เปิดใจ ป๋อ-เอ๋ เล่าเรื่องที่ไม่มีใครรู้ "เห็นหวานๆแบบนี้แต่เคยหย่ากันมาแล้ว"

รายการ "คุยแซ่บShow" เปิดใจคุยกับคู่รักคนดัง ป๋อ ณัฐวุฒิ และ เอ๋ พรทิพย์ ซึ่งหลายคนที่อาจจะเห็นทั้งคู่ดูจะมีโมเมนต์หวานๆ สวีทกันผ่านโลกโซเชียลอยู่เรื่อยๆ แต่หารู้ไม่ว่า ทั้งคู่เคยทะเลาะกันหนักมากจนถึงขั้นต้องไปหย่ากันนานกว่าครึ่งปี เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ซึ่งวันนี้ทั้งคู่จะได้พูดถึงเรื่องราวดังกล่าวเป็นครั้งแรกผ่านรายการ

 

 

ในช่วงหนึ่งของการพูดคุย โดย ป๋อ ณัฐวุฒิ ได้เล่าถึงเรื่องครั้งที่ตนเองและภรรยา เอ๋ พรทิพย์ ทะเลาะกันหนักมากๆ ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกชาย น้องภูดิศ อายุได้ 1-2 ขวบ ป๋อเล่าว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราได้กลับมาเป็นตัวเองและเริ่มจะเกลียดกัน พูดไม่เข้าหูกัน ซึ่งเรื่องที่ทะเลาะกันนั้นก็จะคล้ายๆเรื่องเดิม เคยถามเอ๋ตรงๆ ด้วยว่า "พี่รู้ ว่าเอ๋ก็เกลียดพี่ใช่ไหม" คือตอนนั้นเราก็คิดว่ามันดูเหมือนจะไปกันต่อไม่ได้ สงสัยว่าจะต้องหย่ากันแน่ๆ 

 

อย่างไรก็ตาม ป๋อ เล่าต่อว่า เราก็คิดถึงลูกแหละก็เลยคุยกับเอ๋ว่า เอ๋เห็นไหมว่าคนจะเลิกกันตอนลูก 1-2 ขวบทั้งนั้นเลยนะ ก็คุยกันว่า ลองไปหาพระดูไหม คล้ายเล่นของเลย เผื่อจิตใจมันจะดีขึ้น คือเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวที่เราไม่เคยพูด

 

ขณะที่ เอ๋ ก็เล่าว่า ตอนนั้นมันถึงขั้นแยกห้องกันนอน คือเวลาพี่ป๋ออารมณ์ไม่ดีเขาจะขึ้นเร็วและแรง ก็เลยไปนอนอีกห้องหนึ่ง ส่วนตนนอนกับลูก ส่วนเรื่องที่ทะเลาะกันนั้นมันเป็นเรื่องจุกจิก ตนเป็นคนเลี้ยงลูกเอง ไม่มีพี่เลี้ยง เราก็จะรู้สึกเหนื่อย เราก็งอนว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา 

 

ส่วนเรื่องที่ว่าถึงขั้นไปปรึกษาพระเพราะทั้งคู่ทะเลาะกันหนักมากนั้น ป๋อ บอกว่า พระอาจารย์ท่านก็บอกว่างั้นก็ไปหย่าสิ แล้วอีก 6 เดือนค่อยมาแต่งกันใหม่ ตอนแรกก็คิดว่ามันต้องเป็นการแก้เคล็ดเป็นเรื่องไสยศาสตร์แน่ๆ ก่อนจะมารู้ทีหลังว่ามันเป็นกุศโลบายของท่าน ซึ่งเพื่อเมื่อพอถึงเวลาที่เราจะต้องหย่ากันจริงๆ ตอนที่มันเกิดความรู้สึกบางอย่างเหมือนกัน คือตอนนั้นรู้สึกกลัวไปหมด กลัวเขาจะมีคนใหม่ กลัวไปหมด ใจแป้ว ก็เลยทำข้อตกลงกับเอ๋ ว่า 1.เอ๋ห้ามมีคนอื่น 2.เอ๋ห้ามไปเที่ยวและเปิดโอกาสให้ตัวเองมากเกินไป 3.ก็ต้องย้อนกลับมาข้อหนึ่งอีกคือเอ๋ต้องรักพี่คนเดียวเท่านั้นนะ

 

ขณะที่ เอ๋ ก็บอกว่า ตอนที่ฟังข้อตกลง ก็งงมาก เพราะปกติเขาเป็นคนแข็งๆ เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลย ก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันเพราะเขาจะได้รู้ว่าผู้หญิงไม่ใช่คนที่จะต้องเป็นฝ่ายยอมอย่างเดียว แต่เอาจริงๆ ก็คือเขาก็รักเรานั่นแหละ ส่วนตอนที่ไปเซ็นต์ใบหย่าเราก็รู้สึกสั่นๆ เหมือนกัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีก 6 เดือนต้องกลับมาจดทะเบียนใหม่ ตอนนั้นรู้สึกแป้วๆ ก็คิดต่อว่าถ้าอนาคตเรายังทะเลาะกันเหมือนเราแล้วเราจะกลับมาจดทะเบียนกันอีกไหม

 

ด้าน ป๋อ ก็ได้พูดถึงภายหลังจากที่เซ็นต์ใบหย่า ก็รู้สึกดีขึ้นมาก เหมือนพระอาจารย์ท่านต้องการให้เราไปสัมผัสกับสถานการณ์จริงว่าถ้าหย่ากันจริงๆ จะรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นยอมรับว่าไม่อยากหย่า เพราะเรารักลูก ไม่อยากให้พ่อไปทาง แม่ไปทาง พอกลับมาจดทะเบียนใหม่เราเลยเลือกที่จะปรับตัวเอง

 

ป๋อ ยังบอกด้วยว่า เริ่มกลับมาคลั่งรัก คลั่งเมีย ช่วง 6 เดือนที่เซ็นต์ใบหย่านี่แหละ เพราะเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้เลย ควบคุมเขาไม่ได้สักอย่าง ตนก็เริ่มคิดได้ว่าในเมื่อเขาไม่สนใจเรา เราก็สนใจเขาแทน แล้วจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนตัวเองโดยเริ่มจากลงรูปเขาสวยๆ

 

 

เมื่อถาม เอ๋ เกี่ยวการอาการคลั่งเมียของสามี เอ๋ บอกว่า พอเขาเปลี่ยนเราก็งงและเริ่มกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า คือจากคนที่ไม่เคยลงรูปเราเลย ไม่เคยถ่ายรูป ไม่เคยขอรูป ไม่เคยอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้มีหมด บางทีเรายังไม่ได้ลงเลยเขาก็เอารูปเราไปลง ช่วง 6 เดือนที่หย่ากันพี่ป๋อเปลี่ยนแทบทุกอย่าง จากเป็นคนที่รักตัวเอง เขาก็ทำให้เราเห็นว่าเขารักเรา จากที่ชอบดูทีวี ชอบดูหนังก็ดูน้อยลงมาช่วยดูลูกมากขึ้น

 

ซึ่งพอหลังจากที่กลับมาจดทะเบียนกันใหม่อีกครั้ง ป๋อ บอกว่าบรรยากาศเริ่มดีขึ้นเพราะ 6 เดือนที่ผ่านมา เราเริ่มไม่ทะเลาะกันแล้ว เหมือนเราได้ข้อคิดว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ คนข้างนอกอาจจะมองว่าครอบครัวเราดี ยอมรับว่าบางครั้งมันก็เป็นภาพที่เราสร้างขึ้นมา คนเราคงไม่มีใครลงเรื่องไม่ดีให้คนอื่นเห็นหรอก แต่ทุกคนก็ต้องเจอปัญหาในการใช้ชีวิตทุกครอบครัวต่างมีปัญหาของตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะใช้สติฝ่าฟันไปได้อย่างไร

 

ส่วน เอ๋ ก็บอกว่า สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งนั่นก็คือ ลูก เราคบกันมานาน การที่เราจะไปเริ่มกับใครใหม่ๆ มันไม่ได้หมายความว่ามันจะโอเคแล้วไปได้ตลอดรอดฝั่ง ในเมื่อเรารักกันอยู่แล้ว เราก็มาปรับจูนกันดีกว่า