
"บาว-ปาน( รีเทิร์น)"บันทึกรักบทใหม่"หนุ่มบาว สาวปาน"
ย้อนกลับไป4 ปีกับการจับมือทำงานร่วมกันระหว่างหนุ่มรุ่นใหญ่จากฝั่ง "วอร์นเนอร์ มิวสิค" อย่างวง "คาราบาว" กับสาวฝั่ง"อาร์เอส" อย่าง "ปาน" ธนพร แวกประยูร สร้างงานเพลงโปรเจกท์ในชื่อ"หนุ่มบาว สาวปาน" ออกมา และได้กระแสการตอบรับอย่างดี วันนี้ทั้งคู่มาทำงานร่วมกั
นัดดาบุรณศิริ ผู้บริหารวอร์นเนอร์ มิวสิค เปิดเผยว่ากระแสตอบรับในอัลบั้มที่แล้วดีมาก หากนับจากยอดขายซีดี วีซีดีต่างๆ พุ่งสูงถึงเกือบ 3 ล้านก๊อบปี้ เพลงหนุ่มบาว สาวปาน กลายเป็นเพลงประจำสถานที่ ทุกปาร์ตี้ต้องเปิด อีกทั้งกระแสการต้อนรับแม้ 4 ปีผ่านไปก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย ยังมีทัวร์คอนเสิร์ตเต็มจนมาถึงวันนี้
ด้าน"เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารอาร์เอสกล่าวไปในทางเดียวกันว่าจวบจนทุกวันนี้ความสำเร็จของโปรเจกท์นี้ไม่เคยลดลง และยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานอัลบั้มใหม่ อัลบั้มนี้ เพราะด้วยเงื่อนไขเวลาที่ต่างมีทัวร์คอนเสิร์ตที่อัดแน่น จึงทำให้งานอัลบั้มนี้ล่าช้าออกไป
"จริงๆ แล้วอัลบั้มใหม่ บาว-ปาน รีเทิร์น เราคุยกันมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เพียงแต่เราหาเวลาทำงานตรงกันไม่ได้ เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่การันตีได้สำหรับการร่วมงานของทั้งคู่ นั่นคือ ความสามารถที่ไม่เคยลดลงเลย อัลบั้มนี้จะยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก อีกทั้งงานที่ออกมายังสะท้อนสังคมปัจจุบันได้อย่างดีอีกด้วย
มาที่ยืนยงโอภากุล หรือแอ๊ดคาราบาว ซึ่งบอกว่ารู้สึกดีใจที่แม้ว่าเวลาจะผ่านไป4 ปี แต่แฟนเพลงก็ยังให้ความสนใจจนมาถึงทุกวันนี้ สำหรับอัลบั้มนี้เขาได้ใช้งานอัลบั้มแรกมาตั้งเป็นฐาน ไม่ได้ไปลอกงานเก่า เพียงพยายามที่จะพูดเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว ทั้งแง่มุมปรัชญา ชีวิต ความรัก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิต
"เราใช้ระยะเวลาทำงานในห้องอัดประมาณ 2 เดือนกว่าๆ แต่ก่อนหน้านั้นก็จะเป็นกระบวนการพูดคุย คิดงานกัน จากการทำงานชุดที่แล้ว เวลาทำงาน ผมอาจจะยังงงๆ แต่ชุดนี้จะเข้าใจมากขึ้น ว่าโปรดิวเซอร์ของอาร์เอสคิดอย่างไร เพราะผมก็ให้ทางอาร์เอสเขาดูแลทั้งหมด แล้วค่อยเข้าไปเสริม ซึ่งก็เข้าใจกันดี ไม่มีหลุดโลกจากความเป็นคาราบาวและปาน"
ฟังฝั่งคาราบาวไปแล้วมาฟังฝั่ง "ปาน" ธนพร แวกประยูร พูดถึงการทำงานครั้งนี้บ้างนักร้องสาวบอกว่า เธอรู้สึกเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเอง เพราะการทำงานกับพี่ๆ คาราบาว ทำให้สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตทุกๆ วัน ได้ไปในที่ๆ ไม่สามารถได้ไปเองแน่ๆ ทำให้ได้เห็นโลกอีกมุมหนึ่ง ได้ต่อยอดความคิด
"ถ้าพูดจริงๆ อัลบั้มนี้ปานชอบมากกว่าชุดที่แล้วนะ เหมือนเราเล่นด้วยกันมาจนตกผลึกแล้ว ตัวคาราบาวเองและอาร์เอสก็มีความเข้าใจกันมากขึ้น ในเรื่องความแตกต่าง ปานว่าต้องหากันในแต่ละเพลงเลยล่ะ คือในเพลงบาว-ปานรีเทิร์น หลายคนอาจจะมองว่าสีสันเดิม แต่เป็นความตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ คือเราอยากต่อยอด อยากให้รู้ว่ากลับมาแล้วนะ หากแต่เนื้อข้างในยังมีอีกหลายๆ เพลงที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพื่อเป็นของขวัญให้คนฟัง เราไม่ได้ย่ำรอยเดิม
4 ปีที่ผ่านมาเราทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันตลอด ทำให้ได้เห็นว่าแฟนเพลงต้องการอะไร แฟนเพลงอยากมีโจ๊ะ เราก็ต้องมีเพลงอย่างนั้นไว้ อีกมุมเราก็มีแฟนเพลงที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องมีเพลงอีกแบบหนึ่ง"
คุยกับคนเบื้องหน้าไปแล้วมาคุยกับคนเบื้องหลังอย่าง "บั๋ง" สุทธิพงศ์ สมบัติจินดา โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงคนสำคัญที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อัลบั้มแรกบอกเล่าถึงการทำงานครั้งนี้ให้ฟังว่าจากอัลบั้มแรกไม่มีใครคาดคิดว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ คิดเพียงทำให้เต็มที่ พอมาถึงอัลบั้มที่สอง จึงขอใช้ความรู้สึกเดิมในการทำงาน เพราะถ้าไปผูกอยู่กับความสำเร็จ มัวแต่คิดว่าทำเพลงแบบดอกไผ่บานหรือยัง ทำเพลงแบบบัวผันหรือยัง ก็ไม่ใช่สิ่งเป้าหมายที่อยากทำในตอนแรก
"การทำงานชุดนี้ก็เหมือนเดิม อยากทำอะไรก็ทำ แบบไหนก็ได้ ฝั่งอาร์เอสคิดมา 5 เพลง ฝั่งพี่ๆ คาราบาวคิดมา 5 เพลง มีเพียงเพลงบาว-ปาน รีเทิร์น เท่านั้นที่โครงสร้างคล้ายๆ เดิม เพราะเราอยากโยงไปถึงงานชุดที่แล้วให้คนจำได้ อยากจะบอกว่าเรากลับมาแล้วนะ หลังจากเว้นไป 4 ปี ถ้าเราไปมัวยึดติดกับเพลงที่เคยมีมา ก็ทำงานไม่ได้ ยอมรับว่าตอนแรกเราก็คิดว่าหรือจะทำเพลงเป็นภาคต่อ อย่างเพลงบัวผัน ก็เคยคิดว่าหรือจะทำเป็นรุ่นลูก แต่คิดไปอีกว่าถ้าเราทำเป็นเรื่องส่วนตัวเยอะๆ ก็จะดูไกลคนฟังไป" คนทำงานตัวกลมกล่าว
นอกจากจะมีเพลงใหม่มาให้ฟังกันแล้วแฟนเพลงทั้งหนุ่มบาว และสาวปาน เตรียมโจ๊ะ เพราะทั้งคู่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่มาให้ติดตามกัน ในเดือนมีนาคม 2553 นี้