
"เวลาตายก็ตายคนเดียว" หัวใจเปลี่ยวของ "อ้อม" สุนิสา
ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า...หลายคนคงคุ้นหูกับเพลงฮิตของนักร้องเสียงห้าว "อ้อม" สุนิสา สุขบุญสังข์ ได้เป็นอย่างดี และแทบไม่น่าเชื่อ ว่ามาวันนี้เธอเติบโตอยู่ในวงการมาแล้วนานถึง 22 ปี อีกทั้งผ่านงานมาแล้วหลากหลาย ทั้งงานเพลง งานแสดง พิธีกร ดีเจ และเธอมักจะสร้าง
เป็นคนบันเทิงที่มักจะสร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ให้แฟนๆ ได้ตะลึงกันแบบนี้ เราลองมาเปิดอกคุยกับเธอกันเลย
ชีวิตหลังจากบวช
ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง หลังจากได้บวชเรียนมา 1 เดือนกว่า
ในแง่ทัศนคติมันคล้ายเดิม แต่ยังมีความเกรงใจ และความยับยั้งชั่งใจ ก่อนพูดอะไรมากขึ้น ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงกับเพื่อนนะ แต่หมายถึงกับการทำงาน อย่างเมื่อก่อน เราจะเป็นห่วงคนฟัง พูดกันฉันเพื่อน แต่หลังจากบวชเรารู้สึกว่าเราต้องคิดมากขึ้นอีกมาสักนี้ด... เพราะเราใช้เวลาอยู่ตรงนั้นไม่ได้นานมากเท่าไหร่
แสดงว่าธรรมะช่วยกล่อมเกลาให้ดีขึ้น
อ้อมว่ายังไงธรรมะก็ช่วย ไม่ต้องบวชหรอก อ้อมเคยบอกว่าบวชกับไม่บวช ไม่ได้แปลว่าคนบวชจะได้อะไรมากกว่า เพราะคนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโดยสม่ำเสมอ ถือศีลโดยสม่ำเสมอ และไม่ผิดศีล ประกอบชีวิตด้วยสัมมาวาจาสัมมาทิฐิ ทุกอย่างที่พึงทำ อ้อมว่านั่นก็ดีแล้ว
ใจเย็นลงไหม
อย่างจัดรายการเพื่อนบอกว่าการพูดจาดูเบาลง ถามว่าเมื่อก่อนโกรธไหม ก็ไม่โกรธนะ แต่เป็นคนกวนตีน แต่หลังจากกลับมาจากบวชก็มีบ้าง แต่เราพูดในเชิงอื่น มีอยู่วันหนึ่ง มีคนฟังส่งมาบอกว่าอ้อมสมองน้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะตอบไปอีกแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้อ้อมก็ตอบว่าสงสัยสมองไหลไปกับผม (หัวเราะ) ก็คอยเดี๋ยวแล้วกัน ผมอ้อมกำลังจะขึ้น เดี๋ยวสมองก็คงเยอะขึ้น คือกวนนะแต่จะแตกต่างจากเมื่อก่อน
ณ วันนี้ หลายคนยังสงสัยว่าทำไมอ้อมถึงตัดสินบวช ทั้งๆ ที่ดูเหมือนว่าการบวชจะตรงข้ามกับบุคลิก
คนเรามีวิธีเลือก มีวิธีคิดแตกต่างกัน ด้วยบุคลิกอ้อมอาจจะมองว่าไปเป็นโจรไหม อาจจะง่ายกว่า (หัวเราะ) เพราะปากเสีย เซอร์ๆ ไม่ยุ่งกับใคร แต่ในเรื่องความเป็นจริงเรื่องธรรมะ อ้อมว่าบุคลิกตัดสินไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้สัมผัสคนคนนั้น หลายๆ ครั้งเราตัดสินคนจากบุคลิก แล้วเราก็พลาดหลายๆ ครั้ง คนบางคนที่เราคิดว่าดูสวย สง่า ภูมิฐาน เขาอาจจะดูไม่จริงใจ หรือคดโกงก็ได้ ในขณะที่คนบางคนที่ดูซอมซ่อ เขาอาจจะมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ แต่ไม่แปลกที่คนจะมองอ้อมแบบนั้น เพราะมันช่างดูห่างไกลจากการแสดงออกทางปาก หรือสีหน้าอาการ มันไม่ได้บอกว่าคนสนใจธรรมะ ต้องเรียบร้อยอย่างเดียว แต่ธรรมะเป็นสิ่งที่เปิดกว้าง ธรรมะเปิดโอกาสให้แก่คนทุกคน ธรรมะไม่มีข้อจำกัด อ้อมถึงเข้าไปได้
เคยคิดจะบวชไม่สึกเลยไหม
ยอมรับว่าเคยคิด ที่คิดแบบนั้น ไม่ได้เบื่อข้างนอก แต่อยู่ในนั้นสบาย แล้วก็เบา เราอยู่ในสิ่งที่เบาสบาย อยู่ข้างนอกมันวุ่นวายกว่า แล้วสุดท้ายความวุ่ยวายข้างนอกที่เราขวนขวายหา เราเอาอะไรไปไม่ได้เลย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปก็ไป หลายคนถึงใช้วิธีควบคู่ ทำหน้าที่การงานไปด้วย ศึกษาพระธรรมไปด้วย แล้วก็ประพฤติดีไปด้วย ก็มีหลายคนที่ใฝ่ดี แต่ยังไม่มีโอกาส หรือเวลาที่เหมาะสม แต่เราอยากจะชั่งน้ำหนัก ว่าเรายังอยู่กับทางโลกอยู่ ก็ต้องเอาทางโลกให้ดีก่อน
เรื่องเซอร์ไพรส์
ดูเหมือนช่วงนี้อ้อมกลับมาสู่วงการอีกครั้ง เริ่มจากงานเพลง หวือหวา และบวช
ขอบคุณที่คนมองแบบนั้น เพราะมันเป็นการกลับมาที่ดีด้วย อย่างในแง่ตอบรับเพลงก็ค่อนข้างดีนะ คนให้ความสนใจ แสดงว่าคนเห็นค่า เห็นผลงานเรา หรือคนจำได้ในการที่เราบวช เพราะตอนนี้ไปไหนคนก็ถามว่า เอ้า...สึกแล้วเหรอ จริงๆ อ้อมไม่ได้หายไปไหน อ้อมก็เป็นดีเจ อยู่แบบเงียบๆ คงไม่ได้ถูกลืม แต่อาจจะไม่ได้ถูกจำเป็นเบอร์ต้นๆ เท่านั้นเอง แต่จังหวะที่ทำงานเพลง แล้วบังเอิญเรื่องบวช ทำให้มีโอกาสขึ้นหนังสือพิมพ์หน้า 1 อยู่เรื่อยๆ ก็ขอบคุณที่คนให้ความสนใจ อ้อมก็ภูมิใจที่เป็นข่าวหน้า 1 ที่ดี และประชาชนให้ความสนใจกับสิ่งที่อ้อมทำ
สร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่แฟนๆ อยู่เรื่อยๆ
อ้อมไม่ได้ตั้งใจ ว่ามันจะเป็นเซอร์ไพรส์ แต่อ้อมเชื่อเรื่องการทำงาน ว่าถ้าเรามีความสุข ถ้าเราสนุก แล้วเราเต็มที่และจริงใจกับมัน ผลที่ได้มันจะดี แต่ทั้งหมดไม่ใช่ว่ามันจะถูกใจคนทั้งหมด บางคนอาจจะยี้ชุดว่ายน้ำถ่ายไปได้ยังไง หุ่นก็ไม่ดี หรือว่ายี้ไปบวชได้ยังไง ก็อาจจะมี อ้อมว่ามันเป็นจังหวะของชีวิต ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิด อย่างในเรื่องชุดว่ายน้ำ มันตอบโจทย์เพลง เพราะเพลงชื่อว่า "ตัวปลอม" แต่พอมันผิดปกติ มันก็เลยมีคำว่า เซอร์ไพรส์เข้ามา มาบวกกับอ้อมบวช ก็เข้าใจได้ว่าเซอร์ไพรส์อีก
อย่างที่บอกว่ามีทั้งเสียงวิจารณ์ด้วย เครียดไหม
ไม่รู้หรอกว่ามีอะไรบ้าง เพราะไม่ได้เช็ก บางทีการไม่รู้ก็ดีนะ ไม่ใช่ว่าปิดหูปิดตาหรอกนะ แต่เพราะว่า ณ วันที่ทำ เราต้องคิดว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้กระทบใคร ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถ้าจะมีคนไม่ชอบบ้างอะไรบ้าง ก็เป็นธรรมดา หลักธรรมะ ก็จะมีชื่นชมมีนินทา เมื่อมีคนชมเราก็อาจจะมีคนด่าเราก็ได้
กับที่มีข่าวว่าจะอำลาวงการล่ะ
มันน่าจะเป็นเพราะอ้อมลางานไป 3 อาทิตย์ แล้วขอลาต่อ พอต่อปุ๊บ สิ่งที่เด็กๆ ในคลื่นเขาพูดกัน คือการบวชต่อไม่สึก โดยยังไม่ทราบเหตุผล เขาก็อาจจะคิดไปได้
แล้วเคยมีความคิดแวบๆ จะออกจากวงการเลยไหม
นาทีแรกที่เข้ามาวงการ อ้อมก็ไม่คิดจะอยู่ยาว อ้อมเคยคิดเข้ามาสนุก มาแค่ลองเล่นหนังเรื่องหนึ่ง ไม่คิดเลยวันนี้มันผ่านมาแล้ว 22 ปี อ้อมต้องขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ คนที่เกี่ยวกับอ้อม รวมไปถึงประชาชนทุกคนที่วิจารณ์หรือชม ทำให้อ้อมมาอยู่ทุกวันนี้ 22 ปี จากคนที่ไม่เคยนึก แค่จะมาหาประสบการณ์ ทำให้อ้อมรู้สึกว่าอ้อมเป็นคนโชคดีเหลือเกิน ได้ทำงานที่รัก และรักงานที่ทำ คนบางคนทำงานเพราะต้องการเงิน หรือคนอยากทำงานที่รัก แต่ต้องไปทำงานอย่างอื่น อ้อมว่าอ้อมโชคดีที่ได้ทำงานที่รัก
แล้วกับการที่ถูกมองว่าอ้อมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงล่ะ
จริงๆ มีทุกมุม คนเรามีทุกอารมณ์ เพียงแต่อารมณ์ไหนมันจะเด่น มันไม่มีใครไม่โมโห ไม่มีใครไม่ขี้น้อยใจ ไม่มีใครไม่หัวเราะ เพียงแต่สิ่งที่ออกมาสัดส่วนมันต่างกัน อ้อมอาจจะมีโลกส่วนตัวสูงก็ได้มั้ง อ้อมไม่ชอบพูดเรื่องตัวเอง
เรื่องหัวใจ
ตอนนี้เรื่องความรักเป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องความรักก็เป็นเรื่องเรื่อยๆ จริงๆ คนเราอยากมีความรักนะ เราอยากมีที่พึ่งทางใจ เราอยากมีใครสักคน ที่อยากจะเป็นเพื่อนกับเรา ทั้งๆ ที่ในใจเราก็รู้ว่าเวลาตายก็ตายคนเดียว แต่มันยังไม่ถึงจุดนั้น ถามว่าอยากมีเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ก็อยาก แต่พอโตมาระดับหนึ่ง ความเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข มันอาจจะไม่ต้องเป็นคู่สามีภรรยาก็ได้ เราอาจจะมีเพื่อนสนิทฝากผีฝากไข้ได้ เราอาจจะไม่ใช่คนโชคดี ที่จะมีคนรักที่ดี มีครอบครัวด้วยกันได้ แต่เราอาจจะโชคดีมีเพื่อนในชีวิตที่เข้าใจเราหลายๆ คนก็ได้
แสดงว่าไม่มองคำว่า "สามี-ภรรยา"
อ้อมยอมรับว่าอ้อมเคยมอง เพราะว่ามีคำว่าสามี-ภรรยา มันเหมือนคำการันตีว่าเรามีคนดูแลแน่ๆ แต่พอวันหนึ่งมันไม่มีอะไรแน่นอน สามีภรรยาอาจจะไม่ได้ดูแลกันถึงวันสุดท้าย แต่ถ้าเรามีเมตตากับคนรักของเรา ที่เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เราอาจจะมีคนเหล่านั้นไปตลอดก็ได้ ไม่ใช่ไม่อยากมี แต่เมื่อมันไม่ได้ ก็ไม่ต้องขวนขวาย
ผู้หญิงหลายคนฝันอยากแต่งงาน อ้อมเคยคิดไหม
เคยคิด...เป็นธรรมดาที่คนเรามองเรื่องการแต่งงาน มีครอบครัว อ้อมมองถึงเรื่องการแต่งตัวว่าอายุเท่านี้ ต้องแต่งแบบนี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราวางเอาไว้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นแบบนั้นทุกอย่างตามที่ที่เราวางไว้ มันไม่มีอะไรแน่นอน สามารถยืดหยุ่นได้
ชีวิตทุกวันนี้เหงาไหม
ถ้ามีสติไม่เหงา แต่วันไหนเผลอน่ะเหงา
หลายคนวางแผนว่าบั้นปลายชีวิตต้องมีคนดูแล
บ้านพักคนชราไง คิดเล่นๆ นะ ใครๆ ก็อยากมีคนดูแล เราถึงต้องการครอบครัว แต่ถ้ามีครอบครัวมีคนดูแลก็ดี แต่ถ้ามีแล้ว มาเลิกกับเราตอนอายุ 55 ปี ตอนนั้นมันช็อกกว่านะ มันก็สอนว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน ถามว่าอยากมีคนดูแลไหม อยากนะ แต่ตอนนี้ต้องดูแลตัวเองก่อน เราเกิดคนเดียว ก็ต้องตายคนเดียว
เป็นเพราะโสดหรือเปล่า เลยมีข่าวกับ "หนิง" ภารดา พัฒนาหิรัญ
อ้อมว่าก็คงเกี่ยว แต่อ้อมไม่พูดว่าอ้อมไม่โสด
ตกลงโสดหรือไม่โสด
ก็มีคนคุยด้วยได้ มีคนคุยบ้าง
เพราะมีคนที่คุยด้วยนี่แหละ คนเลยมองว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
ไม่เบื่อกันเหรอถามมา 20 ปี แล้วก็ได้คำตอบเดิม อ้อมตอบก็ไม่เชื่อ แล้วจะเอาอะไรกับอ้อม ปล่อยให้มันกำกวมไปเถอะ สนุกดีออก (หัวเราะ) แล้วคนที่กล้าตอบว่าอยากแต่งงานคิดว่ายังไงล่ะ จริงๆ มีคนที่อ้อมคิดจะแต่งงานด้วย แต่หลังจากประสบการณ์มันสอนให้เรารู้ ว่าคนที่เรามองว่าอาจจะใช่ อาจจะไม่ใช่ที่สุด
อ้อมถึงบอกว่าบางทีเราตัดสินคนภายนอกไม่ได้หรอก เพราะอ้อมเคยตัดสินคนจากภายนอกมาแล้ว เคยคิดว่าคนนี้ใช่เลยล่ะ หน้าตาบุคลิก การศึกษาทุกอย่าง แต่พอได้มีโอกาสเรียนรู้จริงๆ กลายเป็นคนที่ไม่ใช่ ยิ่งกว่าไม่ใช่ หลังจากนั้นอ้อมก็เลือกเยอะ บางทีอ้อมตัดสินคนภายนอกมาเยอะ อ้อมก็อาจจะพลาดคนดีๆ ไปก็ได้ คือเราอาจจะพลาดคนดีๆ ไปก็ได้ อ้อมยอมรับ ว่ามีเวลาช่วงหนึ่งเราได้เรียนรู้กับคนหลายๆ คนเยอะ ซึ่งเราก็ตัดสินบางอย่างเขาไปเหมือนกัน ซึ่งเขาเองก็ตัดสินเราไปเหมือนกัน มันก็เลยไม่มีการเรียนรู้กันทั้งคู่
แสดงว่าความฝันที่จะแต่งงานไม่มีอยู่ในหัวแล้ว
ไม่แล้วล่ะ ตอนนี้กลายเป็นว่าอะไรจะเกิดก็เกิด ถ้าวันหนึ่งจะได้มีชีวิตคู่มันก็คงมี แต่ถ้าวันหนึ่งต้องไปใช้ชีวิตอีกแบบก็ไม่เป็นไร สมมติจะไปเป็นอาสาสมัคร หรือว่าอยู่ในวงการตลอด ก็ปล่อยมัน หน้าที่ของเราคือทำให้ดีที่สุด ซื่อสัตย์กับแต่ละวัน กับสิ่งที่เราทำ ถ้าเรามีคู่ก็สื่อสัตย์กับคู่ของเรา หรือเรื่องงานก็ต้องสื่อสัตย์กับงาน
นี่ล่ะสไตล์ "อ้อม" สุนิสา
เรื่อง... "เพ็ญนภา ดำเล็ก"
ภาพ... "WOMAN&HOME"