"ณฉัตร วัลเณซ่า" เป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว ลุ้นแพลนแต่งหนุ่มนอกวงการ

โดย "ณฉัตร วัลเณซ่า" เผยว่า ตอนนี้หมดสัญญากับทางช่อง 8 แล้ว แล้วมีผู้ใหญ่ที่เขาก็ชวนเรามาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เราก็เลยตัดสินใจรับเลยเพราะว่าถือว่างานนี้ก็จะเป็นใบเบิกทางให้เรา ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะว่าเราอยากมาเจอประสบการณ์ใหม่ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองบทบาทที่หลากหลายและเยอะมากขึ้น ด้วยวัยตอนนี้ของเราก็ถึงเวลาที่ต้องออกมาตามหาประสบการณ์เพื่อที่จะได้พิสูจน์ความสามารถสิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเองเพิ่มเติม กับต้นสังกัดเดิม ก็จบกันด้วยดีแฮปปี้มากๆ เรายังเคารพผู้ใหญ่ทุกคนและขอบคุณมากๆ ที่ให้โอกาสเรา ตอนนี้เราก็ยังมีละครกับทางช่อง 8 อีกเรื่องคือ ศีรษะมาร ก็รอกลับมาถ่ายทำอีกครั้งหลังจากที่เราต้องหยุดถ่ายไปเพราะสถานการณ์โควิด19 ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานกับทางช่อง 8 เรียกว่าเป็นอีกเรื่องที่จะได้เห็นบทบาทของเราในแบบแซ่บๆค่ะ

ส่วนครั้งแรกที่ได้เล่นซีรีส์วาย ก็ดีใจมากๆตื่นเต้นมาก เพราะว่าเรากังวลจะไปเจอทีมงานยังไง เราจะเข้าได้ไหมพอร่วมงานเรากแฮปปี้มากทุกคนน่ารักเลยไม่กังวล ที่ได้มาร่วมงานกับกับซีรีส์วายเรื่องนี้ เคยฝันว่าอยากเล่นซีรีส์วายสักเรื่อง แต่ก็คิดว่าเราเป็นผู้หญิงคงไม่มีโอกาส แต่พอทางพี่นิวติดต่อมา รับทันทีเลย และยิ่งได้เจอกับน้องโอห์ม น้องฟลุ้ค ซึ่งหนูเองก็รู้จักกับน้องโอห์มอยู่แล้ว จากที่เคยอยู่ช่อง 8 มาด้วยกัน และติดตามผลงานของน้องโอห์มและน้องฟลุ้คมาตลอด ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับน้อง รวมถึงน้องนักแสดงคนอื่นๆด้วย อยากบอกว่าเปลี่ยนฟิลเราเลย เวลาเข้ากองมีแต่น้องๆ ผู้ชายหล่อด้วย เลยคิดแบบกองซีรีย์วายมันดีแบบนี้นี่เอง (หัวเราะ) ก็เรียกว่ากดดันมากกว่าเพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นใบเบิกที่ที่ทำให้ทุกคนได้รู้ว่า เราเป็นนักแสดงอิสระแล้ว เหมือนกับเราได้รับงานที่หลากหลายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นบทนางเอก เราไม่ได้ยึดติดว่าเราต้องยืนหนึ่งเราอยากได้บทที่หลากหลาย

เรื่องความรัก สองปีแล้วค่ะแอบมีเงียบๆ (หัวเราะ) ไม่หรอกค่ะ ตอนนั้นมันเป็นช่วงโควิดด้วย เลยทำให้ทุกอย่างมันเงียบไปหมดเลย เขาเป็นคนนอกวงการค่ะ แบบนอกวงโคจรเลย รู้จักกันได้เพราะเพื่อนแนะนำค่ะ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน เป็นเพื่อนในกลุ่มที่เราเที่ยวด้วยกัน แล้วพอสนิทกันมันคุยกันได้ทุกเรื่อง ก็ลองคุยดู เพราะเราก็เหมือนโตแล้ว แล้วเราเองเราเคยมีปัญหา หลายอย่าง พอเรารู้ถึงปัญหา ก็เลยคุยกันเรื่องปัญหาที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้ให้มันชัดเจน เราไม่คาดหวังแล้ว มันอยู่ที่การรับมือ ถ้าสมมุติว่ามันมีอะไรขึ้นมาเราจะรับมือกับปัญหานั้นอย่างไร แต่เราก็ไม่อยาก

ส่วนเรื่องแต่งงาน ก็มีคุยแล้ว อันนี้เป็นประโยคแรกที่คุยเลย (หัวเราะ) เพราะเราเป็นคนชัดเจน เคยพูดมาก่อนหน้านั้นกับพี่หมูตั้งเราก็เคยคุยแล้ว 2-3 ปีนะ ถ้ามีวี่แวววเราจะแต่งงานกันนะ เพราะชัดเจนมากว่าเราเองเป็นคนอยากมีครอบครัว ถ้าผู้ชายรับได้เราถึงจะค่อยคบ ถ้าผู้ชายรับไม่ได้เราก็เป็นเพื่อนกัน ก็เลยเหมือนชัดเจนทุกเรื่อง แต่นี่ก็ 2 ปี ใกล้เวลามาทุกทีแล้ว มันด้วยโควิดด้วย (หัวเราะ) แต่เราก็มีคุยกันตลอดอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้าจะมี ก็คงจะไม่จัดงานชัดเจนเลย ว่าไม่จัดงานแต่ง ก็อาจจะแค่หมั้น แต่ก็ไม่ได้จัดงานแต่ง หรือว่าถ้าอนาคตเหลือและว่างที่อยากจะทำเป็นอีเวนต์ก็คงค่อยทำ เพราะเรารู้สึกว่าด้วยสถานการณ์ทุกอย่าง ก็ไม่ควรมีงานจัด แต่สำหรับเราก็รู้สึกว่าเราโตแล้ว เราก็ไม่ได้มีฟิวอยากใส่ชุดเจ้าสาวแล้ว เพราะเราได้ใส่มาทุกแบบแล้ว (หัวเราะ) 

คู่เราคิดว่าไม่มีเซอร์ไพรส์ค่ะ เพราะเราเป็นคนคุยกันตลอด ไม่มีการเซอร์ไพรส์ใดๆ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนโรแมนติกเลย แต่เป็นคนหวานกว่าเรา แต่ถ้าเขาขอมาเราก็โอเคนะ เห็นว่าฝ่ายชายเข้ากับคุณแม่เราได้ดี ใช่ค่ะหลักๆ แล้วเขาก็ต้องยอมรับแม่เราได้ก่อน เพราะว่าเราต้องพาแม่มาอยู่ด้วยตลอดเวลา ดังนั้นถ้าเขารับไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาช่วยเราดูแลทุกอย่างจริง ๆ รู้สึกโชคดี เขาเป็นที่พึ่งให้เราได้ เพราะชีวิตเรา เราก็เหมือนเป็นเสาหลักครอบครัวมาโดยตลอด วันนึงที่เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยแล้ว เขาก็จะเป็นเสาหลักให้เราแทน จากที่เราเคยเสียใจเรื่องความรักมาก เขาก็ทำให้เรามีความสุขขึ้นมากจริงๆ