บันเทิง

ชอบที่สุดของหนังปี 2009

ชอบที่สุดของหนังปี 2009

25 ธ.ค. 2552

ถ้าปี 2009 เหมือนเครื่องบินที่กำลังจะ “เทคออฟ” บินขึ้นฟ้า ตอนนี้ก็เปรียบเหมือนหัวนกเหล็กตั้งลำตรง เตรียมกระหึ่มเครื่องใส่สปีดเต็มกำลัง ที่ข้างหน้าคือลานบินทางตรง

สิ่งที่ผมรู้สึกว่าปีนี้ของหนังต่างประเทศขาดหายไป และสู้หนังไทยไม่ได้ก็คือ “สีสัน” ไม่ว่าจะเป็นสีสันของหนังได้เงินตูมตาม ซึ่งเกิดแค่กับ Transformers 2 และ 2012 เท่านั้น หรือสีของหนังที่สร้างปรากฏการณ์ด้านรูปแบบ

 อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มองย้อนกลับไป มันก็เหมือนทุกๆ ปีที่มีหลายอย่างติดค้างอยู่ในสมองและรู้สึกดีที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ในหนัง
 ขอเลือกมาสัก 7 อย่าง

1.หนัง DVD ที่ชอบที่สุด
 ผมขอเลือก A Prophet ซึ่งสร้างชื่อในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้รางวัลใหญ่อย่างปาล์ม แต่ตัวหนังทำให้การดูของผม ได้รับประสบการณ์เพิ่มอย่างหนึ่งก็คือ ความเก๋าเกมของผู้กำกับที่ทำให้ไม่สามารถละสายตาจากหนังได้เลย ทั้งคำพูดของตัวละครและการใส่สถานการณ์เข้าไปในพล็อต 3-4 ครั้ง

2.หนังโรงที่ชอบที่สุด
 จริงๆ มีอยู่สองเรื่องคือ The Class กับ Broken Embrace แต่ผมขอเลือกเรื่องหลังของ เปโดร์ อัลโมโดวาร์ ซึ่งอยู่ช่วงคลี่คลายแล้ว หนังเรื่องนี้เหมือนงานยุคแรกๆ ของเขา ที่มีกลิ่นอายของดราม่าเจืออารมณ์ขัน ที่ลงลึกกับการใช้รายละเอียดต่างๆ มาบอกเล่า (เช่นหนังเก่า, วิธีการถ่ายทำของหนัง) ผมชอบหนังที่ดูแล้ว ทำให้ผมต้องกลับมาดูอีกครั้ง (หรือมากกว่านั้น) เพื่อค้นหา message อะไรบางอย่างที่ “ติดค้าง” และผมต้องดูเรื่องนี้ 2 ครั้งวันเดียว

3.หนังไทยยอดเยี่ยมแห่งปีของผม
 ปีนี้มีที่สูสีและคะแนนไล่กันสองเรื่อง คือ พลเมืองจูหลิง กับ นางไม้ ซึ่งผมขอเลือกเรื่องหลัง เพราะงานสมบูรณ์กว่า ผมชอบ นางไม้ เวอร์ชั่นเมืองคานส์ ซึ่งไม่ได้สนใจว่า จะคานส์ไม่คานส์ แต่ที่ชอบเพราะตอนที่ คุณเป็นเอก รัตนเรือง เชิญไปดูส่วนตัว ผมพบว่าหนังมันเงียบ และมันมีพลังทำให้เราเงียบงันไปกับหนัง หนังดูคลุมเครือแต่ชัด ดูหลากหลายแต่ไม่กระจัดกระจาย ที่สำคัญ เวอร์ชั่นคานส์ ไม่มีเสียงเยอะแยะที่ใส่เข้าไป เหมือนฉบับที่ฉายกรุงเทพฯ

4.บทบาทการแสดงของตัวละครที่ชอบที่สุด
 ปีนี้มีตัวละครกวนๆ ออกมาหลายตัวในหนังเทศ ปีที่แล้วผมชอบบทบาทของ แบรด พิตต์ ในหนังเรื่อง Burn After Reading หรือก่อนหน้านั้น ผมก็เคยชอบบทของ นิโคล คิดแมน ที่เล่น The Hours แต่ปีนี้ ถ้าเป็นหนังในกระแส ผมชอบการแสดงของ เคท วินสเลท ในหนังเรื่อง Revolutionary Road เมื่อตอนเดือนมีนาคม ซึ่งดึงเอาการเป็นคาแรกเตอร์ล้ำสมัยออกมาหมด จนเทียบเท่าบทของ นิโคล คิดแมน ไม่ว่าจะเป็น Dogville หรือ The Hours

5. เพลงประกอบหนัง
 อันนี้ไม่ได้ชอบตัวหนัง แต่ชอบเพลงประกอบ ซึ่งก็คือ Newmoon ผมชอบเพลงของ Muse อยู่แล้ว เหมือนที่เคยชอบ เจมท์ บลันท์ เวลาไปแต่งเพลงประกอบหนังหรือร้องให้แก่ภาพยนตร์เรื่องใด ในแง่ของซาวนด์แทร็กนั้น Muse ดึงเอาความสดชื่นกระฉับกระเฉงออกมาให้คนดูรับรู้ โดยไม่ต้องดูหนัง แถมภาคส่วนของเพอร์คัสชั่น ยังสนุกสนาน เหมือนฟังป๊อปสมัยใหม่จากบริเทน

6.เทรนด์ใหม่ที่ไม่ชอบ แต่ยอมแพ้
 เราจะพบว่าปีนี้มีสองเรื่องที่เกิดขึ้นเยอะมากก็คือ หนังที่มีการฉายจำกัดโรง และหลายเรื่องฉายด้วยระบบดิจิทัล ล้วนๆ ผมไม่ชอบหนังดิจิทัลเพราะรู้สึกว่ามันแข็งและไม่มีความลึก แต่นี่คือแนวโน้มของระบบหนังใหม่ เพราะมันประหยัดและลดความเสี่ยง
 อีกอย่างที่ไม่ชอบคือ ทำไมการจัดเทศกาลหนังหลายงาน จะต้องมีการเมืองเข้ามาแทรก เกี่ยวกับการแย่งชิง “หนังเปิดหนังปิด” และปีนี้ หนังเปิดกับหนังปิดหลายงาน เข้าขั้นห่วยแตก มากกว่าสมราคาหนังเปิดงาน

7. ร้านขายหนัง dvd ยอดเยี่ยม
 ไม่ต้องลังเล ไม่มีคู่แข่ง ขอยกให้การออกร้านขาย dvd ที่อยู่หน้าลิโดและสลับไปมากับการขายหน้าโรงหนังสยาม มีทั้งหนังเก่าและหนังใหม่ ในราคาที่ไม่เกิน 179 บาท
แถมมีพัฒนาการด้วยการแบ่งหมวดหมู่และติดป้ายบอกว่า หนังเรื่องไหนได้รางวัลจากเทศกาลอะไร เท่ซะไม่มี

 สุขสันต์วันคริสต์มาส & แฮปปี้ นิวเยียร์ 2010

"นันทขว้าง สิรสุนทร"