
มองผ่านเลนส์คม-พรสูงสุด
ได้รับเมลจาก คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักธุรกิจผู้สนใจธรรมะ เห็นว่าเหมาะกับโอกาสปีใหม่พอดี จึงขอนำมาบอกต่อ ณ ที่นี้
คนเราอยากได้พรจากผู้ที่ตนนับถือ เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีความสุขในชีวิต แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้ สุขอื่นเหนือความสงบไม่มี” ถ้าต้องการทั้งความสุขและความสะดวกสบาย ก็ต้องฝึกจิตให้สงบ แล้วเอาจิตที่สงบไปคิดและทำมาหาเงิน ถ้าเรามุ่งแต่หาสตางค์อย่างไม่มีสติ ได้สตางค์มาแล้วก็อาจจะคุ้มครองรักษาสตางค์ไว้ไม่ได้
ทุกอย่างในชีวิต รวมทั้งความคิดและความทุกข์ เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป บังคับไม่ได้ ไม่เป็นดังใจ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราสามารถมองสิ่งต่างๆ ในแง่มุมไหนก็ได้ เรื่องที่คนอื่นทุกข์เราไม่ทุกข์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองความคิดของเราเอง แต่ส่วนมากแล้วคนเราทุกข์เพราะคิดผิด เราจะเลิกทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรู้จัก “วางใจ” คือ ปล่อยวาง รักษาใจให้เป็นปกติ อย่าเอาความผิดปกติภายนอกมาทำลายความปกติภายในใจ การปฏิบัติภารกิจหน้าที่ต่างๆ เป็นเรื่องภายนอก การปล่อยวางเป็นเรื่องภายใน เมื่อมีปัญหาเข้ามาก็ต้องแก้ไขหรือหาทางป้องกันอย่างเต็มความสามารถ แต่จะสำเร็จหรือไม่ ใจก็ต้องปล่อยวางให้ได้อย่างเต็มที่เช่นกัน
พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ วัดบางปลากด (ธรรมลีลา) จ.ปทุมธานี เล่าว่าท่านไม่ค่อยได้ให้พรแก่ใครเท่าใดนัก แต่มีครั้งหนึ่งที่มีญาติโยมอยากได้พรจากท่านมาก ท่านจึงให้พรเขาไปว่า “ขอให้ไม่มีอนาคต ขอให้หมดเนื้อหมดตัว ขอให้อย่าได้ผุดได้เกิด” เราๆ ท่านๆ ได้ฟังพรแบบนี้คงทั้งตกใจทั้งแปลกใจว่านี่พรหรือคำสาปแช่งกันแน่ แต่พระอาจารย์อธิบายว่า
ขอให้ไม่มีอนาคต คือ ให้มีสติรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่ไปวุ่นวายกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง การมีสติยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงธรรมอีกด้วย
ขอให้หมดเนื้อหมดตัว คือสามารถละความยึดมั่นในความเป็นตัวกูของกู หรือความยึดติดในขันธ์ 5 ซึ่งประกอบด้วย กาย (รูปลักษณ์) เวทนา (ความรู้สึก) สัญญา (ความจำได้หมายรู้) สังขาร (การคิดปรุงแต่ง) และวิญญาณ (การรับรู้) การละความยึดมั่นเหล่านี้จะนำเราสู่การบรรลุธรรมขั้นพระโสดาบันได้
ขอให้อย่าได้ผุดได้เกิด คือ ขอให้ถึงพระนิพพาน ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก
ขอให้เรานำอริยมรรคมีองค์ 8 ไปใช้ในชีวิต เพราะนี่คือพรอันล้ำค่าที่พระพุทธเจ้าได้ประทานไว้แก่ชาวโลกเพื่อเลิกทาสทางวิญญาณ คือ เลิกเป็นทาสของความโลภ โกรธ หลง กิเลสตัณหาต่างๆ
การที่เราทำความดียังถือเป็นพรอันประเสริฐแก่พ่อแม่ของเรา ดังนั้นจงอย่าลืมที่จะทำความดีแก่ผู้มีพระคุณ ผู้ที่ทำความดีแก่เรา รวมทั้งสังคมรอบข้างและประเทศชาติ ขอให้รักกันไว้ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสันติ...
และอย่าลืมรักที่จะดูแลและพัฒนาจิตใจตนเองอยู่เสมอ
# # #
อ่านแล้วเห็นด้วยมั้ยว่าเป็นมุมคิดที่มีประโยชน์จริงๆ ...
นันทพร ไวศยะสุวรรณ์