บันเทิง

ก้าวที่ถูกจับตา 
ประสา 'เก้า' จิรายุ

ก้าวที่ถูกจับตา ประสา 'เก้า' จิรายุ

20 ก.พ. 2553

เห็นพัฒนาการมาตั้งแต่ยังเป็นนักแสดงเด็กตัวน้อย จากละครเรื่อง "ผีขี้เหงา" แต่วันนี้ "เก้า" จิรายุ ละอองมณี เริ่มเป็นที่จับตามองของวงการบันเทิงแล้ว ในฐานะนักแสดงดาวรุ่งดวงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา รวมไปถึงฝีมือการแสดงที่หาตัวจับยาก ล่าสุดมีผลงานละครน้

เบื้องหน้า
พูดถึงละคร "ผีเสื้อและดอกไม้"
 การทำงานก็สนุกดี เป็นบทที่ไม่ค่อยห่างจากตัวเองเท่าไหร่นัก ในเรื่องผมรับบทเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก นิสัยดี แต่อาจจะต้องปรับตัวเองให้เป็นพี่ชายคนโต เพราะปกติตัวจริงผมเป็นลูกคนเดียว ซึ่งการเป็นพี่ชายคนโต ก็ต้องนิ่งๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ จริงๆ ก็ไม่ยากมาก แต่ก็ต้องปรับตัว เพราะปกติผมเล่นหนัง ก็จะไม่ชินเวลาที่ต้องมาเล่นละคร เรื่องความเป็นบทดราม่า ผมก็เล่นแบบนี้มาพอสมควรแล้ว แต่จะยากตรงในเรื่องต้องนับถือศาสนาอิสลาม เป็นชาวมุสลิม และเป็นละครย้อนยุคด้วย คำพูดก็จะค่อนข้างยาก

เล่นเป็นชาวมุสลิม ต้องศึกษารายละเอียดอะไรบ้าง
 ผมอาศัยการเรียนรู้เอาจากในกองถ่าย เพราะจะมีพี่ที่เป็นมุสลิมอยู่ในกองถ่าย เขาก็จะคอยแนะว่า ถ้าทักทายต้องทำยังไง เวลามีพิธีกรรมต้องทำยังไง เพราะพิธีกรรมทางศาสนาเขาก็จะต่างกัน

ได้เรียนรู้อะไรจากการแสดงละครเรื่องนี้บ้าง
 อย่างแรกคือได้รู้เรื่องศาสนา ว่าชาวมุสลิมเขามีขนบธรรมเนียมปฏิบัติยังไง ได้เรียนรู้ถึงชีวิตของคนที่ฐานะไม่ค่อยดี เรียนรู้ชีวิตคนน่ายังมีคนที่โชคร้ายกว่าเราเยอะ ทำให้รู้ว่าคนเราต้องไม่ท้อแท้ ต่อสู้กับปัญหา แล้ววันหนึ่งตัวละครก็ผ่านพ้นอุปสรรค พัฒนาตัวเองขึ้นมาสู่จุดที่ดีได้ ในเรื่องจะมีปัญหาเกี่ยวกับชายแดนภาคใต้ แต่ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องการยิงกัน หรือวางระเบิด เพราะเรื่องราวจะเป็นในยุคเก่า แต่ก็ทำให้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนา ให้รู้ว่าคนดีๆ ยังมีอยู่ สนับสนุนให้คนไทยได้รักและสามัคคีกัน

เบื้องหลัง
เป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามอง
 รู้สึกภูมิใจ แต่จริงๆ ก็เฉยๆ นะ เพราะผมก็รู้ว่าตรงนี้มันไม่แน่นอน แต่ก็ยินดีที่มีคนติดตามผลงาน ได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว ไม่ได้คิดว่าต้องโด่งดังมากมายอะไร เพราะผมก็ยังอยากไปไหนมาไหนอย่างคนปกติได้บ้าง ถ้าดังมากๆ มันคงจะไปไหนมาไหนลำบาก

ปกติใครช่วยดูแลเรื่องการรับงาน
 เมื่อก่อนก็จะเป็นคุณแม่ แต่ตอนนี้ผมเซ็นสัญญากับทางค่ายโพลีพลัสแล้ว โพลีพลัสก็จะช่วยดูแลเรื่องงานแสดงให้

ผลงานที่ผ่านมา เก้ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจไหม
 จริงๆ ผมก็มีส่วนตัดสินใจ 50-50 ถ้าคุณแม่คิดว่างานนี้เล่นแล้วดูดี ก็จะรับ แต่ถึงตอนนั้น ถ้ามีเรื่องที่ผมชอบมากกว่า แม่จะให้โอกาสผมมีส่วนร่วมเต็มที่

เริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุเท่าไหร่
 ตอนนั้นผมอายุ 4 ขวบ ถ่ายโฆษณาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรก จากนั้นพออายุ 6-7 ขวบ ก็เล่นละครเรื่องแรกคือ ผีขี้เหงา ทางช่อง 7 ตอนแรกก็ไม่มีใครคิดว่าผมจะเข้าวงการบันเทิง แต่วันหนึ่งมีโอกาส มีคนเห็นก็ให้ผมมาถ่ายรูป รูปก็จะไปโผล่ที่นั่นที่นี่ พอโมเดลลิ่งเขาเห็นว่าน่ารัก ก็สนใจเรียกไปถ่ายงาน

ต้องทำงานตั้งแต่เด็ก มีงอแงบ้างไหม
 มีเกือบทุกงานนะ ถ้าต้องตื่นเช้า เวลาง่วงๆ อย่างผมก็ไม่ได้เล่นเก่งอะไรมาก ก็แสดงไปตามความสามารถ ก็มองว่างานแสดงก็คืองานอดิเรก แม่ผมก็ไม่ได้บังคับว่าต้องทำ แต่พอวันหนึ่งโตขึ้นมา ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไป แล้วมันก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ แม่ก็เลยคุยกับผมว่า อยู่ตรงนี้มันก็ดีนะ ถ้าจะทิ้งก็เสียดาย เพราะมันก็ไม่ได้ทำให้เราเสียเวลามากมาย ถ้าเราจัดสรรเวลาดีๆ แต่ยังไงผมก็เอาเรื่องเรียนเป็นหลักอยู่ดี ตอนนี้ก็ถือว่าผมงอแงน้อยลงนะ อาจจะเพราะว่าผมโตขึ้น

รู้สึกอย่างไรที่เห็นเพื่อนๆ ได้เที่ยวเล่น แต่เราต้องทำงาน
 แต่ก่อนก็รู้สึกไม่ดี ไม่รู้ว่าต้องเหนื่อยนานแค่ไหน แต่พอผมโตขึ้น แม่ก็อธิบายว่าถ้าเราทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุเท่านี้ พอวันหนึ่งเราโตขึ้น อาจจะอายุสัก 30 กว่า เราก็ไม่ต้องเหนื่อยทำงานแล้ว ในขณะที่เพื่อนผมอายุ 30 กว่า เขาก็ต้องทำงาน ถึงตอนนั้นผมก็มีตังค์ไปเที่ยวได้ เพราะเราเก็บตังค์ตั้งแต่เด็ก

ทำงานเยอะ ไม่มีอารมณ์อยากเที่ยวหรือมีเวลาของตัวเองบ้างหรือ
 ก็มีนะ บางทีอยากไปเที่ยว อยากอยู่กับเพื่อนบ้าง แต่บางทีก็อยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเยอะมาก เพราะปกติผมก็เป็นคนไม่เที่ยวเยอะ แต่บางทีก็อยากอยู่บ้าน อยากทำอะไรก็ทำ บางทีก็รู้สึกไม่ได้อยากคุยกับใครเท่าไหร่

เป้าหมายของเก้า
 เป้าหมายของผม คือทำงานอย่างมีความสุข ทำงานไม่ได้คิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จมากมาย ทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

การทำงานตั้งแต่เด็ก ทำให้เก้ามีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนไหม
 คงโตกว่ารุ่นเดียวกันในบางเรื่อง แต่บางคนพ่อแม่เขาก็สอนมาดี แต่จริงๆ ผมเองก็ยังมีความเป็นเด็กสูงนะ ผมเองก็ไม่อยากรีบโต จริงๆ ผมคงไม่ได้โตมากกว่าคนอื่นหรอก แต่อาจจะเพราะฟังคำแม่สอนบ่อย เพราะแม่จะสอนผมแบบเพื่อนด้วย แม่ไม่ได้สอนแค่เรื่องเรียนเท่านั้น แต่จะสอนเรื่องการใช้ชีวิตด้วย ทำให้ผมพอจะเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่บ้าง เวลาทำงานก็ต้องเจอกับคนเยอะ ก็มีส่วนที่ทำให้เราได้รู้ได้เห็น และมีประสบการณ์มากขึ้น
วัยรุ่นแบบเก้า

คุณแม่ค่อนข้างมีอิทธิพลกับเก้านะ
 ค่อนข้างมีอิทธิพล เพราะแม่จะทุ่มเทกับเก้ามาก เขาจะคอยสอน เพราะเขาหวังดี ผมรู้สึกได้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็จะบอกแม่ ปรึกษาแม่ ให้แม่ช่วยคิด

มีช่องว่างระหว่างวัยกับคุณแม่บ้างไหม
 มีบ้าง เพราะคุณแม่เขาวัยทอง (หัวเราะ) ผมก็ยังวัยรุ่น ก็มีปัญหาบ้างเป็นธรรมดา ตอนแรกผมก็งง ว่าทำไมแม่ดุจัง แล้วก็รู้สึกว่าทำไมเราถึงมีความอดทนน้อยลง เพราะปกติผมก็จะค่อนข้างเชื่อฟังแม่มากกว่านี้ แต่เดี๋ยวนี้ผมก็รู้สึกว่า ถ้าผมไม่ผิด ผมก็จะเถียง ทั้งที่จริงๆ ก็รู้แหละ ว่าแม่หวังดี แต่กว่าจะรู้สึกตัวก็ช้า

แล้วแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร
 ธรรมชาติของคนอยู่บ้านเดียวกัน ก็จะคุยกันได้ โกรธกันเดี๋ยวก็หาย ก็คุยกันได้ ขี้เกียจโกรธนานๆ รู้สึกว่าจะโกรธกันทำไม ไม่อยากให้แม่คิดมากด้วย เพราะยังไงเราก็เป็นลูก ถ้าโกรธกัน ผมก็ควรขอโทษซะ ก็จะจบเอง

วัยแบบนี้ มีเพื่อนมาชวนให้เดินทางผิดบ้างหรือเปล่า
 ถ้าเพื่อนชวน บางทีเขาอาจจะไม่ได้คิด แต่เราก็ต้องทบทวน ว่าทางที่เขาชวนมันเสี่ยงแค่ไหน เพราะชีวิตเราบางทีก็ต้องเจออะไรที่แปลกๆ บ้าง ถ้าเรามั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ก็จะปรึกษาหลายๆ คนก่อนจะทำ แต่ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติด อันนี้ผมจะปฏิเสธตรงๆ เลย ถ้าเป็นเพื่อนไม่สนิทมาก เขาก็คงไม่กล้าชวนอยู่แล้ว แต่ถ้าสนิทมาก ก็จะปฏิเสธกับเขาตรงๆ แล้วก็จะเตือนเขาด้วยว่ามันไม่ดีนะ เคยมีบ้างที่มีคนมาชวน เอาบุหรี่มาให้ บางทีเพื่อนก็อาจจะไม่ได้ชวน แต่เราก็เห็นเพื่อนสูบ ก็จะเตือนๆ

เพราะทำงานตรงนี้ เลยต้องคอยเตือนตัวเองด้วยไหม
 ไม่แน่เหมือนกัน เพราะอยู่วงการนี้ ก็จะได้เห็นคนที่ทำอะไรไม่ดีอยู่บ้าง เป็นอุทาหรณ์ให้แก่เราได้ เพราะวงการนี้ทำอะไรผิดนิดเดียว มันก็ส่งผลเร็ว ถ้าทำอะไรเรื่องแย่ๆ แป๊บเดียวเราก็เห็นกรรมตามเขาทันแล้ว เราก็เห็นตัวอย่างไม่ดีมาเยอะ ว่าถ้าทำไม่ดี มันจะส่งผลยังไงบ้าง 

หัวใจวัยกระเตาะ
คนชมเก้าหล่อ

 (หัวเราะเขินๆ) ก็เวลาแต่งตัวไปงาน ก็ต้องมีคนมากรี๊ดบ้าง เพราะเราก็แต่งตัวไปงาน แต่ถ้าเป็นชีวิตปกติ ไม่ค่อยมีหรอก มีมากรี๊ดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะแค่มองๆ

คุณแม่ห้ามมีแฟนไหม
 คุณแม่ไม่ได้หาม เขาก็รู้ว่าผมรู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำแค่ไหน

เห็นมีภาพคู่สาวออกมาแล้วนะ
 คนนั้นเขาเป็นน้องที่รู้จักกันมาตั้งแต่ 10 ขวบ เป็นลูกของพี่ที่อยู่ในกองถ่ายหนัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ไม่ตกใจหรอกที่มีรูปออกมา เพราะก็ยังคุยกันอยู่เลยว่า เอาไปขายนักข่าวสิ ได้ตังค์ ฮาๆ ไม่ซีเรียสอะไรเลย

 ความคิดดีอย่างนี้ มิน่าใครๆถึงตกหลุมรัก อะแฮ่ม ขอจองไว้ก่อน เผื่อโตได้มั้ยเคอะ คุณแม่ขา...า

เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"