บันเทิง

2ดาราเกาหลีใต้ช่วยเหยื่อแผ่นดินไหวเฮติ

2ดาราเกาหลีใต้ช่วยเหยื่อแผ่นดินไหวเฮติ

29 ม.ค. 2553

นักแสดงเกาหลีใต้ ชาง ดง-กอน และโค โซ-ยัง ไปช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวที่เฮติ ยูเอ็นห่วงสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยอาจเป็นชนวนปัญหาความไม่สงบ ขณะที่เฮติน่าห่วงเริ่มเกิดเหตุข่มขืนผู้ประสบภัยในค่ายพักพิง

(29ม.ค.) เว็บไซท์หนังสือพิมพ์โคเรีย ไทม์ส ของเกาหลีใต้ รายงานว่า นักแสดงระดับแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ชาง ดง-กอน และ โค โซ-ยัง แฟนสาวที่เป็นนักแสดงหญิงชื่อดัง ต้องการจะไปเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ อันเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอาสาสมัครด้านการบรรเทาทุกข์

 ปัจจุบัน ชาง ดง-กอน ซึ่งเป็นที่รู้จักในเมืองไทยจากละครชุดทางโทรทัศน์เรื่อง "ออล อะเบ๊าท์ อีฟ" หรือ สงครามแห่งความรัก และ-ภาพยนตร์เรื่อง " คนม้าบิน "  เป็นทูตสันทวไมตรีให้กับโครงการอาหารโลก หรือ WFP ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของสหประชาชาติ ในขณะที่ โค โซ-ยัง เป็นทูตสันทวไมตรีของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ

 หนังสือพิมพ์ สปอร์ต ฮันกุ๊ก ได้รายงานอ้างการเปิดเผยของคนใกล้ชิดของนักแสดงทั้งสองว่าเขาทราบว่า ชาง ดง-กอน มีแผนจะไปเยือนเฮติ และโค โซ-ยัง ก็กำลังตัดสินใจที่จะตามเขาไปเพื่อสนับสนุนภารกิจของเขา แต่ยังไม่แน่ใจว่า พวกเขาจะเดินทางไปก่อนหรือหลังจากแต่งงานกันแล้ว ซึ่งนักแสดงทั้งคนได้เตรียมแผนจะแต่งงานกันในราวเดือนพฤษภาคม

 ชาง ดง-กอน อยู่ระหว่างการพักฟื้นจากการผ่าตัดเข่า หลังจากได้รับบาดเจ็บระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เทกึกกี เมื่อปี 2546 เขาและโค โซ-ยัง ต้องการจะไปเยือนเฮติ ที่พวกเขามีเป้าหมายจะเคลื่อนไหวภารกิจอาสาสมัครให้มากขึ้น อันเป็นหนึ่งในโครงการที่เรียกว่า
" คัพเพิล โปรเจ็คส์ " ซึ่งหมายถึงการทำงานอาสาสมัครร่วมกัน

 เมื่อเดือนมิถุนายน โค โซ-ยัง ได้เข้าร่วมในการณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์สากล ในฐานะทูตสันทวไมตรีของยูนิเซฟ แต่ทั้งสองคนก็ยังมีแผนจะเข้าร่วมในโครงการอาสาสมัครอื่นๆซึ่งคนใกล้ชิด ระบุว่า งานอาสาสมัครเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของการแต่งงานของคนทั้งคู่ด้วย

 ชาง ดง-กอน ได้บริจาคเงิน 1 ล้านวอน ช่วยผู้ประสบภัยในเฮติ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลหลังเข้ารับการผ่าตัดเข่า เขายังบันทึกวีดีโอ เรียกร้องให้ประชาชนช่วยเหลือชาวเฮติ ผ่านโครงการของ WFP ส่วนการจะไปเฮติได้ดังที่หวังหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวจากการ
ผ่าตัดของเขาด้วย

 ด้านแอนโธนี แบนบิวรี รักษาการรองหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ยูเอ็นในเฮติ กล่าวเมื่อวานขณะตรวจเยี่ยมเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งชานกรุงปอร์โตแปรงซ์ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อกลางเดือนว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์จากนานาชาติที่หลั่งไหลเข้าไปในเฮติเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาจจะกลายเป็นแหล่งที่มาของปัญหาความไม่สงบ เพราะทำให้มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มารุมแย่งสิ่งของทำให้เกิดความวุ่นวายไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้เขาบอกว่าปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังคงไม่ใกล้เคียงระดับที่น่าพอใจเลย เพราะยังมีอะไรต้องทำอีกมากมาย

 ผู้บัญชาการทีมกู้ภัยจากแคนาดา ก็แสดงความวิตกเช่นกันเกี่ยวกับการขาดวิธีบริหารจัดการกับสิ่งของช่วยเหลือที่หลั่งไหลเข้ามา และปัญหาในขณะนี้ คือ ยังไม่สามารถนำสิ่งของไปแจกจ่ายในพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น

 และเจ้าหน้าที่ประสานงานด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น เตือนว่า การล้มตายระลอกสองของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวอาจจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ ในขณะที่ชาวเฮติราว 1 ล้านคนยังไม่มีที่อยู่อาศัยและอีกจำนวนมากกว่านี้กำลังรอคอยสิ่งของบรรเทาทุกข์ แต่ยอดเงินและสิ่งของช่วยเหลือที่นานาชาติประกาศจะมอบให้เฮติได้เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์แล้ว

 หัวหน้าตำรวจของเฮติ รายงานเมื่อวานว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหวเมื่อกลางเดือน ทำให้อาชญากรทั้งหลายราว 7,000 คนออกมาเพ่นพ่านตามถนนหลังเรือนจำพังย่อยยับ และขณะนี้มีโจรบางคนฉวยโอกาสกลางดึกย่องเข้าไปตามค่ายผู้ประสบภัยเพื่อข่มข่นผู้หญิง
และเด็กสาว  นอกจากนี้องค์กรเพื่อสิทธิสตรี ได้รวบรวมจำนวนเหยื่อที่ประสบเหตุและแจ้งให้คณะเจ้าหน้าที่สหประชาชาติในเฮติได้รับทราบแล้ว และก่อนหน้านี้หนึ่งวันเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นเพิ่งเตือนว่า เด็กอาจตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์และมีรายงานว่ามีเด็กจำนวนหนึ่งหายตัวไปจากหลายโรงพยาบาล

 ส่วนปัญหาการลักขโมยยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่  กลุ่มคนเหล่านี้จะค้นหาสิ่งของมีค่าในซากปรักหักพังของบริษัทร้านค้าในย่านศูนย์กลางการพาณิชย์ของเมือง โดยจะปีนเข้าไปจากทางหลังคาตึก ทำให้ตำรวจต้องยิงปืนเตือนขึ้นฟ้าเพื่อสลายฝูงชน แต่หลังจากวิ่งหนีหายไป พวกเขาก็กลับเข้าไปอีกเหมือนเดิม

 และแม้สถานการณ์ความมั่นคงปลอดภัยกำลังเลวร้ายเช่นนี้ กองกำลังตำรวจของเฮติที่มีอยู่เพียง 8,000 นายก่อนแผ่นดินไหว ก็ต้องสูญเสียกำลงพลไปถึง 70 นาย อีกเกือบ500 นายสูญหาย และอีก 400 นายได้รับบาดเจ็บ จึงไม่เพียงพอรับมือได้