บันเทิง

คมเคียวคมปากกา-ภาพเก่า...เล่าอดีต วงการลูกทุ่ง ครูสุรินทร์ ภาคศิริ

คมเคียวคมปากกา-ภาพเก่า...เล่าอดีต วงการลูกทุ่ง ครูสุรินทร์ ภาคศิริ

08 ม.ค. 2553

เขียนต้นฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2552 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนยี่ (วันเดือนปีที่รัก)

 ต้นฉบับปรากฏก็โน่น...ปีหน้าฟ้าใหม่  ศุกร์ 8 มกราคม 2553 ทำท่าเหมือนห่างไกล ที่แท้ใกล้นิดเดียว หวังทุกท่านได้ข้ามผ่านพรมแดนเวลาไปพบกันโดยสวัสดิภาพ ต้นปียังคงเป็นปีวัวเหมือนเดิม  จะเข้าปีเสือก็โน่น...ใกล้เมษายน บ้านเมืองคงเป็น “เมษาสุข” มิใช่ “เมษาเศร้า”

 พาท่านผู้อ่านท่องเที่ยวไปหลายทิศทาง หลายครั้งเหมือนถอยห่างจาก “วงการลูกทุ่ง” แต่ที่จริงยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเพลง เรื่องกลอน เรื่องศิลปวัฒนธรรม คราวนี้มีเรื่องดีๆ ในวงการลูกทุ่งมาฝาก อยากให้คอลูกทุ่งทั้งหลายได้รับรู้ และเสาะหามาเป็นเสมือน ส.ค.ส.ปี 2553 

 หลายวันก่อน ได้รับสายจาก ครูสุรินทร์ ภาคศิริ  หรือ ทิดโส สุดสะแนน ครูเพลงและนักจัดรายการวิทยุ ที่เมื่อเอ่ยชื่อแล้ว คอเพลงลูกทุ่งจะต้องสัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อชีวิตจิตวิญญาณของลูกทุ่งไทยในอดีต ชื่อเพียงสั้นๆ นี้ จะต่อเรื่องเล่าไปอีกยาวไกลในประวัติศาสตร์

 ครูสุรินทร์ที่ผมไม่ได้พบมานาน หลังจากเคยพบกลางเมืองหลวง และยืมคำ “ผมจรรอนแรมจากลุ่มน้ำมูล” จากเพลง “ลูกทุ่งคนยาก” มาใช้เป็นชื่อหนังสือเมื่อหลายปีก่อน ครูสุรินทร์ส่งหนังสือให้ ผมเพิ่งได้รับเสมือน ส.ค.ส. ก็คือ  “ภาพเก่า...เล่าอดีต วงการลูกทุ่ง”  โดย  “นักแต่งเพลงแผ่นเสียงพระราชทาน” 

 “ถึงห่างไกล  ไม่สังสรรค์  ทุกวันมื้อ แต่ก็คือ  คนคุ้ยเคย  เมื่อเอ่ยหา
 เหมือนใกล้ชิด  ร่วมงาน  ด้วยกันมา คนบันเทิง  มีวิญญา  ส่งหากัน”

 ครับ  ประสานักแต่งเพลงผู้เป็นลูกหลาน ท่านสุนทรภู่ ย่อมมิวายใช้ลายมือแต่งกลอนลงปกในของหนังสือฝากมาด้วย อ่านแล้วได้คำ ได้ความ ได้อารมณ์ความรู้สึกที่ดี

 หนังสือเล่มนี้ รวบรวมภาพเก่าหายาก และเรื่องเล่าจากปลายปากกาแห่งความทรงจำของครูสุรินทร์ เป็นภาพและเรื่องส่วนตัวที่มิใช่เพียงส่วนตัว หากเป็นภาพและเรื่องที่ถักทอผืนผ้าแห่งเรื่องราววงการลูกทุ่งหลายทศวรรษ อย่างที่กล่าวแล้ว คำว่า “ครูสุรินทร์” จะต่อเส้นต่อสายถึงคนอื่นอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น ครูไพบูลย์ บุตรขัน, ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา, ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ ตลอดจนนักร้องเลื่องชื่อในอดีต อาทิ  ศรคีรี ศรีประจวบ, สนธิ  สมมาตร, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ไพรินทร์ พรพิบูลย์, ศรชัย เมฆวิเชียร, สุริยา ฟ้าประทุม, ศักดิ์สยาม เพชรชมพภู, กาเหว่า เสียงทอง, อังคนางค์  คุณไชย, ยุพิน แพรทอง, ก้องเพชร  แก่นนคร, สาลิกา  กิ่งทอง, บุปผา  สายชล

 หลายเพลงที่เราร้องจนขึ้นใจในสังคม  เป็นเพลง-v'ครูสุรินทร์ อาทิ  “ทุ่งกุลาร้องไห้”  “อ.ส. รอรัก”  “หนาวลมที่เรณู”  “หอมกลิ่นดอกคำใต้”  “ภูพานสะอื้น”  “อีสานลำเพลิน”  ในเล่มนอกจากมีภาพและเรื่องเล่า  ยังมีเนื้อเพลงเด่นดังของครูสุรินทร์ มีปกตลับเพลงยุคเก่าของนักร้องหลายคน แม้ภาพส่วนใหญ่จะเป็นขาวดำ แต่ก็มีคุณค่าแบบขลังให้เก็บไว้ศึกษาอ้างอิง

 บางภาพเป็นภาพสี ภาพสมัยสาวของ เตือนใจ บุญพระรักษา และ วิภารัตน์ เปรื่องสุวรรณ  ย้อนยุคให้เห็นความเซ็กซี่น่าดู ครูสุรินทร์บอก สมัยกำลังรุ่งโรจน์ ตั้งหน้าตั้งตาแต่งเพลง จนลืมใส่ใจเก็บสะสมแผ่นเสียงและภาพถ่าย ใช้เวลาหลายปีกว่าจะรวบรวมได้ ทั้งจากเพื่อนฝูงและลูกศิษย์ การนำภาพมารวมไว้ครั้งนี้ แม้ยังไม่สมบูรณ์นัก ทั้งการออกแบบและการลำดับเนื้อหา ผมพบคำผิดอยู่บ้าง แต่สามารถถือเป็นภาพร่างสำหรับนำไปต่อภาพอื่นๆ ในวงการลูกทุ่งได้

 เข้าใจว่าจัดพิมพ์ทั้งเพื่อแจกและจำหน่าย พบราคาติดไว้ 129 บาท ผู้สนใจอาจสอบถามครูสุรินทร์ หรือ เพชร โตมร บรรณาธิการบริหาร นิตยสารศิลปินเพลง ผู้ทำหน้าที่รวบรวม

 ชีวิตครูสุรินทร์ มีผู้กล่าวว่า “มนุษย์ 3 มิติ” คือ 1.รับราชการกรมราชทัณฑ์ 2.แต่งเพลง  3.จัดรายการวิทยุ ยิ่งกว่านั้นยังเคยเป็นนักข่าว และเขียนคอลัมน์บันเทิงด้วย      
   
 คนแต่งบทเพลง ย่อมชอบแต่งบทกลอน ที่แนบมากับหนังสือ ยังเป็นบทกลอนของครูสุรินทร์ที่บอกว่า  “เป็นนักกลอน นอนเปล่า  ก็เหงาใจ  เขียนอะไร  เล่นเล่น  อาจเป็นจริง” 

 อ่านแล้ว รับรู้ถึงหัวใจรักชาติของนักแต่งเพลงลูกทุ่ง เห็นจุดยืนของครูเพลงในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ที่หลายนักการเมือง คนสมคบคนชาติอื่น เพื่อทำลายชาติตัวเอง  หรือนักตะโกนอุดมการณ์เรียกร้องประชาธิปไตย (จอมปลอม) ทั้งหลาย ไม่มีหัวใจแบบนี้ “มันจุดไฟ  เผาเมืองสิ้น  เพื่อทักษิณคนเดียว”  ครูสุรินทร์บอก  เขียนกลอนนี้ก่อนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา...และแล้วเมื่อสงกรานต์มาถึง  “มันก็เผาจริงๆ”!

ไพวรินทร์ ขาวงาม