อยากเป็นนักแสดงที่ดีกับความฝันวันนี้ของ 'ภณ-ณวัสน์' | คมชัดลึก

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพระเอกสายเลือดใหม่ช่อง 3 อย่าง “ภณ" ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ หลังแจ้งเกิดจากละคร “ตราบาปสีชมพู” และล่าสุดกับละคร “เพลิงพรางเทียน” ที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้ก็ได้รับกระแสตอบรับดีเช่นกัน อยู่ในช่วงเนื้อหอมแบบนี้ “ทีมบันเทิง คม ชัด ลึก” เลยต้องขอคว้าหนุ่มภณ มานั่งพูดคุยกันซะหน่อยจ้า  

 

    @@ ผลงานล่าสุด
    “เพลิงพรางเทียน” เรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
    “ผมเล่นเป็นสองภพสองชาติ ในปัจจุบันผมรับบทเป็นเบนจามิน เป็นนายแบบเป็นเพื่อนของกลินท์ ซึ่งเป็นตัวนางเอก เป็นผู้ชายที่แสนดีคอยช่วยเหลือ คอยอยู่เคียงข้างตัวกลินท์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามคอยดึงสติอะไรอย่างนี้ ส่วนภพอดีตผมก็เป็นรับบทเป็นหลุยส์ เป็นหมอฝรั่งที่มากับคณะมิชชันนารีในอดีต ก็จะเป็นคนสุขุมหน่อย แล้วไปเจอเทียนคำ หรือตัวกลินท์ โดยบังเอิญแล้วก็คอยช่วยเหลือเขา คอยช่วยเหลือเขาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”

 

    เล่นเป็นทั้งอดีตและปัจจุบันต่างกันเยอะไหม 
    “มีความต่างกัน หลุยส์ในพาสอดีตจะมีความสุขุมนุ่มลึกมากกว่าจะใช้สายตาแววตาเป็นห่วงเป็นใยมากกว่า ส่วนเบนจามิน ในปัจจุบันจะเป็นผู้ชายขี้เล่น เฟรนด์ลี่ แสดงออกแบบว่าอารมณ์ดี เป็นคนที่แตกต่าง จะบอกว่ายากมาก เพราะเป็นเรื่องแรกที่ผมเล่นเป็นสองภพสองชาติ จะต้องแบ่งคาแรกเตอร์ให้ชัดเจน วันหนึ่งบางทีก็ถ่ายสองตัวละคร เราก็ต้องแยกให้ชัดเจน (มีสับสนไหม) สับสนบางไหม ไม่ค่อยมีด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกันอยู่แล้วเรื่องชุด คอสตูมอะไรต่างๆ อย่าง หลุยส์ มีไว้หนวดไว้เครา ใส่คอนแทคเลนส์เปลี่ยนทรงผม จะค่อนข้างแยกได้อย่างชัดเจน ทำให้เราเชื่อว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้น”

 

 

    ต้องทำการบ้านหนักมากแค่ไหน
    “ทำการบ้านเยอะ ส่วนมากในภพปัจจุบันเหมือนเป็นนายแบบทั่วไปไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่ในภพอดีตจะต้องเป็นผู้ชายที่แบบว่านุ่มลึก ต้องมีการขี่ม้าด้วย ก็ต้องไปเรียนเพิ่มเติม เพราะว่าหลุยส์ใช้พาหนะคือม้าตลอดเวลา มีขี่ช้างด้วย ผู้จัดการผมอ่านบทประพันธ์แล้วมาเล่าให้ผมฟังเหมือนในบทอาจจะมีปรับจากบทละครไปบ้าง”

 

 

 

 

    ได้รับโอกาสมาเป็นพระเอกหลังข่าว
    “ก็ตื่นเต้น ดีใจมากๆ ที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เมื่อได้รับโอกาสมาเราก็ทำให้ดีที่สุด สำหรับผมการเป็นแสดงหลังข่าว หรือก่อนข่าว ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับความท้าทายของบทบาทที่เราจะแสดง และโอกาสที่เราได้รับ"

 

    เป็นพระเอกที่มีงานต่อเนื่อง
    “ก็มี ฟากฟ้าคีรีดาว ของอาตู่ นพพล ค่ายเป่าจินจง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เล่นเป็นตัวเอก เป็นตัวนำเหมือนกันมี อิน น้ำหวาน ด้วย แล้วก็ได้เล่นกับนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง พี่นก ฉัตรชัย พี่นก สินจัย พี่จอนนี่ พอสมมุติถ้าติดเรื่องบท พี่จอนนี่ จะคอยแนะนำ คอยสอน ทำให้เราไม่เกร็งและก็เล่นได้ คาแรกเตอร์เรื่องนี้ก็เป็นผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูมากับพ่อคนเดียวตั้งแต่เด็ก เลยทำให้เขามีพฤติกรรมที่แบบไม่ค่อยมีความอ่อนโยนเท่าไหร่ เหมือนเลียนแบบพฤติกรรมพ่อมา พ่อเป็นเหมือนเจ้าพ่ออยู่ที่แคสเมียร์มีลูกน้อง แล้วก็จะทำให้เราติดพฤติกรรมแข็งๆ หัวร้อนอยากทำอะไรได้ต้องได้ คิดอะไรออกพูดไปเลย เพิ่งเริ่มถ่ายได้ช่วงแรกๆ หนักเรื่องนี้มันก็มีเรื่องของพาสดราม่าด้วย เหตุการณ์ในอดีตที่ฝังเป็นปมเราที่พ่อพาเราหนีแม่ไป เหตุการณ์นั้นอยู่ในใจเราตลอดเวลา ซึ่งผมว่ามันยาก คือคิดถึงแม่เมื่อไหร่จะรู้สึกถึงเหตุการณ์นั้นตลอด แล้วก็ต้องมีกีฬาโปรดของตัวละครตัวนี้ก็คือกีฬาเอ็กซ์ตรีม ต่อยมวยเอ็กซ์ตรีม เราก็ต้องไปเรียนบู๊ไปเรียนอะไรอย่างนี้ ก็ยากเหมือนกัน”

 

    ละครบู๊เตรียมตัวยังไง
    “อะไรที่สามารถทำไหวแล้วก็ปลอดภัย เซฟตัวเองด้วยก็จะบู๊เอง ส่วนที่มันยากและมีความเสี่ยงสูงก็ต้องใช้สแตนด์อิน แต่ส่วนมากผมจะเล่นเองไปก่อน ลองดูว่าไหวไหม ถ้าไม่ไหวค่อยสแตนด์อิน ปีหน้าคงได้ชมกัน เรื่องนี้ถ่ายต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่เลย ก็จะมีเชียงใหม่ มีปราจีนบุรี”

 

    ได้รับบทบาทที่หลากหลายมากขึ้น
    “เหมือนเป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว คือได้รับบทใหม่ๆ ที่ไม่จำเจเหมือนเดิม พลิกคาแรกเตอร์ไปเรื่อยๆ เพราะในฐานะนักแสดงเราก็อยากได้อะไรใหม่ๆ เพื่อที่จะพัฒนา ผมไม่ปิดกั้นตัวเองพร้อมที่เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เรื่อยๆ ใครแนะนำอะไร ผมก็จะนำไปคิดแล้วก็ปรับเอาไปใช้ในการเล่นละคร ผมอยากพัฒนาตัวเองมากกว่า พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้คนมองว่าเราเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ดาราที่มีกระแสเท่านั้น”

 

 

 

 

 

 

    @@ ดังไกลยันต่างแดน
    กระแสคู่จิ้นของ “ภณ” กับ “บัว” นลินทร์ทิพย์ ดังมากในต่างประเทศ
    “จากละครตราบาปสีชมพูที่แสดงด้วยกันทำให้มีแฟนคลับต่างประเทศให้การตอบรับเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณมากๆ จริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะได้รับกระแสดีขนาดนี้ด้วยซ้ำ เคยคุยกับบัวเหมือนกันว่าเพราะอะไรน้า แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ (หัวเราะ) ถึงจะไม่มีคำตอบแต่รู้สึกได้ทุกครั้งสำหรับความรักและแรงสนับสนุนที่แฟนๆ มีให้”

  

 

    หลังจากละคร “ตราบาปสีชมพู” ที่โด่งดัง ชีวิตภณปลี่ยนไปยังไงบ้าง
    “ตั้งแต่ตราบาปสีชมพูออนแอร์ ไปก็มีคนรู้จักมากขึ้น แฟนคลับทั้งไทยทั้งต่างประเทศ จะมีเข้ามาเยอะมากขึ้นไปไหนมาไหนก็ยังมีคนจำได้ อย่างล่าสุดผมไปร้องคอนเสิร์ตของโก้ มิสเตอร์แซ็กแมน ร้องเพลงละคร เขาก็ยังมีคอมเมนต์ว่าคิดถึงพีทกับกิ๋ว อยากให้กิ๋วมาร้องด้วย ก็ดีใจที่คนยังจดจำได้ ส่งผลมาถึงละครที่จะออนแอร์ด้วย ถามว่าชีิวิตเปลี่ยนไปไหม เปลี่ยนไปแต่ก็ยังเป็นคนเดิม (หัวเราะ) เปลี่ยนไปเรื่องการวางตัวมากขึ้น เวลาไปที่สาธารณะเราก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะเรามีคนเริ่มตามเยอะขึ้น ตอนแรกก็เฮ้ย...มาตามจริงเปล่าเนี้ย หรือเป็นคนแถวนั้น ก็ปรากฏตามผมจริงๆ ผมรู้สึกดีใจมากๆ คนเขาชื่นชอบตัวเราอย่างนี้”

  

 

        ที่บ้านชอบคอมเมนต์เรื่องการแสดงภณ 
        “เวลาทีเซอร์ออน หรือว่าละครออนแอร์อย่างนี้ ที่บ้านก็จะนั่งดู เขาก็จะมีคอมเมนต์บ้าง เราเห็นปุ๊บมันก็จริงนะ ก็เลยเก็บไว้แล้วเอาไปปรับใช้ในเรื่องต่อไป บางเรื่องที่เขาแนะนำ ถ้าเป็นอย่างนี้จะดีกว่าไหม แล้วก็คิดก็ดีกว่าจริงๆ ผมได้ดูตลอด คือถ้าเราพลาดดูสดก็จะไปดูย้อนหลังเอา อย่างตอนที่เห็นละครเรื่องแรกที่ออนแอร์ ผมดูแล้วเขินตัวเองไม่กล้าดู ปิดตาดูอะไรอย่างนี้ แต่หลังๆ พอเราเริ่มชินกับตัวเองที่อยู่บนจอทีวี แล้วก็เราโฟกัสจุดอื่นแทนก็คือเรื่องการแสดงว่าเราแสดงแบบนี้ดีออกไปดีไหม ทำให้เราปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น"

 

    ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเพราะคุณแม่ที่มีดีกรีเป็นถึงนางเอกภาพยนตร์
    “คุณแม่เป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่องเพื่อนแพง และพลอยทะเล เชื่อไหมว่าคุณแม่ไม่คิดว่าผมจะเดินทางสายนี้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อก่อนผมออกแนวเด็กสายวิทย์ เล่นกีฬาอยู่ที่โรงเรียน ไม่มีแววเป็นนักแสดงเลย สิ่งที่คุณแม่แนะนำเลยคือเรื่องการตรงเวลาและความนอบน้อมสำคัญ ในเรื่องของการแสดงคุณแม่แนะนำว่าอายคอนแทคเป็นสิ่งสำคัญ เวลาคิดอะไรอยู่จะแสดงออกทางตาได้ง่าย เพราะเราเป็นคนตาโตไง (ทำตาโตใส่) ซึ่งเหมือนเป็นดาบสองคม ถ้าเราไม่มีอินเนอร์ก็จะเห็นว่าไม่ดี แต่ถ้าเราดีก็เห็นได้ชัดเจนเหมือนกัน แม่ก็จะคอยแนะนำ"

 

 

 

 

 

        @@ พระเอกลูกรักคนใหม่
       หลายคนมองว่าเราเป็นพระเอกลูกรักช่อง 3 คนใหม่
       “ต้องขอบคุณหลายๆ ฝ่าย เพราะว่าที่ผมมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องขอบคุณคนเขียนบทที่เขียนบทออกมาดีมากๆ ขอบคุณผู้ใหญ่ช่องให้โอกาสผมได้เล่นเรื่อง ตราบาปสีชมพู หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ ในทุกๆ เรื่อง ผมยอมรับว่าการได้รับโอกาสก็เป็นแรงกดดันเราอย่างหนึ่ง มีเกร็ง และก็กดดันไปในตัวด้วย เพราะเรื่องแต่ละเรื่องที่รับมา แล้วก็เล่นผ่านมาหลายเรื่อง เราก็ต้องพัฒนา ถ้าอยู่กับที่มันก็ไม่ได้ ความรู้สึกผมต้องพัฒนาทุกเรื่อง พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุด กดดันก็ต้องกดดันอยู่แล้ว ก็อย่าเอาความกดดันมาทำให้เราต้องทำให้ดีที่สุด ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น เราก็แค่ต้องทำให้ดี แล้วก็อินไปกับตัวละคร ดีกว่ากดดันแล้วทำให้เราเครียดเปล่าๆ อย่างนั้นมันก็มาไม่ดี”

 

    มองอนาคตตัวเองในวงการบันเทิงยังไง
    “ตอนนี้ผมวางแผนไว้ว่าจะแสดงให้ดีที่สุดก่อน ก็คือรับบทอะไรมาเราต้องเล่นให้ถึง เล่นให้ดี เป็นความฝันที่อยากให้ตัวเองเป็นนักแสดงที่ดีก่อน อยากเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบทบาท เข้าถึง และคนอินไปกับบทนั้น มีคำถามที่ผมถูกถามบ่อยในช่วงนี้คือยึดติดการเป็นพระเอกไหม ผมบอกเลยว่าผมไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก ไม่เคยคิดว่าคำว่าพระเอกนำหน้ามีผลต่อการอยู่ในวงการนี้ของเรา แต่ผมรู้สึกกับคำว่าอาชีพนักแสดงมากกว่า มันเริ่มเข้ามาตอนละครเรื่องที่ตราบาปสีชมพู ซึ่งเป็นละครเรื่องที่สามของผม รู้ตัวช้าเหมือนกันเนอะ (หัวเราะ) ที่ีผมรู้สึกเพราะว่าบทพีทในเรื่องไม่ได้เป็นบทพระเอ๊กพระเอก เขาฉีกกฎพระเอกไปเลยด้วย แล้วพอเราแสดงไปก็รู้สึกสนุก และยิ่งคนดูอิน มันทำให้มุมของเราเปลี่ยนไป เราอยากจะเป็นนักแสดงที่ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับสิ่งที่เราแสดงออกมา"

 

 

 

 

    @@ หัวใจยังว่าง
    ความรักตอนนี้เป็นยังไง 
    “ความรักตอนนี้ไม่มีใครเลย เพราะทำงานอย่างเดียวเลย เราไม่ได้ปิดตัวเอง ถ้าเข้ามาก็เปิดใจพร้อมที่จะคุย ตอนนี้เรามุ่งที่การพัฒนาตัวเอง ถ่ายละคร การแสดงมากกว่า ถามว่าเข้ามาแล้วเราเปิดโอกาสไหม เราก็เปิดโอกาส ไม่ได้ปิดโอกาส  ตอนนี้ไม่มีจริงๆ"
    สเปกยังเหมือนเดิมไหม “ตัวเล็กสเปกภณ”
    "(หัวเราะ) ผมไม่ได้มีตายตัว แค่ว่าส่วนใหญ่ที่ผมมองกลับไปคือตัวเล็กหมดเลย ไม่ค่อยได้เจอคนสูงๆ (หัวเราะ) จริงๆ สเปกขอแค่ให้อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ทำให้เราหัวเราะยิ้มได้ ผมก็โอเคแล้ว ไม่ใช่พากันเครียดแคร์กัน ห่วงใยกัน สำหรับผมความรักจะมีเข้ามาเมื่อไหร่ก็แล้วแต่โชคชะตาถ้าเจอก็คือเจอ รอคอยบุพเพสันนิวาส (หัวเราะ)”
       นี่แหละ!! พระเอกมาแรงคนใหม่ที่ใครๆ ก็หลงรัก