
แบรด พิตต์ - โจลีไม่ใช่เรื่อง ขาเตียง ไม่แข็งแรง
ขณะที่คนรุ่น generation X (24-44 ปี) ค่อยๆ ประกาศตัว (แบบเงียบๆ) ถึงการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และครองสถานภาพ โสด มากขึ้นแตะ 76% (นิตยสาร Asiaweek) ในตอนนี้
การแยกทาง หย่าร้างของ แบรด พิตต์ กับ แองเจลินา โจลี ถือเป็นการทำพิธีกรรมให้จับต้องได้มากขึ้นถึงการแสดงความสัมพันธ์ของ generation X ขณะที่คนรุ่น generation Y ที่เกิดหลังปี 1985 เป็นต้นมา ก็น่าจะอยู่คนเดียวมากขึ้น (แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีเพศสัมพันธ์ เพราะคนโสดไม่ได้หมายถึงการงดเซ็กส์ - ฮา)
การเลิกกันไปของสินค้า “ไฮเอนด์” อย่าง แบรด พิตต์กับเมียรักนั้น ไม่เคยเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับผม เหมือนกับที่สารพัดเคยเป็นมา เพราะคนในแวดวงมายานั้น ที่อยู่กันจนเป็นไม้ยืนต้น อยู่ถึงขั้นสีทาบ้านซีดจางนั้น ไม่ค่อยมีนัก
การจะเลิกกันหรือคบหากันของนักแสดงดาราเซเลบ จึงเบาบางเต็มทีในความรู้สึกของผม ทว่า นี่คงไม่ใช่อาการ “เตียงหัก” เพราะขาเตียง “ไม่แข็งแรง”
แต่การเลิกรากันไปของคนสองคน มีอะไรมากกว่าแค่ไม่รักกัน หรือเบื่อกัน (ซึ่งเราไม่ควรเข้าไปตัดสิน พิพากษา หรือฟันธง)
แต่จากการทำข่าว อ่านหนังสือ ติดตามวัฒนธรรม “ไลฟ์สไตล์” ของพวกเซเลบฮอลลีวู้ด คู่ของ โจลีกับ “ผัวรัก” กระเดียดไปทางหนังปรัชญาอย่าง The Unbearable Lightness of Being ซึ่งทำมาจากวรรณกรรมชั้นยอดของ มิลาน คุนเดอรา ซึ่งแจ้งเกิดกับหนังสืออย่าง The Joke ในหนังข้างต้นที่อ้างถึงนี้ “โทมัส” มีหญิงสาวอยู่หลายคน เขานอนกับ “ซาบีน่า” (ศิลปินนิดๆ) กับสาวชาวบ้านอย่าง “เทเรซ่า”
ในตอนเป็นวรรณกรรมนั้น ทั้งสองคนมีลักษณ์ของการครอบครอง โทมัส แตกต่างกัน เทเรซ่าที่ไม่ได้มีความฉลาดนัก ต้องการโทมัสในแบบทั่วๆ ไป ขณะที่ศิลปินสาวอย่าง ซาบีน่า ฉลาดพอที่จะเรียนรู้ว่า วิธีการมัดใจชายหนุ่มติสต์ๆ คนนี้เอาไว้ ก็คือ การไม่สร้างข้อผูกมัดอันใดเลย
มันทำให้ เขากลับมาหาเธอบ่อยๆ
พล็อตแบบนี้ แบรด พิตต์ กับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน คล้ายกับ โทมัส และ เทเรซ่า กล่าวคือ คนหลังนั้นเป็นตัวแทนของแมส ขณะที่สไตล์ของ แบรด พิตต์ มีความเป็น independent พอสมควร (ดังจะเห็นได้จากการที่เขาชอบท่องป่าเขาลำเนาไพร และวันดีคืนดี ไปซื้อบ้านที่ถูกน้ำท่วมในนิวส์ ออร์ลีน มาทำใหม่ซะง้าน)
ผมไม่เชื่อตั้งนานแล้วว่า ไลฟ์สไตล์ ของ พิตต์ & อนิสตัน จะไปด้วยกันได้ เพราะรักนั้น ไม่ใช่แค่นอน แต่หลังจากนอนหรือไม่นอน ต้องคุยกันอินด้วย พูดในเรื่องคลาสเดียวกัน ไม่ใช่คนหนึ่งคุยเรื่องศิลปะ อีกคนบ่นแต่น้ำมัน
ประเด็นคือ พอ แบรด พิตต์ มาคบกับ โจลี เราจะพบข่าวอยู่บ่อยๆ ตามแม็กกาซีนมีเกรดของตะวันตกชอบเขียนว่า ฝ่ายหญิงมีลักษณะ “แอคอาร์ท” อยู่เสมอ ผมขอคิดเอาเองว่า ฝ่ายชายแม้ไม่ออกมาวิจารณ์อะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ไม่พูดเลย ไม่รู้สึกอะไร
อนิสตัน เป็น เทเรซ่า แน่ๆ คือเหมือนสาวชาวบ้าน (ผมชอบเธอ) แต่สำหรับ โจลี นั้น เมื่อสินค้าเกรด A มาเจอกับสินค้าไฮเอนด์ หรือพรีเมียมปะทะพรีเมียม โอกาสเสียดสีไฟแลบนั้นมีสูง
มันไม่เหมือน พอช สไปซ์ ที่เอา เดวิด เบ็คแฮม อยู่หมัด (เพราะเบ็คส์ มีลักษณะของเด็กผู้ชาย ที่ปรารถนาผู้หญิงเป็นแม่ แถมพ่อแม่ตัวเองหย่าร้างกัน การต้องการทางนี้มีมากขึ้นไปอีก)
ผมคิดเอาเองว่า แบรด พิตต์ ต้องอยู่กับ โจลี ในแบบหนัง Meet Jo Black แทนที่จะอยู่แบบ A River Run Through It (ซึ่งเป็นตัวเขามากกว่า) พอนานไป คืนสุขผัน วันทุกข์ผ่าน การพยายามเบ่งตัวตนของ โจลี ตามพับลิคต่างๆ นั้น ทำให้ตัวตนของ แบรด พิตต์ ไม่มี space ให้ยืน
ผู้ชายจะไปง้อผู้หญิงดังๆ ทำไม ในเมื่อเขามีสมองและมีความสามารถ กล่าวโดยนัยก็คือ ไม่มี โจลี เขาก็ดังจะตายอยู่แล้ว
ผมเคยอ่านสัมภาษณ์ 12 หน้าของ แบรด พิตต์ ในหนังสือ Architectural Digest ของเดือนมกราคม 2009 (หรือ 1 ปีที่แล้ว) หน้าปกสีฟ้าๆ ที่เขาเอามือจับหมวก ยังคิดเลยว่า แบรด พิตต์ เป็นคนฉลาด มี way ที่ท่องโลก
และเขาจะทนนานๆ กับตัวตนที่ดูเบ่งบวมของ โจลี ได้อย่างไร การเลิกกันของ แบรด พิตต์กับโจลี แน่นอนต่างไปจากเคสของ เขาทรายกับโยโกะ และ ชาคริตกับจั๊กจั่น
มันไม่ใช่เรื่อง different class ตามสำนวนฝรั่ง
แต่เป็นเรื่องพื้นที่ของตัวตน ของอีโก้ และ way ที่แตกต่างกันไป
ฉะนั้น บ้านที่พังผุในนิวออร์ลีนส์ และพระเอกของ Inglourious Basterds พยายามจะสร้างใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น จึงน่าจะดูเป็นจริงกว่า สร้างได้เร็วกว่า
กับบ้าน (ที่ไม่มีอยู่จริง) กับ แองเจลินา โจลี
เพราะบ้านแบบนี้ โนเบิลเฮ้าส์หรือบ้านกลางกรุง ก็ช่วยไม่ได้
นันทขว้าง สิรสุนทร
[email protected]