'ซาร่า' แจงความต่างศาสนาไม่ใช่เหตุไร้แพลนแต่ง 'เต้ย'  | คมชัดลึก

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - คุกเข่าขอแต่งงานตั้งแต่ปลายปี 2560 จนถึงตอนนี้คู่ของ "ซาร่า" นลิน และ "เต้ย" ธโนทัย ก็ยังไม่ได้เตรียมแผนการแต่งงานเลย ทั้งที่หลายคู่ที่มาขอแต่งหลังจากคู่นี้ เตรียมเข้าประตูวิวาห์กันหมดแล้ว งานนี้ผู้สื่อข่าวเจอสาวซาร่าที่มาเป็นพิธีกรในปาร์ตี้ฉลองครบรอบ 5 ปี โยเกิร์ตเมจิ บัลแกเรีย  ชั้น LG ศูนย์การค้าสยาม สแควร์วัน จึงถามถึงเรื่องนี้

 

    อัพเดทงานแต่งนิดนึงว่าไปถึงไหนแล้ว
    "เอาจริงๆ นะคะ เราก็กำลังคุยกัน เรารู้สึกว่าอยากที่จะมีความพร้อมให้มากกว่านี้ก่อน เพราะซาร่ายังติดเรื่องของการสร้างบ้านให้คุณพ่อคุณแม่อยู่ ซึ่งจะเสร็จคร่าวๆ น่าจะประมาณปีหน้า ตอนนี้ก็รอให้ทุกอย่างมันเสร็จเรียบร้อยก่อน"

    หลายคนก็มีการแซวว่าแต่งกันจริงใช่ไหม
    "ใช่ โดนแซวคือมันเป็นเรื่องของแบบว่ามันต้องพร้อม ตอนนี้แค่ว่ามันยังไม่พร้อม แล้วอีกอย่างเรารู้สึกว่าเราคบกันมาตั้งแต่เด็ก ยังเจอกันยังคบกันในรูปแบบของความเป็นเด็กอยู่ พอมันจะก้าวไปอีกระดับหนึ่ง เรารู้สึกว่าเราต้องคุยกันเยอะหลายๆ อย่างทั้งคุณพ่อคุณแม่ด้วย ซึ่งตอนนี้หนูกับเต้ยก็มีโปรเจคที่ทำด้วยกันอยู่ พอมันประสบความสำเร็จแล้ว เรื่องตรงนั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที"

 

    พอมันจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่งมันเจอปัญหาอะไรบ้างไหม
    "มันไม่ได้เจอปัญหาอะไร แต่แค่ว่าหนูกำลังอยู่ในช่วงของการทำงานหลายๆ อย่าง หนูกับเต้ยก็รู้สึกว่ายังต้องมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบเยอะ มีครอบครัวที่ต้องดูแล ทั้งคุณพ่อคุณแม่ รวมถึงบ้านที่กำลังจะสร้างด้วย เลยอยากจะให้ทุกอย่างพร้อมก่อน คือมันเป็นเรื่องของบ้านหลังนี้ และความมั่นคงของตัวเราเองด้วย ณ ตอนนี้หนูยังทำงานและรับงานไปเรื่อยๆ แต่เรายังไม่มีอะไรที่เป็นของเราเอง เลยตัดสินใจว่าขอให้หนูได้ทำในสิ่งที่อยากทำก่อน"

 

    หลายคู่ที่เขาขอแต่งงานหลังเราแต่ปากหน้าแต่งก่อนเราไปเยอะแล้ว
    "ใช่ หนูก็ยังไม่ได้ซีเรียสในตรงนั้น พอเรารู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่มันเป็นเรื่องง่าย แต่การมีชีวิตอยู่แล้วให้มีความสุข คือหนูก็อยากจะมีชีวิตที่มีความสุขในทุกวัน ทำงานหนูก็ไม่อยากที่จะโฟกัสหรือเอาเรื่องนี้มากดดันตัวเองว่า ทำไม ทำไม ตอนนี้เราสองคนยังมีความสุขกันอยู่ ก็ยังคุยกันอยู่ แล้วก็ยังต้องการทำงานให้มั่นคง ซึ่งเต้ยเองเขาก็พร้อมที่จะรอเราไปเรื่อยๆ เขาก็แค่บอกว่าเขาขอแล้ว แต่ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องรีบแต่งเมื่อไหร่ เพราะว่าเราสองคนยังไม่มีใครรีบกันเลย"

 

 

 

 

 

 

    มีการวางแผนไหมว่าจะเป็นปีไหนยังไง ผู้ใหญ่มีว่ายังไงบ้าง
    "ผู้ใหญ่ก็ไม่รีบ ผู้ใหญ่ตอนนี้ก็แล้วแต่เรา อย่างที่บอกว่าคุณแม่เขาก็กำลังมีความสุขที่เห็นบ้านเจริญงอกงาม ก็อยากให้ทุกอย่างมันลงตัว พอบ้านเสร็จก็คิดว่าอะไรมันก็น่าจะดีขึ้น"

 

    กลัวเลยเถิดยาวไปแบบไม่มีกำหนดเลยไหม
    "ไอ้กลัวเลยเถิดเรื่องนั้นไม่กลัว แต่กลัวเรื่องงบบ้านจะบานปลาย กลัวจะเลยเถิดเรื่องนี้มากกว่า"

 

 

 

    ในเรื่องของวัฒนธรรมทั้ง 2 บ้านที่ไม่เหมือนกันมันมีปัญหาไหม
    "จริงๆ ทุกอย่างมันอยู่ที่การคุย คุยกันยังไงก็เคลียร์ได้ แต่แค่ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้มองว่าเราจะต้องรีบเคลียร์ทุกอย่าง เพื่อต้องรีบแต่งยังไม่มีใครรีบในตรงนี้"

 

    มันเป็นเรื่องพิธีด้วยหรือเปล่าเพราะเต้ยเองเขาก็ต้องมีพิธีแบบจีน ส่วนซาร่าเองก็ต้องเป็นแบบอิสลาม
    "ก็ใช่ แต่ก็ยังไม่มีการคุยกันตรงนี้"

 

    ด้วยเหตุผลเรื่องของศาสนาด้วยหรือเปล่าทำให้เราต้องมีความละเอียดมากขึ้น
    "คือด้วยความที่เราไม่ได้เจอกันทั้ง 2 บ้าน คุณพ่อคุณแม่เองก็อยู่ต่างจังหวัด เลยยังไม่มีโอกาสมาคุยกันตั้งวงโต๊ะจีนกัน (หัวเราะ) ยังไม่มีการคุยกันตรงนั้น แต่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้อยู่แล้ว คือรอแค่พวกเรานี่แหละค่ะว่าจะพร้อมเมื่อไหร่"

 

    เขามีถามมีเร่งไหมว่าเมื่อไหร่
    "ไม่มีเลยค่ะ ตอนนี้ชิวมากคือทำงานกันไปก่อน อย่างที่บอกว่าเราสองคนกำลังทำโปรเจคด้วยกันก็อยากให้รอติดตามดูว่าถ้าหากมันไปได้ดีทุกอย่างมันจะโฟลว์เหมือนคนท้องเสียปุ๊ดๆๆ"

 

    มันจะมีปัญหาไหมในเรื่องของศาสนาถ้าหากต้องแต่งงานกันไปมันอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน
    "จริงๆ แล้วครอบครัวค่อนข้างที่จะเปิดกว้าง ครอบครัวของเขาก็เป็นคนที่แบบสมัยใหม่ คือเขาไม่ได้แบบหัวโบราณหรือว่าอะไรอยากคุยง่ายๆ มากๆ เลย"

 

    จริงๆ แล้วเรามีแอบกังวลเรื่องนี้ไหม
    "ไม่ได้กังวลนะคะ เพราะว่าเราไม่ได้เคยคิดว่าจะมีเรื่องนี้เลยไม่ได้กังวล"
    เพราะว่าทั้งสองบ้านไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้กันด้วยหรือเปล่า
    "ใช่ ไม่ได้ซีเรียสและไม่ได้ถึงขั้นจะต้องรีบอะไร"

 

    อย่างเต้ยเองเขาก็ไม่ได้จำเป็นต้องมาเปลี่ยนศาสนามาอยู่กับเรา
    "อันนี้คือต้องคุยกันอีกทีนึงนะ แต่ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกันลึกถึงขนาดนั้น"
     คุณพ่อคุณแม่ของซาร่าไม่ได้คุยในเรื่องนี้กับเต้ย
    "คุณพ่อหนูชิวมาก แล้วแต่เลยตอนนี้ก็คือรอว่าจะมีโอกาสได้คุยกัน 2 ครอบครัวเพราะเขาอยู่ไกลกันมันก็เลยสื่อสารกันลำบากนิดนึง"