
คมเคียวคมปากกา-ลานบ้านลานธรรมและลานวัด
กลับมาทำงานหลังหยุดยาวปีใหม่ก่อนจะเขียนถึง 2 ครูเพลงและ 1 พระเอกหมอลำใหญ่ขอสารภาพต่อผู้อ่านว่า เกิดอาการความจำเสื่อมกะทันหัน อันเนื่องจากต้องปิดต้นฉบับล่วงหน้าจนเบลอ จึงปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ ด้วยการพาดหัวเรื่อง "ลาทีปีหนู"
จริงๆแล้ว มันคือปีฉลู ปีวัวถูกเชือด...ปีเดียวกับลูกชายเกิด แต่ผมจำสับสนเสียงั้นแหละ จึงกราบขอโทษท่านผู้อ่านมา ณ โอกาสนี้
สำหรับเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาผมรับโทรศัพท์จากปลายสาย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ครูพงษ์ศักดิ์จันทรุกขา อวยชัยให้พรผ่านคลื่นมือถือซึ่งครูก็เมตตาโทรมาทุกปี ใจน่ะคิดถึงครูอยู่เสมอ แต่ผมกลับคิดช้ากว่าครู(ฮา)
ปกติในเดือนมกราคมของทุกปีครูพงษ์ศักดิ์จะมีกิจกรรมเปิด "ค่ายพุทธบุตร" อบรมธรรมะให้แก่เยาวชนในละแวก อ.ศรีเมืองใหม่ และอำเภอใกล้เคียง ณ ลานบ้าน ลานธรรม
ผมถามครูว่าปีนี้ลานบ้าน ลานธรรม จะจัดงานเมื่อไหร่ ครูตอบว่า กิจกรรมอบรมเยาวชน จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 16-25 มกราคม 2553 โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่นรวมแล้วประมาณ 500 คน
เนื่องจากมันครบรอบ"10 ปีลานบ้าน ลานธรรม" ครูสุรินทร์ ภาคศิริ จะจัดผ้าป่าสามัคคีไปทอดที่ลานบ้าน ลานธรรมในวันที่ 16 มกราคมศกนี้
ศิลปินคนไหนอยากร่วมกิจกรรมหรืออยากให้กำลังใจนักเพลงอาวุโสผู้มีหัวใจใฝ่ธรรม ก็โทรไปหาครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ที่เบอร์ 0-4539-9076 หรือ08-1939-9560
นอกจากคำพรจากครูพงษ์ศักดิ์ผมยังได้รับของขวัญเป็นหนังสือไว้ "ภาพเก่า...เล่าอดีต วงการลูกทุ่ง" จาก ครูสุรินทร์ภาคศิริ เป็นผลงานของครูสุรินทร์อีกเล่มหนึ่งซึ่งแฟนเพลงต้องหาซื้อมาเก็บไว้
"เพชร โตมร" บก.ศิลปินลูกทุ่ง เป็นผู้จัดพิมพ์ และจัดจำหน่าย แฟนๆ คงหาซื้อได้ตามแผงหนังสือทั่วไป
นอกจากเรื่องลานบ้านลานธรรม ลานบันเทิงลูกทุ่ง ผมยังได้ข่าวจากลานวัดในช่วงปีใหม่ น้องนักข่าวกลับมาจากเยี่ยมบ้านที่อีสาน ได้เล่าเรื่อง "ปรากฏการณ์ไหมไทยแปดแสน" ให้ฟังด้วยความตื่นเต้น
เขาบอกว่าที่วัดในหมู่บ้านใกล้ๆ กัน "หลวงพ่อดัง" จัดงานประจำปี โดยว่าจ้างวงหมอลำ "ไหมไทย ใจตะวัน" มาสมโภช และล้อมผ้าเก็บตังค์เข้าวัด ขายบัตรใบละ 50 บาท
ปรากฏว่ามีแฟนเพลงแห่แหนมาดู"พระเอกใหญ่" มืดฟ้ามัวดิน จนรถล้นทะลักจากหมู่บ้านหนึ่งไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งคืนนั้นเก็บเงินค่าผ่านประตูได้สูงถึง 8 แสนบาท!
เมื่อสอบถามไปหาพรรคพวกแถวอีสานก็ได้คำตอบเช่นเดียวกันคือ นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนข้ามมาถึงปีขาล กระแสไหมไทยมาแรงเกินความคาดหมาย
มันเป็นความแรงของโชว์หน้าเวทีและความอลังการงานสร้างของแสง สี เสียงล้ำสมัย บวกสองเพลงฮิตติดชาร์ตทุกคลื่นชุมชนคือ "เหนื่อยจังอยากฟังเสียง" และ"ดาวมีไว้เบิ่ง"
ใครที่เคยชมการแสดงของไหมไทยจะเห็นภาพลักษณ์ของนักร้องหมอลำที่ฉีกขนบเดิมพระเอกสูตรโบราณ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของศิลปะการแสดงตามฉบับลูกอีสานขนานแท้
มองเผินๆนึกว่า หนุ่มเกาหลีมาเล่นหมอลำ(ฮา) ขนาดวงหมอลำพิณแคนแดนอีสาน ของ ศิริพร อำไพพงษ์ ก็ยังไม่ยอมตก "เทรนด์เกาหลี"
ด้วยความแรงเหนือคู่แข่งจึงทำให้ "เสี่ย ส.- เสี่ย ป." นักรับจัดงานขาใหญ่ภาคอีสาน ที่เคยถูก "แม่หมอลำใหญ่" ร้องขอว่าอย่าจ้างไหมไทยไปเล่นยังแหกสัญญาใจ เพราะงานไหนไม่มีไหมไทย ก็กำไรหายสิครับ
คลื่นลูกหลังย่อมมาแรงกว่าและกระแทกซัดกลบซ้ำคลื่นลูกเดิม...วงจรลูกทุ่งหมอลำก็เฉกเช่นเดียวกัน
บรรณวัชร