"บุ๋ม ปนัดดา" ชี้ปมดราม่า "แอนชิลี" เหยียบธงชาติ ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา
"บุ๋ม ปนัดดา" ชี้ปมดราม่า "แอนชิลี" เหยียบธงชาติไทย ว่าอยู่ที่เจตนาของตัวนางงามและกองประกวด มองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้เวลา ในฐานะกรรมการและรุ่นพี่นางงาม รู้สึกภูมิใจในตัวแอนชิลี
จากกรณีดราม่า หลังกองประกวด "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์" ได้โพสต์ภาพโปรโมทของสาว "แอนชิลี สก็อต-เคมมิส" ซึ่งชาวเน็ตบางส่วนมองว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากกราฟฟิกในภาพเป็นภาพของสาวแอนที่กำลังเหยียบธงชาติไทย
ล่าสุดทีมข่าวบันเทิงคมชัดลึก ได้สัมภาษณ์ "บุ๋ม ปนัดดา" ในฐานะรุ่นพี่นางงามถึงประเด็นดังกล่าว ที่งาน เปิดเวที พม. ทอล์ก "ครอบครัววิถีใหม่รับมืออย่างไรกับความรุนแรงในครอบครัว" ว่าเรื่องดราม่าธงชาติ ต้องดูที่เจตนานะ ดูที่เจตนาของการกระทำ คือถ้าเป็นการเอาธงชาติมาเหยียบและกระทืบ หรือเอามาเผาไฟ อันนั้นคือการเหยียดเต็มๆ แต่ถ้าหากเป็นภาพที่เขายืน และมีข้อความว่า road to the universe พร้อมกับคาดสายสะพายที่เขียนคำว่า Thailand อันนี้เราต้องแบ่งแยกเจตนาตรงนี้ด้วยเช่นกัน แต่มันก็อาจจะเป็นความถือสาของคน คนที่เขารักมากๆ ซึ่งเราก็ต้องฟังความเห็นที่หลากหลาย เพียงแต่ว่าอยากให้ดูเจตนาของน้องและกองประกวดร่วมด้วย เขาไม่ได้มีเจตนาหรอก เขาแค่อยากนำเสนอความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่นำไปสู่จักรวาล ฉะนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนางงาม จะเป็นนักกีฬา หรือใครด้านไหนก็ตาม ใครที่คาดสายสะพาย Thailand หรือนำประเทศไปสู่ตรงนั้น เราต้องสนับสนุนเต็มที่ค่ะ
เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน มันต้องใช้เวลาค่ะ แต่จริงๆ แล้วบุ๋มอยากให้ดูเจตนามากกว่า ไม่อยากให้มานั่งด่าด้วยความรุนแรงผ่านโซเชียล คือเราแสดงความคิดเห็นได้ แต่ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ส่วนตัวบุ๋มภาคภูมิใจด้วยซ้ำไป แต่อย่างที่บอก อยากให้มองที่เจตนา และก็ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรไปบั่นทอนกำลังใจน้องในวันนี้ด้วย ก่อนที่จะถึงวันสำคัญของเขา
ในฐานะที่เป็นกรรมการ และเคยได้เจอกับน้อง บุ๋มรู้สึกเลยว่าเขาค่อยๆ มีออร่ามากขึ้นในทุกๆ วัน บุ๋มเชื่อว่าไม่ว่าเขาจะอยู่รอบไหนก็ตาม เขาจะทำได้ดีที่สุด อีกอย่างคืออย่าไปกดดันนางงามเราเยอะเกินไป เรามักจะกดดันด้วยความคาดหวังของพวกเรา ซึ่งบุ๋มเข้าใจนะคะ เพียงแต่ว่าความกดดันนั้นไม่ได้สร้างสิ่งดีๆ ให้ และน้องก็ต้องสร้างความเข้มแข็งเพื่อลดความกดดันตรงนี้ ฉะนั้นเราส่งกำลังใจดีกว่า ส่งคำพูดดีๆ ดีกว่า ทำให้ดีที่สุด และได้ออกมายังไงเราก็ภูมิใจที่อย่างน้อยก็มี Thailand เป็นหนึ่งในนั้น
เรื่องของ Real Size Beauty ตัวบุ๋มเองก็สู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะบุ๋มก็เป็นนางงามคนหนึ่งที่เคยบิ๊กไซส์มาก่อน และตอนนี้ถึงจะลดลงมา มันก็ยังไม่ได้สมอลล์ไซส์เหมือนชาวบ้านหรือไซส์เล็กเหมือนใครเขา เพียงแต่บุ๋มอยากให้ทุกคนเห็นว่าทุกวันนี้บุ๋มก็ยังได้รับกำลังใจจากแฟนๆ ได้รับงานในวงการ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณภาพของการทำงาน ไม่อยู่ที่รูปร่างของเรา และน้องแอนชิลี ก็ถือว่าเป็นการนำมิติใหม่ที่ควรจะมีมาสู่สังคมไทย ทำให้เกิดการยอมรับตัวตนเพราะทุกคนรูปร่างหน้าตาผิวพรรณแตกต่างกันทั้งหมด ดังนั้นสำหรับ Real Size Beauty ก็คือสิ่งที่บุ๋มอยากให้เกิดขึ้นในสังคมไทยมานานมากแล้ว ส่วนการที่น้องใช้ชุดรียูส อันนี้ก็เป็นการทำการบ้านที่เก่งมากของกองประกวด บุ๋มต้องขอชื่นชม เนื่องจากคอนเซปต์ปีนี้ของการประกวดเขาเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ดีเลยค่ะ
ทั้งยังบอกอีกว่า ตอนนี้บุ๋มกำลังทำโครงการ ป้าข้างบ้าน คือโครงการป้าข้างบ้านบุ๋มคิดว่าไวกว่ากล้องวงจรปิดอีกนะคะ เพราะมันเคยเกิดเคสหนึ่งที่เด็กอายุ 4 ขวบ หายไป และปรากฎว่ายามคือคนที่พาเด็กไปข่มขืนและหมกท่อ แต่กว่าที่จะเจอเราต้องไปเจอตำรวจ ขอดูกล้องวงจรปิด ซึ่งมันก็กลายเป็นว่าเราช่วยเด็กไม่ทัน แต่ ณ ตอนนี้ อย่างเช่นเวลาที่บุ๋มไปตามชุมชนต่างๆ บุ๋มก็จะฝากคำพูดถึงบรรดาผู้ปกครองผู้หลักผู้ใหญ่ในระแวกนั้นๆ ว่า ‘ช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย’ ป้าข้างบ้านทั้งหลายที่อยู่กับบ้าน คุณตาคุณยายที่ไม่ได้ออกไปไหนแต่หูตายังดีอยู่ ก็ขอให้ช่วยดูแลเด็กๆ ด้วยเหมือนกันช่วยแจ้งพวกเราด้วย พวกเราทำงานกัน 24 ชั่วโมงค่ะ
เราเริ่มมานานแล้วด้วยนะ เริ่มก่อนที่จะมีโควิดด้วยซ้ำ จนกระทั่งมาเจอโควิดเราก็เลยไปลงพื้นที่กันไม่ได้ แต่เราก็พยายามทำให้ทุกๆ ชุมชนเข้มแข็งมากขึ้นด้วยคนในชุมชนกันเอง เพราะบุ๋มเชื่อว่าถ้าหากเขาดูแลกันเองได้ มันจะดีและเร็วที่สุดในระยะยาว
มีแจ้งกันเข้ามาเรื่อยๆ และเราก็แนะนำไปว่าควรทำอย่างไรบ้าง 1 2 3 4 หรือไม่ก็แจ้งหน่วยงานในพื้นที่ให้ลงไปดูแลช่วยเหลือ ส่วนเคสที่แจ้งเข้ามาตั้งแต่มีโควิด เคสความรุนแรงเยอะมากเป็นทวีคูณ มีรายวันเลยค่ะ วันละหลายชั่วโมงและเคสล่วงละเมิดก็เยอะขึ้นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นถ้าถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อย เพราะเราทำงานทุกด้าน งานในวงการเราก็ยังทำ งานช่วยเหลือเคสสังคมต่างๆ ก็ยังมีเคส คือทำงานแทบจะ 24 ชั่วโมงของชีวิตเลยค่ะ
ช่วงนี้ก็เลยไม่ค่อยได้รับละครไงคะ เพราะบุ๋มอยากจะมาดูแลงานช่วยเหลือสังคมก่อน แต่ถามว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ติดต่อมาบ้างไหม ก็มีค่ะ เพียงแต่บุ๋มก็ต้องดูระยะเวลาด้วยเหมือนกัน เนื่องจากมันคาดเดาอะไรค่อนข้างยาก แต่ก็จะพยายามทำทุกๆ อย่างให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการดูแลลูก เพราะสังคมยุคนี้การสร้างความเข้มแข็งให้ลูกหลานก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ดูแลคนอื่น แต่ลูกตัวเองไม่ดูแล
ก็ปฏิเสธไปไม่เยอะค่ะ เพราะเวลาผู้ใหญ่ติดต่อมาเขาก็จะบอกว่า ถ้าบุ๋มเล่นมันต้องเป็นตัวเด็ดๆ หรือบางครั้งเขาก็ช่วยดูภาพลักษณ์ให้บุ๋มด้วยเหมือนกัน เขากลัวบุ๋มเสียภาพลักษณ์ปนัดดา คือมีความเกรงใจบทบาททางสังคมบุ๋มมากขึ้นดูอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าเราเล่นถึงพริกถึงขิงแล้วเขาอิน อันนี้เราต้องภูมิใจนะ ภูมิใจที่เขาเชื่อว่าเราเล่นเป็นตัวละครนั้นได้ แต่ถ้าเขาดูแล้วเขายังจำว่าเราเป็นบุ๋มคน