"กบ ปภัสรา" 2 เดือนตัดสินใจแต่งงาน ผ่านมา 22 ปีไม่มีเบื่อ
นักแสดงและผู้จัดคนสวยเจ้าของตำแหน่ง Miss Thailand World ปี 2531 ล่าสุดมาเปิดเส้นทางความรักกับสามีคู่ชีวิต "เอ๋ พรเทพ เตชะไพบูลย์" ที่คบหาเพียง 2 เดือนก่อนแต่งงาน จนถูกเมาท์เป็นซินเดอเรลล่าเมืองไทย ในรายการ "คุยแซ่บSHOW"
มาถามเรื่องความรักบ้าง อยู่ด้วยกันมา 22 ปี แล้ว ตอนนั้นเจอกันได้อย่างไร ?
กบ ปภัสรา : ตอนนั้นเจอกันเพราะคุณอายิ่งพันธ์ มนะสิการ กบเรียกท่านว่าคุณพ่อ เป็นคุณพ่อบุญธรรม ท่านเป็นคนแนะนำให้รู้จัก บอกว่าตอนนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงวิทย์อยู่ เขาก็ไม่รู้จักแต่ก็ตอบไปว่าค่ะ คือเราก็คิดว่าเขาไม่น่าจะสนใจ หรือมองคนที่ทำอาชีพดารา นักแสดงแบบเราหรอก คุณอาก็บอกให้มาเจอเราก็บอกว่าก็ได้ๆ คือตอนนั้นเราทำร้านอาหารอยู่ เราก็บอกคุณอาว่าเราไม่เจอข้างนอกนะ ถ้าจะเจอก็มาเจอกันที่ร้านอาหารก็แล้วกัน มาวันแรกเราก็ยุ่งมากเพราะตอนนั้นเรากำลังจะทำละครเรื่องมัสยา ก็เลยได้คุยบ้างไม่ได้คุยบ้าง เพราะเราต้องติดต่อสถานที่ ติดต่อนั่นโน่นนี่ ซึ่งคุณอาก็แอบมาบอกว่าเราไม่น่ารัก เพราะผู้ใหญ่มาเราก็เดี๋ยวก็ลุกทำโน่นนี่ วันนั้นก็จบสภาพแบบนั้น ตอนหลังเราก็บอกว่าก็ให้มาเพราะเราก็ไม่ได้ไปไหน คืออยากเจอก็มา พี่เอ๋เสร็จงานจากกระทรวงก็มาทุกวัน เพราะยุคนั้นมีแค่เพจเจอร์
คือเราเจอทุกวัน ก็ได้คุยทุกวัน แล้วอายุเรา 30 แล้ว เราก็คุยกัน เราก็บอกเขาไปเลยว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนนะ เราทำกับข้าวไม่เป็น เขาก็บอกว่าเขาก็ไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน เขาก็เล่าให้เราฟังว่าเขามีครอบครัวนะแต่ว่าหย่าไปแล้ว 10 ปี มีลูก 3 คน เขาก็เล่าว่าประวัติเขาโชคโชนมาก เป็นเสือผู้หญิงโน่นนี่
อายุห่างกันมากไหม ?
กบ ปภัสรา : ห่างกัน 16 ปี เขาก็เล่า เราก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ถ้าคิดจะเริ่มต้นด้วยกันอะไรที่ผ่านมาก็จบไป เราก็จะเริ่มต้นแล้วเดินไปข้างหน้า
สุดท้าย 2 เดือนตัดสินใจแต่งงาน ?
กบ ปภัสรา : ใช่ คนก็บอกกันว่าเร็วมาก คือเราก็บอกเขาไปว่าถ้าชอบก็ให้แม่มาขอ เขาก็บอกว่าไปอยู่ด้วยกันเฉยๆไม่ได้เหรอ เราบอกไม่ได้เพราะเราก็มีพ่อมีแม่ ก็เลยคุยกันว่าต่างคนต่างไปคุยกับพ่อแม่ตัวเองว่าจะไม่จัดงานแต่งได้ไหม เพราะทางโน้นเขาก็เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว และมีลูกแล้ว เราก็คิดว่าให้ผู้ใหญ่มาคุยกัน มารับรู้แล้วค่อยแถลงข่าวทีหลัง แกก็ไปคุยกับแม่แกว่า “แม่ เอ๋จะแต่งงานกับกบนะ” คือเขาไม่มีเกริ่นกับแม่เลยนะ แม่เขาก็งงๆ หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าแต่เราจะไม่จัดงานแต่งนะ แต่คุณแม่พี่เอ๋เขาไม่ยอม คุณแม่บอกว่าต้องจัดงานแต่ง จะงานเล็กงานใหญ่เอ๋ก็ต้องจัด เพราะลูกเขามีพ่อมีแม่ คุณแม่เขาน่ารักมาก แต่ทางแม่ของกบบอกว่าอย่างไรก็ได้ ก็แล้วแต่กบละกันเพราะแม่เราเป็นคนต่างจังหวัด ยังไม่รู้เลยว่า พรเทพ เตชะไพบูลย์ เป็นใคร เป็น ส.ส.หรือเปล่า คือแม่เขาไม่รู้อะไรเลยรับฟังจากลูกอย่างเดียว
พอต้องจัดงานเราก็ตกลงกันว่าไม่ต้องจัดงานใหญ่โต เราเอาแค่ข้างละ 15 คนก็พอ ตอนแรกก็ปิดข่าวยังไม่ให้ใครรู้แต่พอจะไปหาฤกษ์มันก็ยุ่งยาก พี่เอ๋เลยบอกว่าเราฤกษ์ที่เราสะดวกนี่แหละ วันที่ 18 เดือน 9 แต่งเลย แต่เราไม่สะดวกไงคือเรามีบวงละครวันนั้นพอดี เราก็เลยไปบวงสรวงละครตอนเช้ากลับมาก็แต่งงาน ซึ่งงานแต่งเราดีนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นงานหมั้นช่วงเช้า หรืองานแต่งเป็นพี่ๆ สื่อมวลชนทั้งหมด
คนเมาท์ว่าเป็นหนูตกถังข้าวสาร เป็นซินเดอเรลล่าเมืองไทย ?
กบ ปภัสรา : ใช่ๆ น่าจะเป็นเพราะเราเป็นนักแสดง แล้วเราไปแต่งงานกับตระกูลดังๆ คือพอไปเจอคำว่าตกถังข้าวสารก็จะนิดหนึ่งเพราะเราก็คิดว่าเราก็มีของเรา วันนั้นก็ยังไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะวันนั้นเรามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว เรามีรถขับแล้ว เรามีเงินในบัญชีที่จะดูแลตัวเองได้ แต่พอผ่านไปได้สักพักก็มีการมาจดทะเบียนสมรสทีหลัง ตอนนี้ก็ผ่านมา 22 ปีแล้ว
ชีวิตเปลี่ยนอย่างไรบ้าง ?
กบ ปภัสรา : ไม่เปลี่ยนนะ เพราะเราสองคนห่างกัน 16 ปี เราสองคนไม่เคยมีอะไรเหมือนกันเลย อย่างเรื่องการกิน พี่เอ๋ไม่ทานปลาร้าแต่กบทาน กบไม่ทานเนื้อแต่พี่เอ๋ทาน ตอนแรกๆ เขาแคร์เรา เราก็แคร์เขา แรกๆ เราก็ถามว่าปลาร้าเราเอาเข้าบ้านได้ไหม เขาก็บอกว่าได้แต่ต้องอยู่ในครัวห้ามเอาขึ้นโต๊ะ เราก็เลยถามเขาว่าแล้วเนื้อล่ะ เขาก็บอกว่างั้นก็ไม่ต้องเอาเนื้อขึ้นโต๊ะเหมือนกัน จะได้แฟร์ๆ แต่พออยู่ๆ กันไปสักพัก เราก็ให้เขาเอาเนื้อขึ้นโต๊ะได้เพราะเราไม่กิน ตอนหลังปลาร้าก็เอาขึ้นโต๊ะได้ หลังๆ พี่เอ๋เริ่มทานปลาร้าได้บ้างแล้ว คือมันอยู่ที่ความเข้าใจ พอเข้าใจกันแล้ว อายุที่มันห่างกัน 16 ปี มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่า เราจะต้องมีสิ่งที่ไม่ตรงกัน ไม่เข้าใจกัน พี่เอ๋เขาก็มองกบเหมือนมองเด็ก
น้องเหนือ ลูกสาวอายุ 21 แล้วตอนนี้เรียนที่ไหน ?
กบ ปภัสรา : เรียนที่จุฬา คณะนิเทศน์อินเตอร์ เขาก็เป็นเด็กเก่ง เรียนดี กีฬาก็เก่งตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ส่วนเรื่องเข้าวงการบันเทิงนั้นเขาไม่ชอบ เอาเขามาเล่นเป็นเด็กวิ่งในกองถ่าย เขาก็ไม่ชอบ อย่างเรื่องกาเหว่า เราก็ขอให้เขามาเล่นสักฉากหนึ่ง คือเล่นง่ายๆ เข้าฉากแล้วตาย เขาก็เยอะ ก็มีถามว่าบทเป็นอย่างไร ต้องร้องไห้ไหมร้องไห้ไม่เอานะ ต้องเล่นอย่างไร คือเขาก็จะฟีลของเขา กว่าจะต่อรองให้เขาเล่นได้เป็นอาทิตย์กว่าจะยอมมาเล่นให้ เขาบอกว่าเขาไม่ชอบ
แล้วนิสัยเหมือนคุณพ่อหรือคุณแม่ ?
กบ ปภัสรา : ก็เหมือนทั้ง 2 คน คือกีฬา เรื่องเรียนเก่งเหมือนคุณเอ๋ แต่ถ้าเรื่องความสวยต้องได้แม่ ถามว่ามีหนุ่มๆ จีบเขาเยอะไหม คือเขาก็จะใช้คำว่าเพื่อน เราก็ถามเขา เขาก็บอกว่าก็มีแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้นแหละ คือเราก็บอกเขาว่าถ้าบางคนคุยแล้วโอเคก็ให้พามาเจอเรา เพราะอย่างน้อยจะได้รุ้ว่าเป็นใครไปไหน อะไรอย่างไร จะได้ดูแลกันได้
แล้วเรามีสเปกเรื่องลูกเขยไหม ?
กบ ปภัสรา : กบก็บอกเขาว่าเรื่องแฟนของลูก แม่ขอเป็นคนดี ทำมาหากิน ดูแลเลี้ยงลูกได้ ไม่มาเอาของลูก แล้วสรุปว่าเอาอย่างนี้ เอาให้เหมือนป๊านี่แหละ เพราะป๊าเขาก็หวงเหมือนกัน คือพอบอกว่าเหมือนป๊าทุกคนก็บอกว่าเยอะ แต่สรุปแล้วมันก็เป็นเรื่องของเด็กๆ เพราะสุดท้ายแล้วการที่เขาจะหาใครสักคนมาอยู่ในชีวิตของเขา เขาเป็นคนเลือกดีที่สุด คือถ้าเราเลือกให้ก็คงไม่ดีเท่าเขาเลือกเดี๋ยวจะมีปัญหาเรื่องชอบไม่ชอบ ให้เขาเลือกเองดีที่สุด แต่ก็มีเวลาอีกเยอะ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุแค่ 21 เอง ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 3