"ปุ้ม ไกรสร" ตั้งโต๊ะแถลงปมดราม่า ลั่นเตรียมฟ้องน้องสาวพุ่มพวง

 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ที่ร้านอาหารศรีนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ นายไกรสร แสงอนันต์ และ น้องเพชร นายภัควรรธน์ ลีละเมฆินทร์ ลูกชาย พร้อมด้วย นายสุทธินัย สุรินทร์ ทนายความ เปิดแถลงข่าวชี้แจงประเด็นดราม่า พุ่มพวง ดวงจันทร์

 

โดย นายสุทธินัย สุรินทร์ ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้จะมาชี้แจ้งประเด็นหลักๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เรื่องแรกเป็นเรื่องการจัดคอนเสิร์ต รำลึกคิดถึงพุ่มพวง "28ปี ดวงจันทร์ไม่ลับฟ้า" จากกรณีที่ หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม ไม่ได้แจ้งให้ทางนายไกรสร แสงอนันต์ และบุตรชายทราบ เกี่ยวกับการจัดคอนเสิร์ต ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการพูดคุยชี้แจง พร้อมทั้งขอโทษกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเจตนาของผู้จัดเองก็ทำเพื่อต้องการรำลึกถึงพุ่มพวง ดวงจันทร์

 

ส่วนประเด็นเรื่องการทวงคืนชื่อ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ของ แต เมืองเหนือ บุตรชายของมนต์ เมืองเหนือ ผู้มีส่วนในการผลักดันให้พุ่มพวง ดวงจันทร์ มีชื่อเสียง และเป็นผู้ตั้งชื่อนี้ให้กับพุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ก็มีการชี้แจงและพูดคุยกันจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน และได้มีการขอโทษกันเนื่องจากเป็นการเข้าใจที่ไม่ตรงกันโดยประเด็นเรื่องจัดคอนเสิร์ต และการทวงคืนชื่อ ทั้งสองเรื่องนี้จะไม่มีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น เพราะถือเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน

 

อ่านข่าว ปุ้ม ไกรสร โพสต์ขอบคุณปาฏิหาริย์ พุ่มพวง ดวงจันทร์ หลังทายาท มนต์ เมืองเหนือ โผล่ขอโทษ

 

 

 

ส่วนการที่การที่มีข้อความเข้ามาต่อว่า นายไกรสร แสงอนันต์ และน้องเพชร เกี่ยวกับการจัดคอนเสิร์ต ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการเข้าใจผิดกัน หลังจากวันนี้ที่ได้แถลงข่าวแล้วคาดว่าจะไม่มีข้อความต่อว่าด่าทอกลับเข้ามาอีก ซึ่งจะไม่มีการฟ้องร้องบุคคลที่เข้ามาด่าทอฐานหมิ่นประมาท เพราะต้องการให้เรื่องนี้จบโดยไม่ต้องผิดใจกัน แต่จากกรณีน้องสาวของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ออกมาโพสต์และเผยแพร่ ทำให้นายไกรสร แสงอนันต์ เสื่อมเสียชื่อเสียง และทำสังคมเกิดความเข้าใจผิด ถือเป็นการเข้าข่ายการหมื่นประมาทอย่างชัดเจน ความเป็นญาติกับทายาท มีความแตกต่างกัน จากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสามารถตกลงพูดคุยกันได้ ไม่ควรนำออกมาเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาอีกครั้งอาจจะฟ้องร้องหมิ่นประมาทต่อไป

 

 

นายไกรสร แสงอนันต์ สามีและผู้จัดการมรดกของราชินีเพลงลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่พุ่มพวงเสียชีวิต เมื่อ 28 ปีที่แล้ว ตนเองได้ถูกโจมตีเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ โดยได้พยายามกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดงานรำลึกต่างๆตลอดมา จึงได้พาลูกไปเรียนต่างประเทศ หลังกลับมาคนเริ่มเข้าใจมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการจัดงานให้พุ่มพวง ดวงจันทร์ จะมาขออนุญาตก่อนเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่เกี่ยวกับเงินทองและลิขสิทธิ์ เพราะลิขสิทธิ์เพลงเกือบทั้งหมดเป็นของบริษัทแกรมมี่

 

 

สำหรับการจัดคอนเสิร์ตในปีนี้ที่ไม่ได้มีการบอกกล่าวกันก่อนที่จะมีการจัดงาน จึงรู้สึกเสียใจ แต่ในเรื่องนี้ได้มีการชี้แจงและขอโทษไปแล้ว จึงถือว่าเรื่องนี้จบไป ส่วนเรื่องของการทวงชื่อ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็ได้มีการพูดคุยกันแล้วเช่นกัน โดยบุตรชายของ มนต์ เมืองเหนือ ได้ระบุว่า ที่ทำไปเพราะมีการกดดัน จึงได้มีการขอโทษกันพูดคุยกันจนเป็นที่เข้าใจและไม่ติดใจกันอีกต่อไป

 

 

ส่วนเรื่องที่น้องสาวพุ่มพวง ดวงจันทร์ ออกมาโพสต์ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รู้สึกเสียใจมาก เพราะพุ่มพวง รักน้องสาวคนนี้เหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ในช่วงที่พุ่มพวงป่วย ตนเองเป็นผู้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีญาติพี่น้องพาไปด้วยเลย การนำเทปที่พุ่มพวงบันทึกไว้มาให้บุตรชายฟังเป็นการชักจูงให้น้องเพชรเกลียดพ่อ ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว เพื่อจะฟ้องร้องในฐานะหมิ่นประมาท

 

 

และจากที่ตนเองได้โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กว่าจะบอกแฟนคลับว่าใครเป็นคนนำเทปลับไปให้เพชร ที่ไม่เข้าใจพ่ออยู่ในขณะนั้น ยิ่งเกลียดพ่อมากขึ้น คนนั้นคือ จันทร์จวง ดวงจันทร์ โดยเพชรได้ยืนยันว่า น้าไก่นำเทปมาให้ฟัง ซึ่งกว่าจะชี้แจงทำความเข้าใจกันต้องใช้เวลานานมาก

 

 

ทางด้าน นายภัควรรธน์ ลีละเมฆินทร์ หรือ เพชร บุตรชายพุ่มพวง ดวงจันทร์ กล่าวว่า รู้สึกเบื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่น้าไก่มาทำร้ายพ่อด้วยการโพสต์ข้อความต่างๆทำให้คนอื่นเข้าใจผิดและเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งทุกคนต่างๆทราบเป็นอย่างดีว่าความจริงเป็นอย่างไร การที่จะให้พ่อออกไปอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเป็นไปไม่ได้ แต่ในอดีตเคยคิดเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราโตขึ้นมาคิดทบทวน และทำการสืบข้อมูลจึงรู้ความจริงทั้งหมด ตั้งแต่จำความได้ในช่วงที่พ่อและแม่อยู่ด้วยกันไม่เคยทะเลาะกันเลย ส่วนตัวเองในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกัน เพื่อจะได้เข้าใจตรงกันทุกประเด็น

 

----------------------------------------------

ข่าวโดย นิศานาถ กังวานวงศ์ จ.เชียงใหม่