
'บุ๊คโกะ' รับเป็น 'ครอบครัวพลาสติก'
"บุ๊คโกะ" ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล รับเป็นพลาสติกแฟมิลี่ หลังพาน้องคนรองไปทำศัลกรรมที่เกาหลี มั่นใจโปรเจคนี้ฮือฮาไม่แพ้พาคุณแม่ไป วิตกโดนปลอมเฟสบุ๊คคุณแม่
บันเทิง คมชัดลึก - หลังเปิดตัวทำธุรกิจเกี่ยวกับศัลยกรรม ก็ทยอยพาคนในครอบครัวไปทำศัลกรรม ล่าสุดพา โบรัน น้องสาวคนรองไปทำศัลกรรมที่ประเทศเกาหลี จนคนในโซเชียลตั้งฉายาพลาสติกแฟมิลี่ให้ งานนี้ “บุ๊คโกะ”ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล น้อมรับแถมนำไปเป็นแฮชแท็กของครอบครัว โดยดีเจคนดังได้พูดคุยถึงที่มาของแฮชแท็กนี้ในงาน TEMPT DEBUT SHOWCESE ที่ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิล์ดว่า
“อย่างที่บอกบ้านเราคือพลาสติกแฟมิลี่ ที่มีพี่เป็นไอดอล คือเรารับนะ ที่รับเพราะว่าคนในโซเชียลบอกว่าเราคือพลาสติกแฟมิลี่ ตอนแรกก็เกร็งๆ ว่าตำแหน่งนี้จะดีหรือเปล่า แต่ก็ชอบเลยเอามาเป็นแฮชแท็คของครอบครัวเรา ก็พาน้องสาวคนที่สอง “โบรัน” ไปทำหน้าที่เกาหลี ตอนนี้ทำศัลยกรรมกันทั้งบ้านแล้ว จริงๆ แล้วคนที่สองไม่ชอบศัลยกรรมและไม่ชอบออกสื่อ แต่ไหนๆก็มาเป็นครอบครัวพลาสติกแล้วเอาให้หมดครอบครัว ก็บินลัดฟ้าพาน้องคนที่2ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ยอมรับว่าผลตอบรับค่อนข้างดี คือเขาคงเห็นผลตอบรับจากคุณแม่ คือมันไม่ได้อันตราย อย่างที่บุ๊คโกะบอกว่า บุ๊คโกะเอเจนซี่ค่อนข้างที่จะใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก พอคุณแม่สวย น้องสาวคนที่ 2 ก็อยากสวย ซึ่งเราต้องผ่าเหล่าพันธุกรรมนะ เพราะพ่อแม่ของเราให้มาน้อย เราก็เลยต้องทำเพิ่มเอง (หัวเราะ)
(โบรัน)
ตอนนี้ โบรัน ยังไม่โอเคเพราะเพิ่งทำมาเองเพิ่งกลับมาจากเกาหลี ต้องรอ 3-4 เดือน และจะให้ลดน้ำหนักด้วย เพราะตอนแรกหนัก 130 เท่าบุ๊คโกะ รอบนี้ก็ทำหมดเลย ทั้งดูดไขมันทั้งตัว ทำศัลยกรรมตา จมูก ตา และก็มีฉีดไขมันที่ปาก ถ้าน้ำหนักลงก็จะพาไปดึงหน้าด้วย และเก็บตีนผมให้ช่วงหน้าแคบลงด้วย จะเป็นโปรเจกต์ที่พลิกไปเป็นอีกคนต้องรอติดตาม รับรองว่าสะเทือนวงการเหมือนของแม่แน่นอน ถามว่าหมดไปเท่าไหร่ ครั้งนี้ก็เป็นล้านเหมือนกัน เสียไปล้านต้นๆ ก็ยังไม่เท่าคุณแม่แต่มันจะมีรอบสองที่ต้องไปเก็บอีก ต้องรอเวลา คือถ้าทำทั้งหมดเรากลัวน้องจะทนไม่ไหว คุณหมอเองก็จะให้คำปรึกษาว่า ถ้ารอบเดียวคงจะเยอะไป รอบนี้เราก็ออกกับเบลเยี่ยมคนละครึ่ง เพราะมันเป็นธุรกิจของครอบครัวแล้ว ตอนนี้เป็นเงินกงสี บุ๊คโกะเอเจนซี่ก็ก้าวมาเป็นปีที่ 2 แล้ว ก็เป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนในครอบครัว ก็ต้องช่วยกันออกคนละครึ่ง (สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทำศัลยกรรม) ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะตั้งแต่เปิดตัวคุณแม่ไป ก็ประสบความสำเร็จมาก สำหรับลูกค้าตอนนี้ต้องแจ้งก่อนว่า รอบที่ผ่านมา 5 ครอบครัวกับอีก 16 คน แบ่งเป็นครึ่งๆ เลย สำหรับผู้ที่มีอายุสูงขึ้น ซึ่งเป็นวัยเดียวกับคุณแม่ เพราะเขาเห็นความปลอดภัยของเราและทำออกมาแล้วไม่โอเวอร์เป็นมอนสเตอร์จนเกินไป ทำมาแล้วก็ยังสวย เหมือนเป็นการย้อนวัย ดังนั้นในส่วนลูกค้าที่มีอายุมากก็ได้รับผลตอบรับที่ดี รวมถึงวัยรุ่นและวัยทำงานด้วย เรียกว่าได้รับการตอบรับดีมาก ต้องขอบคุณที่ไว้วางใจเรา”
(คุณแม่บุ๊คโกะ ก่อนและหลังทำศัลยกรรม)
ถามต่อว่าตอนนี้กระแสตอบรับดีแค่ไหน ดีเจคนดังแจงว่า
“ถ้าเรื่องเงินก็โอเค เพราะเราเปิดบริษัท ดังนั้น เวลารายได้เข้าบริษัทเราก็จะรับรู้ ว่ารายได้จะเข้ามามากน้อยแค่ไหนอย่างที่แจ้งว่าแต่ละเคสราคาไม่เท่ากัน บางคนทำศัลกรรมเป็นล้าน บางคนทำหลักแสนต้นๆ ต้องเรียนตามนี้ว่าศัลยกรรมที่เกาหลี คนที่ไม่เคยทำ ไปทำหลักหมื่นก็มี แต่อาจจะเป็นหมื่นปลายๆ แต่ถ้ามาแก้รอบสองรอบสาม ราคามันสูงขึ้นอยู่แล้ว ก็อยากให้ทุกคนศึกษาว่าศัลยกรรมมันทำอย่างไร คือมันก็อาจจะมีผิดพลาดได้ เพราะเราก็ผิดพลาดมาก่อน ดังนั้นเราก็เลยโชคดีที่ให้คำปรึกษาคนอื่นได้ ถามว่าโดยส่วนตัว บุ๊คโกะยังทำอยู่เรื่อยๆ ไหม ไม่กล้าพูดเลยว่าจะหยุดแล้ว ( หัวเราะ ) ไม่กล้าพูดจริงๆ เพราะพอพูดปุ๊ปกลืนน้ำลายตัวเอง เปรี้ยวปากอยากไปทำมาก แต่หมอบอกว่าหน้าแน่นมาก เลยอาจจะดูแลเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณมากกว่า เวลาบินไปแต่ละรอบก็จะไปดูแลลูกค้าด้วยและอาจจะไปอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อมาบอกลูกค้าที่อยู่เมืองไทยได้รู้ (พอใจกับความสวยของเราหรือยัง) อยากถามกลับว่าทุกๆคนโอเคหรือยัง ( หัวเราะ ) ถ้ายังไม่โอเคไปเติมเพิ่มใหม่ก็ได้ คือเราไม่ได้เสพติดศัลยกรรมนะ แต่ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่ามันเหมาะสม มันโอเคแล้ว เราก็ไม่ได้ไปเติมตลอด แต่ถ้าเวลาผ่านพ้นไป ด้วยเวลา สถานภาพ เรื่องอะไรที่ลงตัวมันอาจจะมีเพิ่มบ้างอะไรที่มันอัพเดทในเวลานั้น เพราะถ้าบอกว่าหยุดศัลยกรรมแล้ว แอนตี้ค่ะ ถ้าเติมอีกเดี๋ยวโดนด่าในเน็ตอีกว่าเติมอีกแล้วเหรอ”ดีเจบุ๊คโกะกล่าวขำๆ
เมื่อถามเรื่องล่าสุด คุณแม่โดนปลอมเฟซบุ๊ก บุ๊คโกะกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ค่อนข้างตกใจ
“คือคุณแม่เราเป็นคนที่เล่นโซเชียลและเพื่อนในโซเชียลเยอะ คุณแม่เป็นเหมือนหน้าตาของเรา เพราะแม่จะเข้าไปตอบทุกคน พอมีคนปลอมเฟซบุ๊กขึ้นมาเราก็ตกใจ เพราะเรากลัวว่าเขาจะเอาชื่อเสียงของแม่เราไปตอบ หรือหลอกเงินเรื่องศัลยกรรม คนแก่บางทีก็ไม่รู้ไง แต่แม่บอกว่าคนนี้ชื่อและนามสกุลในเฟซบุ๊กเหมือนเราเลย แต่ภาพที่ใช่เป็นรูปนักร้องคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็โดนแอบอ้างเหมือนกัน
ทางน้องนักร้องก็ให้คนในค่ายโทรมาหาเราที่ EFM บอกว่าเขาก็โดนแอบอ้างเหมือนกัน ถ้าสมมติจะแอบอ้างแล้วเอารูปตัวเองขึ้นมันดูโจ๋งครึ้มเกินไป ดังนั้นเขาก็ต้องโดนแอบอ้างเหมือนกัน ตัวน้องนักร้องก็มีผลกระทบเหมือนกัน เพราะเขาก็เป็นนักร้อง เราก็เข้าใจได้ เราก็ไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะเคลียร์ไม่ได้ แต่ว่าเราเองกับครอบครัวก็มีการไปแจ้งความ และก็ให้น้องที่โดนเอารูปมาแอบอ้างโดยใช้ชื่อคุณเราแจ้งความเหมือนกัน เพราะเราต้องช่วยกัน (เขาได้ทำอะไรให้เสียหายไหม) ตอนนี้พอเราขึ้นข้อความและเป็นข่าว ก็ไหวตัวแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาลบไปหรือยัง เราพยายามส่งข้อความไปบอกเขาว่าชื่อคุณที่ใช้เป็นชื่อแม่เรา นามสกุลก็เหมือนกันเลย เราก็ยังงงอยู่ว่าทำไมชื่อและนามสกุลเหมือนกันแต่ก็ยังชื่อและนามสกุลเหมือนกันแต่เป็นเฟซบุ๊กอีกอันนึงได้ ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหน แต่แค่รูปโปรไฟล์ไม่ใช่แค่นั้นเอง ก็พยายามติดต่ออยู่ ตอนนี้ไม่มีผู้เสียหายติดต่อมาทางเรา ปกติจะมีคนส่งข้อความมาหาตลอดว่าเจอมิจฉาชีพแอบอ้าง ก็จะไดเรคมาหาเราซึ่งเป็นการสื่อสารตรงถึงเราที่สุดแล้ว เพราะเราเป็นคนที่อ่านไดเรคเมสเสจในไอจีอยู่แล้ว” บุ๊คโกะ กล่าวปิดท้าย