'เจเจ'ควง 'ต้าเหนิง'ออกงานสยบรักร้าว

         บันเทิง คมชัดลึก - มีข่าวระหองระแหงออกมาเนืองๆ สำหรับคู่ของ "เจเจ" กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และ “ต้าเหนิง” กัญญาวีร์ สองเมือง ล่าสุดมาออกงานคู่กันในรอบปี ได้พูดคุยเรื่องนี้ในงาน เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เดินทีน เวฟ ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ได้ความว่า 

         "งานคู่ครั้งแรกในรอบปีเลย เพราะว่าก่อนหน้านี้เวลาไม่ค่อยตรงกันด้วย  จริงๆ เขาไม่ได้ถึงกับงอน ผมว่าคู่เราก็เหมือนกับคู่ทั่วไปที่ต้องมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันบ้าง ตอนนี้ก็กลับมาปกติเหมือนเดิม ไม่ได้หวานขนาดนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีแพลนไปเที่ยวไหนกันครับ แต่ละคนยังมีโปรเจ็กต์ที่ต้องทำส่วนตัวอยู่ เลยยังไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนเดิม ก็อยากหาเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ว่าด้วยความที่โปรเจ็กต์มันจบปุ๊บ แต่มันยังจำเป็นบางอย่างต้องรันอะไรต่อเลย ทำให้ทุกอย่างมันยังแพลนอะไรไม่ได้ แต่อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้มีผลกระทบอะไรขนาดนั้น ความหวานปกติไม่ได้ลดลง อีกอย่างเวลาที่ห่างกันมากๆ ก็จะพยายามคุยกัน หรือถ้ามีเวลาว่างนิดหน่อยก็เจอกัน แล้วมันก็กำหนดไม่ได้ด้วยว่าอาทิตย์หนึ่งจะว่างมาเจอกันได้กี่วัน

        (ก่อนจะแสดงจูบกับเจมส์มีบอกต้าเหนิงไหม) ไม่ได้บอก มันเป็นความลับของบริษัท แล้วคือส่วนใหญ่แล้ว ที่เป็นบทของหนัง เราก็จะไม่รู้กัน อย่างเรื่องที่เหนิงเล่นอยู่ตอนนี้ ผมก็ไม่รู้ ผมว่ามันเหมือนเป็นการให้เกียรติกันมากกว่า ส่วนผลงานของผมตอนนี้ก็มีละครทางช่องวันเหมือนกัน แล้วก็ปลายปีจะมีหนัง ไดอารี่ตุ๊ดซี่มูฟวี่ แล้วก็ยังมีเต็มไปหมดแต่ยังพูดไม่ได้” เจเจ กล่าว 

         เมื่อถามถึงเรื่องค่าฝุ่นที่เชียงใหม่บ้านเกิดที่ ตอนนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า ผมก็เป็นห่วงเหมือนกัน 

         "ตอนนี้ภาวะคนทางภาคเหนือมันหนักหน่วงมาก ซึ่งไม่ใช่แค่จังหวัดเชียงใหม่แล้ว แต่ลามไปหลายจังหวัดในภาคเหนือเลย พูดตรงๆ ผมเป็นเด็กเชียงใหม่ อยู่ที่นั่นตั้งแต่เกิด ด้วยความที่ทุกหน้าร้อนที่เชียงใหม่จะเจอปัญหาเรื่องฝุ่นแบบนี้เป็นปกติ แต่ว่าปีนี้มันค่อนข้างหนัก แล้วผมรู้สึกว่าพอมองย้อนกลับไปพบว่าปัญหานี้มันก็เป็นมาทุกปี แต่ทำไมจนถึงวันนี้มันยังไม่ได้ถูกรับการแก้ไขสักที ตอนนี้พ่อแม่อยู่ที่เชียงใหม่ เขาก็บ่นให้ฟังทุกวัน ผมก็พยายามเตือนให้เขาใส่หน้ากากตลอดเวลา แต่เขาก็จะอึดอัดบ้าง รอบล่าสุดที่กลับเชียงใหม่ไปยิ่งพบว่าปัญหามันหนักจริงๆ แต่เวลาขับรถไปที่ถนนก็ยังเห็นหลายคนที่ยังไม่ได้ตื่นตัวในเรื่องของการป้องกัน อาจจะเป็นเพราะว่าข้อมูลทางสุขภาพยังไปไม่ถึง คือท่านก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ ผมแค่กลัวว่ามันจะส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต ด้วยความที่มันมีฝุ่นหรือว่ามลภาวะก็ไม่รู้ว่ามันจะไปช่วยเร่งให้เกิดโรคหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถามว่ามีแพลนจะเอาครอบครัวมาอยู่กรุงเทพฯ สักพักมั้ย คงเป็นไปได้ยากเพราะว่ามีธุรกิจที่ต้องทำอยู่ที่โน่น สิ่งที่ทำได้ก็คือผมพยายามใช้พื้นที่ของตัวเองในสังคม ในการพูดเพื่อเป็นหนึ่งเสียงส่งไปถึงผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยออกมาจัดการปัญหานี้หน่อย เพราะถ้าปล่อยไว้นานมันก็ไม่เป็นผลดีกับใครเลย นอกจากนี้มันยังมีผลกับการท่องเที่ยวในจังหวัดเราด้วย แต่คือก็เข้าใจนะ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วการเผาป่าที่มันเกิดขึ้นก็คือเกิดจากการที่ต้องทำเกษตร มันอาจจะมีวิธีแก้ไขที่มันไปด้วยกันได้ทั้งการเกษตรและสุขภาพของคนในพื้นที่ด้วย”

         ในขณะที่ ต้าเหนิงกล่าวเสริมว่า "ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำไนน์บายนาย เวลาก็จะไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้เรางอนหนักมากหรืออะไรนะส่วนตัวไม่ได้ต้องปรับตัวอยู่คนเดียว แต่คนเราพอคบกันสองคนก็เหมือนต้องปรับจูนเข้าหากัน มีอะไรที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วย (ล่าสุดต้าเหนิงโพสต์ในทวิตเตอร์ถึงฉากจูบของเจเจกับเจมส์) จริงๆมันก็เหมือนการหยอกกันเล่นแหละ เพราะว่าจริงๆเราก็สนิทกันมากอยู่แล้ว จริงๆรู้จักเจมส์ก่อนเจอีก คือโพสต์ขำๆค่ะ ถ้าจริงจังจะไม่กล้าโพสต์แบบนั้นแน่นอน จริงๆฉากนั้นเราก็ไม่ได้ดู แต่มีคนส่งมาเยอะมาก เดี๋ยวหนูออกไปเอง ถ้ามันยาก(หัวเราะ) ตอนได้เห็นฉากจูบก็ตกใจนิดหนึ่ง แต่เขาก็เคยมีซีนแบบนี้แล้ว ครั้งที่สองเลยไม่ตกใจเท่าครั้งแรก แล้วในชีวิตจริงเราก็ไม่ค่อยมาแซวกันหรอก แต่เวลาอยู่ในโซเชียลก็เหมือนคุยกันเล่นๆ เห็นคนอินคู่จิ้น เจเจ-เจมส์ ถามว่ารู้สึกอะไรไหม จริงๆมันก็กับละครนะ ฟีดแบคดีเราก็โอเคแล้ว (ได้ข่าวมาว่าต้าเหนิงกำลังจะหมดสัญญากับทางนาดาวแล้ว) ตอนนี้หมดแล้ว แต่ว่าอยู่ในระหว่างการที่จะรอเซ็นสัญญาต่อ ปกติระยะสัญญามันก็จะมีช่วงที่หมด แล้วก็เริ่มต่อใหม่ ก็รอเซ็นต่อ ยังสบายใจและยังแฮปปี้อยู่ ปกติสัญญา 5 ปี ต่อใหม่ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะตอนนี้ยังไม่ได้อ่านตัวสัญญาอย่างละเอียดเลย ก็เดี๋ยวรอตอนจะเซ็น งานก็มีป้อนเรื่อยๆ ตอนนี้ก็มีถ่ายอยู่ ทางช่องวัน” ต้าเหนิงกล่าว