแม่อยู่มา 47 ปี แต่มีอยู่ช่วงนึงประกาศจะยุบวง เกิดอะไรขึ้น?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ช่วงนึงเป็นช่วงที่คุณพ่อไม่สบาย คุณพ่อป่วย และมีโควิดรอบที่สองเข้ามาพอดี
(พิธีกร) : ตอนประกาศจะยุบวง?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ใจหายมาก ตอนนั้นลูกวงทุกคนไม่รู้ ยังอยู่ในบ้านตอง 5 อยู่ แต่แม่กับคุณพ่อคุยกันแล้ว ว่าเราไม่ไหว แต่เราจะบอกลูกว่าอย่างไร แม่ก็บอกคุณพ่อว่าจะไลฟ์สด เพราะคิดว่าลูกๆ คนช็อก ถ้าประชุมและให้ออกความคิดเห็น ลูกคงไม่ยอม การไลฟ์สดก็ประกาศให้แฟนเพลงได้รู้พร้อมกัน ไม่ได้นัดหมายอะไรทั้งสิ้น มีแค่พ่อกับแม่คุยกัน แต่คิดไว้แล้วว่าถ้าไลฟ์สดอะไรจะเกิดขึ้น คำว่าเสียงอิสาน คือตัวแทนคนอีสาน หนึ่งแฟนเพลงไม่ยอม ส่วนมากติดตามเรามา โตคาวงก็มา ตายคาวงก็เยอะ เป็นความผูกพัน ยิ่งลูกๆ ในครอบครัวเรา ไปไม่เป็นแน่นอน ก็บอกลูกพร้อมกันไม่ได้ ก็บอกผ่านไลฟ์สด
(พิธีกร) : ตอนนั้นเห็นว่าขาดทุนไปเยอะมากๆ ขาดทุนไปเท่าไหร่?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : หลายค่ะ คำว่าบ้านตอง 5 เป็นหยาดเหงื่อของเรากับลูกที่สร้างมา ประกาศขาย 70 ล้าน น่าจะพอดีกับหนี้สิน
(พิธีกร) : เห็นว่าแม่คิดสั้นเลยตอนนั้น?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ค่ะ คุณพ่ออยู่รพ. แม่ไม่สามารถพูดกับลูกๆ ได้ ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกกับลูกๆ ได้ว่าเป็นแบบไหน ไปไม่เป็น เพราะลูกก็รู้บางๆ ว่าเรามีหนี้สิน เราไปไม่ได้ ส่วนมากลูกคิดว่าแม่นกน้อย เป็นคนเก่ง แม่ต้องพาลูกไปตลอดรอดฝั่ง รอปาฏิหาริย์ แม่ต้องสวดมนต์ อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องพาลูกไปให้ได้ ด้วยความเป็นแม่จึงไม่สามารถเล่าให้ลูกฟังได้ว่าสิ่งที่เป็น มันมากกว่านั้น เราอยู่กับความเป็นจริง หากไม่มีโควิดเราไม่มายด์หนี้ 100 ล้าน แต่นี่คือเราทำมาหากินไม่ได้
(พิธีกร) : แม่ขายบ้านเลขที่ 555 ไปหรือยัง?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ยังไม่ได้ขาย แต่ประกาศขาย
(พิธีกร) : ตอนนี้หนี้เหลือเท่าไหร่?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : เหลือเกือบเท่าเดิม (หัวเราะ) วันนี้ยังประกาศขายค่ะ มีคนติดต่อมา แต่ก็ยังคุยกันไม่ลงตัว ถามว่าทำไมแม่ประกาศขายบ้านตอง 5 ตอนที่วงเสียงอิสานขาขึ้น งานจองข้ามปี 3-5 ปีไม่ว่าง ตอนนั้นคุณย่า แม่ของแม่นกน้อย ท่านยังมีชีวิตอยู่ ขอร้องแม่ว่าตอนนี้เรามีทุกอย่างแล้ว จากที่มามือเปล่าต่อสู้ชีวิต ตอนนี้เรามีบ้านอยู่ มีที่ดิน แม่เห็นหนูไปลำบาก แต่เราก็มีความสุขกับสิ่งที่เราได้ทำ นั่นคือจิตวิญญาณของแม่ ท่านขอร้องว่าให้ยุบวง แต่แม่ตอบคุณแม่ว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะยุบวง งานก็เยอะปั้นดินให้เป็นดาว เป็นงานท้าทายที่เราส่งเธอให้โด่งดัง พอมาถึงเวลานี้ที่จะต้องประกาศขายบ้าน พ่อหลอดบอกว่าพ่อเข้าใจว่าจิตวิญญาณของแม่ งั้นให้เลือก จะประกาศยุบวงหรือขายบ้านเพื่อใช้หนี้ หากมีเงินส่วนที่เหลือจะได้มาทำวงเสียงอิสานต่อ แม่เลือกประกาศขายบ้านตอง 5 เลือกให้เสียงอิสานอยู่
(พิธีกร) : ถ้าขายบ้านแล้วแม่จะไปอยู่ที่ไหน?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ถ้าขายบ้านเราจะสร้างอาณาจักรใหม่ ถ้าทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ลูกๆ ไม่ทิ้งเรา ทุกคนอยู่ข้างแม่
(พิธีกร) : บ้านตอง 5 ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำวงแม่?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ส่วนที่ตัดใจ ความรู้สึกสะทกสะท้อนมั้ย แต่ระหว่างคุณพ่ออยู่รพ. กับการประกาศขายบ้าน เงินส่วนนี้จะต้องได้มารักษาคุณพ่อ
(พิธีกร) : บ้านสำคัญกับแม่ขนาดไหน?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : บ้านหลังนี้ที่ได้มา เมื่อก่อนที่ตรงนี้เป็นป่าช้า วัดเก่า วัดร้าง เราได้มาอยู่เพราะได้ฝันว่าที่ตรงนี้เป็นที่ของเรา ปู่จะให้ เป็นที่ของหนูนะ ตอนนั้นก็เก็บเงินและไปซื้อ เจ้าของที่ถามแม่ว่าจะอยู่ได้เหรอ เราเห็นตรงนั้นรกร้าง เป็นวัดร้าง ก็ขอตรงนั้นแหละ ตอนนั้นแม่ไม่กลัวเลย และไม่เคยเจอสิ่งที่น่ากลัวเลยค่ะ
(พิธีกร) : ทำไมจิตใจเข้มแข็ง ยังยิ้มได้?
"แม่นกน้อย อุไรพร" : ตอนนี้ที่เสียงอิสานมาปรับเปลี่ยนพัฒนา สำหรับเจนใหม่ที่มาต่อยอดมากมายเหลือเกิน ดีเอ็นเอเสียงอิสาน รักหมอลำ มาสมัครเยอะมาก ตอนนี้กำลังคัดเลือก ซ้อมรำ ซ้อมร้องเพลง ออกซิงเกิ้ล จนแม่บอกว่าตอนนี้เรามีความสุขมากแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่คือปั้นดินให้เป็นดาว และให้ยิ้มตอนนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง