บันเทิง

คมเคียวคมปากกา-มนต์รักกลอนหัวเดียว

คมเคียวคมปากกา-มนต์รักกลอนหัวเดียว

25 ม.ค. 2553

เพลงจะดี เพลงจะดัง นอกจากนักร้องดี ดนตรีเพราะ ยังสำคัญที่เนื้อร้อง ที่จะเล่าเรื่อง บอกอารมณ์ความรู้สึก หรือสร้างวลีเด็ด วรรคทอง หรือลูกฮุกติดหูติดปาก ล่าสุดก็เช่น “อย่างนี้มันต้องถอน” ร้องซ้ำๆ ฮุกละสองสามครั้ง เดี๋ยวเดียวคนก็จำได้...หากเรื่องที่เล่านั้นโ

 เนื้อเพลงอย่างหนึ่งที่ห่างหายไปในเพลงลูกทุ่งยุคใหม่ก็คือ กลอนหัวเดียว

 ปกติกระบวนกลอนสัมผัสในเพลงลูกทุ่งก็จะมีโครงสร้างคล้ายกันกับกลอนแปด คือมีวรรคแรก วรรครับ วรรคสดับ วรรคส่ง เป็นสี่ขั้นตอน ตัวอย่างที่ชัดเจนมาตรฐานดูได้ในผลงานของ สลา คุณวุฒิ ตั้งแต่ยุค ยาใจคน จนถึงยุค ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ซึ่งโครงสร้างกลอนแบบนี้ คนไทยคุ้นเคย และรับได้ง่ายมาตั้งแต่ยุคกลอนสุนทรภู่...สุนทรภู่ตายไป 155 ปีแล้ว

 เช่นเดียวกับเพลงไทยมาตรฐานยุคก่อนโน้น ไม่ว่าจะลูกทุ่งลูกกรุง สุนทราภรณ์ โครงสร้างก็จะคล้ายกลอนสุนทรภู่ ที่มีสี่วรรคมาตรฐาน เช่น มนต์เมืองเหนือ (พ.ศ.2492) ดวงใจในฝัน (พ.ศ.2494 เพลงแจ้งเกิดของ ชรินทร์ นันทนาคร) จ้าวไม่มีศาล (พ.ศ.2494 เป็นเพลงในละครจุฬาตรีคูณ)

 สำหรับเพลงลูกทุ่ง นอกจากมีที่มาแบบกลอนสุนทรภู่แล้ว ยังมีแหล่งรากวัฒนธรรมหยั่งลึกจากเพลงพื้นบ้าน ไม่ว่าจะภูมิภาคไหน คนพื้นบ้าน เพลงพื้นบ้าน ชอบเล่นสนุกกับ “กลอนหัวเดียว”

 กลอนหัวเดียวนั้นสนุกในบรรยากาศของการด้นสด ให้คนดูคนฟังได้ลุ้นว่า วรรคต่อไปผู้ร้องผู้ขับจะด้นใช้คำอะไร เพราะกติกาสนุกของกลอนหัวเดียวนั้น จะต้องลงสัมผัสคำท้ายบรรทัด ท้ายวรรค หรือท้ายท่อนเป็นเสียงกลอนสัมผัสเดียวกัน กลอนไอ กลอนอา กลอนอี กลอนอิน กลอน ฯลฯ สนุกตอนปล่อยคำท้ายให้ลงกลอน พูดเล่นๆ ว่าต้องใช้สมองระดับ “จุฬาลงกรณ์” จึงจะ “ลงกลอน”

 เพลงลูกทุ่งดังๆ จำนวนมากประสบความสำเร็จกับการเล่นกลอนหัวเดียว ตัวอย่างที่ยอดนิยมใกล้ตัวที่สุดคือ ผลงานเพลงของ ลพ บุรีรัตน์ ที่ร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ เช่น เพลงผู้ชายในฝัน เล่นกลอนอี

 “ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มี ผู้ชายอะไรน่าหยิก กระซี้กระซิกน่ารักน่าตี ทำมาออดออเซาะ คำเสนาะมากมี ชักชวนเดินเล่นในสวน เด็ดดอกลำดวนเสียบให้ด้วยซี เสียบหูให้ตั้งหลายหน เสียบหล่นเสียบหล่นตั้งห้าหกที...”

 หรือเพลงห่างหน่อยถอยนิด เล่นกลอนแอะ ที่ลงท้ายวรรคว่า แหละ แปะ แบ๊ะ แกะ ฟังแล้วสนุกหู เพลงของ ลพ บุรีรัตน์ นั้น ถนัดเล่นกลอนหัวเดียวมาตั้งแต่ยุคโนราห์หาย ที่เล่นกลอนเอิ๊ด (ทำไรทำเถิ้ด อย่าเปิ๊ดผ้า ทำไรไม่ว่าผ้าอย่าเปิ๊ด)

 เพลงของ พร ภิรมย์ ชาย เมืองสิงห์ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ หลายเพลงที่โด่งดังติดหูคนฟัง ก็ด้วยมนต์รักกลอนหัวเดียว คือเป็นเพลงในสกุลกลอนพื้นบ้านเช่น ลิเก แหล่ อีแซว

 กลอนหัวเดียวในเพลงของไวพจน์ เพชรสุพรรณ ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงสนุกสนาน เช่น เพลงแบ่งสมบัติ ลงท้ายท่อนเป็นกลอนอี เช่น ฉันคงจะหาแฟนใหม่ได้ดี, เก็บผ้าเก็บผ่อนลงเรือนไปซี, ถ้ากระดานฉันหล่นแล้วระวังให้ดี, แบกตุ่มเอาไปห้ามไม่ให้น้ำมี เพลงนี้แต่งโดย จิ๋ว พิจิตร เช่นเดียวกับอีกเพลงผลงานครูจิ๋ว เช่นกัน คือเพลงหน้าด้านหน้าทน เล่นกลอนอน (มีผัวแล้วพี่ก็ยังรัก แม้พี่อกหักรักษาไม่หาย จะคอนทูนหัวจนผัวเธอตาย บอกอย่างไม่อายหน้าด้านหน้าทน)

 มากมายมหาศาลสำหรับมนต์รักกลอนหัวเดียวในเพลงลูกทุ่ง ส่วนใหญ่ใช้ในการเล่นอารมณ์สนุก หรือกระทั่งทะลึ่งตึงตัง แต่อีกส่วนหนึ่งไม่น่าเชื่อ กลอนหัวเดียวก็เล่นอารมณ์ซาบซึ้งตรึงใจได้ โปรดติดตามจันทร์ต่อไป

วัฒน์ วรรลยางกูร