"สิตางศุ์" เคลียร์ดราม่าแม่ตัวจริงขอทวงลูกบุญธรรมคืน ปลื้มหน้าใหม่สุดปัง

ล่าสุดเน็ตไอดอลชื่อดังตำนานส้มหยุด "สิตางศุ์ บัวทอง" หรือ "แม่สิตางศุ์"  ได้ไปร่วมงานปิดกล้องภาพยนตร์ "หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่" พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหน้าใหม่ที่ไปศัลยกรรมมาและเคลียร์ดราม่าปมปัญหาแม่ตัวจริงทวงลูกบุญธรรมคืนหลังจากที่เพจดังเปิดประเด็นเอาไว้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่แม่ตัวจริงของลูกบุญธรรมจะมาขอลูกคืน "แม่สิตางศุ์" บอกว่า "คือยินดีที่จะเสียเงินให้เขาทีแรก เพราะก็เข้าใจว่าเลี้ยงดูมาจนโต แต่เขาต้องการเยอะไป แล้วลูกชายเขาไม่ให้ ตอนแรกเราตกลงว่าจะจ่ายให้เขารายเดือนด้วยซ้ำ จะจ่ายค่าที่อยู่อาศัยให้ ทำสัญญาแฟลตให้ 4 แสน  แต่ตอนหลังเขาร้ายเกิน แล้วก็ข่มขู่ฉันด้วยว่าจะให้ข่าวเลยนะ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดยแบล็กเมล์ โดนมาหลายเดือนด้วยซ้ำ คือพูดเรื่องนี้แล้วจะร้องไห้(เสียงสั่นเครือ) คือรับเขาเป็นลูกบุญธรรม เพราะหน้าเขาเหมือนหลานชายเรากินอะไรก็เหมือนกัน”

ทำไมอยู่ดีๆ แม่เขาถึงอยากเอาลูกคืน?

“เพราะเขาละโมบ แต่อันนี้ต้องถามลูกเขาเอง เพราะเราไม่รู้รายละเอียดครอบครัวเขา แต่เขาเป็นคนปกป้องแม่ ถ้าไม่มีเขา แม่โดนแล้วนะ เขาไปร้องเรียนหน่วยงานอะไรตั้งเยอะ เผอิญลูกชายอายุ 23 แล้วค่ะ เขาก็เลยเลือกได้”

ได้เซ็นรับเป็นลูกบุญธรรมเลยไหม?

“ใช่ เป็นคนแรกเลยที่จะเปลี่ยนนามสกุล แต่ตอนนี้รอเสร็จเรียบร้อยก่อน ต้องเช็กหลายอย่าง แต่ตอนนี้เขาก็ผ่านแล้วล่ะ นิสัยใจคอ ความคิด เขาเป็นคนใจบุญเหมือนแม่ด้วย”

ที่บอกว่าเขาข่มขู่ มีอะไรบ้าง?

"เรื่องนี้ไม่อยากพูดเลย น่าเกลียดอ่ะ ขยะแขยง คือแม่ของเขาป่วย แล้วรับยา เขาก็เลยโดนทรมานมาตั้งแต่เด็ก จนสมองช้า พอมาอยู่กับแม่ แม่รู้เลย เขาเหมือนเด็กออทิสติก คือเขาเกิดมาสมบูรณ์ แต่เขาโดนบีบคอ แล้วก็กรอกน้ำเปล่า(เสียงสั่นเครือ) ตอนแรกมาสมัครงานกับแม่ แม่ก็บอกให้ไปเอาเสื้อผ้า เขาบอกผมไม่มีเสื้อผ้า แต่เขาเป็นเด็กหาเงินเก่งมากนะ เพิ่งรู้ว่ามีเด็กโดนขังไว้ แล้วโดนทรมานจนสมองได้รับความกระทบกระเทือน เป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทยนะ แต่เคสนี้มันเกิดความผูกพันกัน"

ยังไงก็ไม่ให้คืนใช่ไหม?

 “เรามั่นใจว่าเด็กคนนี้เป็นลูกฉันเอง แล้วเราก็ไม่อยากให้ตัวเขามีบาปเพิ่ม เลยไม่อยากเอาเรื่องใคร แม้แต่จะเล่าให้คนอื่นฟังยังไม่อยากเล่าเลย เพราะเรื่องมันน่าเกลียด มันมีคนแบบนี้จริงๆด้วยเหรอ มีเด็กโดนทำร้าย สำหรับแม่บางท่านนะคะ อย่าทำร้ายลูกตัวเองเลย เด็กคนนี้ที่ฉันรับไว้ ตอนนี้เขาหายจากอาการเส้นเกร็ง อาการทางสมองแล้ว เราก็เริ่มที่จะส่งเขาเรียนภาษาก่อน แล้วก็เรียนตามระบบไป”