"ชาคริต" บอกอายุ 60 อยากใช้ชีวิตเป็นชาวสวน รับอยากได้ลูกสาวเพิ่มอีกคน

พระเอกหนุ่ม "ชาคริต แย้มนาม" เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเจ้าตัวเปิดใจเล่าให้ฟังที่งานเปิดตัวซิทคอมอารมณ์ดี "ครอบครัวป่วน ก๊วนสุภาพ" ว่า เรื่องน้ำท่วมก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นช่วงในตัวเมือง ซึ่งก็ถือว่าหนักอยู่ หนักในรอบ 10 ปีจากที่ท่วมเมื่อคราวที่แล้ว แต่ว่าที่สวนของผมโชคดีคือพื้นที่มันจะมี 2 ฝั่ง ดังนั้นเวลาน้ำมามันก็จะท่วมแล้วก็ไป โดยธรรมดาเวลาที่ท่วมก็สักประมาณครึ่งวันก็แห้งแล้วครับ ส่วนต้นมังคุดเขาก็โตแล้ว ก็คือทนน้ำทนอะไรได้ แต่ถ้าเป็นทุเรียนก็อาจจะเจ็บ เพราะถ้าน้ำขังมันก็อาจจะส่งผลให้เป็นโรคเป็นเชื้อราได้เหมือนกัน แต่โชคดีครับอย่างที่บอกแค่ครึ่งวันน้ำก็ไปแล้ว น้ำสูงแค่เกือบๆ หัวเข่า แป๊บเดียวก็ลงแล้วครับ แต่ว่าสิ่งที่มากับน้ำคืองู เพราะสุดงูเหลือมเข้ากรงไก่ ซัดไก่ผมไป 3 ตัว (ยิ้ม) แจ็คพ็อตครับ คือเขาคงหนีน้ำมาแหละ และบังเอิญว่าในกรงเรามีไก่ เขาก็เลยจัดไป

หลังจากนี้สิ่งเดียวที่เราจะต้องดูแลก็คือครอบครัวเรา ญาติพี่น้องเรา และก็คนงาน คือเราก็ต้องคุมพื้นที่คุ้มบริเวณ รวมถึงอธิบายให้เขาฟังเรื่องการเดินทางไปไหนมาไหน เนื่องจากว่ามันอันตรายจริงๆ ก็ต้องให้เขาเข้าใจ ตอนนี้ผมเชื่อว่าด้วยตัวเลขที่ผ่านมาทุกคนก็น่าจะระวังตัวเองกันมากขึ้น ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ แต่ด้วยภาระหน้าที่การทำงานและหลายๆ อย่าง มันก็อาจจะเกิดคลัสเตอร์ได้ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันจากที่เราดูการผ่านของน้ำ เราก็ถือว่าค่อนข้างโอเคนะ เราเอายู่ และจริงๆ ทุกปีมันก็จะอยู่ในช่วงนี้แหละ ปลายกันยา ต้นตุลา แค่ 1-2 ครั้ง แต่ว่าปีนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันตกหนักจริง ซึ่งก็อย่างที่บอกครับแป๊บเดียวน้ำมันก็ผ่านไป สำหรับปัญหาตรงนี้ในจุดที่เป็นสวนของผม ผมคิดว่าเรารับได้ แต่สวนคนอื่นผมก็เป็นห่วงครับ สวนเรานำท่วมประมาณ 200 วา ไม่ถึงไร่ ไม่มีอะไรเสียหายเลยครับ แค่ไก่ถูกกิน (ยิ้ม)

บั้นปลายชีวิตตั้งใจว่า เราจะมาอยู่ที่นี่ขึ้นมาทำก่อนเลย ก็คือไม่ต้องรอแล้ว และก็ต้องขอบคุณครอบครับภรรยาด้วยเช่นกันที่ให้ความรู้ รวมถึงตัวเราเองก็เปลี่ยนวิกฤตจากโควิดให้เป็นโอกาส เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราก็ได้เรียนรู้และก็ได้พัฒนาไปพร้อมๆ กัน อย่างตอนนี้ก็กำลังขยายแปลงด้วย ถือว่าเป็นความพอเพียงอย่างหนึ่งในครอบครัวที่สร้างความมั่นคงได้ การได้ลงมาทำด้วยตัวเองแบบนี้มันสนุกครับ และเราก็ทำกันได้ดีด้วย มันไปได้ดีเลยทีเดียว อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของปัจจัย 4 เพราะถึงยังไงคนเราก็ต้องกิน ในขณะเดียวกันมันก็ได้สอนเราด้วย แต่ว่าในพาร์ทการทำงานหลักเราก็ยังทำเหมือนปกติ เพียงแค่ตรงนั้นเราก็เริ่มไว้เพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้กลับไปเป็นชาวสวน

คือผมมีที่ดินอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนที่ผมอายุ 20 ต้นๆ และก็คิดว่าบั้นปลายสักประมาณ 60 คงได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น แต่พอจังหวะชีวิตมันมีโอกาสให้ผมได้ไปก่อน ผมก็เลยรู้สึกว่าทำไมผมต้องรอ ดังนั้นผมก็ขอใช้โอกาสนี้เลยดีกว่า อีกอย่างมันก็สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวผมด้วย แล้วสวนที่ผมทำอยู่มันเป็นสวนไม้ผลนะครับ ดังนั้นผมเลยยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องการทำสวนผักออร์แกนิกหรืออะไรขนาดนั้น เนื่องจากสวนของเรามันค่อนข้างชัดเจนในรูปแบบอยู่แล้ว แต่เราก็พยาหาการตลาดอยู่เรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำส่งออกนอก หรือแบรนด์เขยจันท์ ซึ่งก็เป็นอะไรที่สนุกดีครับ

ส่วนเรื่องลูกคนที่ 2 พยายามอยู่ครับ พยายามอยู่ตั้งแต่ครึ่งปีหลังมานี้ เราก็ลุ้นกันอยู่ และก็บำรุงกันมาเรื่อยๆ ถ้าเลือกได้ก็อยากให้เป็นลูกสาวครับ แต่เราก็อยากจะให้เป็นธรรมชาติที่สุดก่อน และถ้าหากต้นปีหน้ายังไม่มีวี่แววเราก็คงต้องมาคุยกันใหม่ว่า โอเคอาจจะมีโพธิ์คนเดียวหรือเปล่า เพราะวัยเราเองก็มาถึงจุดหนึ่งแล้วด้วย น้องโพธิ์เขาอยากมีน้องครับ ตามประสาลูกคนเดียว (ยิ้ม) อย่างเวลาเราอยู่บ้านด้วยกันแล้วเขาชวนเราไปเล่นด้วย เขาบอกว่าเขาไม่มีเพื่อน เราได้ยินเราก็ใจหล่น เขาอยากได้น้องสาวครับ เขาบอกว่าอยากได้น้องผู้หญิง

ล่าสุดพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่ลูกจะเปิดเทอม ก็ไปเที่ยวกัน 3 วัน ปกติเราจะกลับสวน ครั้งนี้ก็เลยพากันไปพักผ่อนไปเที่ยว แฟนๆ ชื่นชอบครอบครัวเราต้องขอบคุณทุกคนที่อวยพรให้เราด้วยนะครับ และก็ทุกคนที่คอยติดตามเรา คือมันก็คงเป็นความเป็นธรรมชาติของครอบครัวที่เรียบง่ายมั้งครับ และคนก็อาจจะเห็นความต่างของตัวเราด้วย ที่เมื่อก่อนเป็นมนุษย์เมืองสุดๆ แต่เดี๋ยวนี้พอมาเจอสิ่งที่มันใช่มันก็เป็นชีวิตที่แบบเรียบง่าย ส่วนที่ภรรยามีแฟนคลับชื่นชอบขึ้น เขาก็เป็นแบบนี้แหละครับ สายฮา (ยิ้ม) แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่แบบว่าโฟกัสตรงนี้เยอะนะ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากเครียด แค่เป็นภรรยาผมก็เครียดพอแล้ว (หัวเราะ)