บันเทิง

'แวร์ โซว' จูงมือลูกฝ่ามรสุมชีวิต หนี้ท่วมหัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"แวร์ โซว์" ควง "น้องคนดี" อัพเดทชีวิต เผยขายคอนโดใช้หนี้ ประกาศผ่านโซเชียลของานทำ ลั่นสอนลูกให้รู้จักประหยัด

   ทีมบันเทิง คมชัดลึก-ก่อนหน้านี้นักแสดงสาวรุ่นใหญ่ "แวร์ โซว" ออกมาโพสต์ข้อความขอกลับมารับงานแสดงอีกครั้งผ่านทางโลกโซเชียล หลังไปพักรักษาตัวจากอาการป่วยโรคซึมเศร้าอยู่นาน ล่าสุด "แวร์ โซว" มาร่วมงาน ไทยสมุทรประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 70 ปี เปิดตัว Ocean club application ได้เปิดใจเรื่องนี้ว่า

   “เจตนาที่โพสต์ลงไปเพื่ออยากจะบอกให้รู้ว่าเราหายป่วยจากโรคซึมเศร้าแล้ว พร้อมที่จะกลับมาทำงานเต็มที่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาก็มีงานแต่ด้วยว่าเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าทำให้เราทำงานได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เลยต้องเลือกรับงาน พอเรารับงานไปแล้วแล้วเราทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็ปฎิเสธงานไปบ้าง  เราก็กลัวว่าผู้จัดเขาจะหาว่าเราเล่นตัวไม่เล่นละครให้เขา แต่ตอนนี้พอเราหายดี เราเลยมาบอกเขาว่าเราหายดีแล้วนะเราพร้อมแล้วนะ และอีกส่วนนึงแวร์เองก็มีหนี้สินทั้งหมด 13 ล้าน 13 ปีที่ผ่านมาใช้ไปแล้ว 10 ล้าน ตอนนี้เหลือ 3 ล้านซึ่งเป็นเงินต้น 10 ล้านที่ผ่านมาคือต้นและดอก เรานำเงินไปซื้อบ้าน คอนโดและรถ ตอนที่เรายังทำงานได้ มันก็ยังมาเงินไปโปะ 3 ปีที่ผ่านมาที่เรารับงานน้อยลง เราก็ยังต้องใช้เงิน ผ่อนนั่นนี่ และมีค่าใช้จ่ายต่างๆ มันเลยทำให้เงินเก็บ แก้วแหวนเงินทองต่างๆของเราที่ซื้อเก็บไว้ มันก็ได้เอามาใช้เมื่อยามจำเป็นนี่แหละ พูดตรงๆทุกคนซื้อเพชร ซื้อทอง ส่วนมากเมื่อถึงเวลาขัดสน ก็ต้องเอาไปเข้าโรงรับจำนำหมดแล้ว เราก็กลัวว่าคนอื่นเขาจะหาว่าเราไม่ช่วยเหลือตัวเอง แล้วออกมาเรียกร้องของงาน แต่เราก็ทำทุกอย่างแล้วของต่างๆที่เรามีเราก็เอาไปจำนำหมดแล้วนะ เราพยายามเต็มที่แล้วนะ เราพยายามขายไข่เค็มแล้วนะ ขายทุกอย่างแล้วนะ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จึงต้องมาของานผู้จัด ว่ารับเชิญเราก็ยังรับนะคะแต่ถ้ามีเต็มเรื่องได้ ก็จะดีกว่าเพราะมันจะได้มีเงินเป็นก้อน จะได้เอาเงินไปโปะหนี้ หนี้ธนาคารตอนนี้ 3 ล้าน ถ้าบวกดอกเบี้ยตอนนี้ก็จะกลายเป็น7ล้าน คือดอกมันเยอะกว่าต้น 3 ปีใช้มา10 ล้านนี่ก็หืดขึ้นคอมาก คนบอกว่าทำไมเราถึงได้ไปสร้างหนี้สร้างสินมากมาย เราเอาเงินไปลงทุนเรื่องอสังหาริมทรัพย์ แต่มันเกิดการผิดพลาด เราก็ขาดทุน ก็ไม่รู้จะทำยังไงเราก็ต้องขายขาดทุนทิ้งไปและเราก็ต้องรับผิดชอบเงินที่เรากู้ธนาคารมา เมื่อขามีอัตราดอกเบี้ย เราก็ต้องจ่ายไปตามสัญญาเขา ไม่งั้นเราจะเสียเครดิต บางคนไม่เข้าใจก็จะว่าเราฟุ่มเฟือยไม่รู้จักประหยัด ไม่รู้จักลดภาระนั่นนี่ จริงๆ ไม่ใช่เลย หลักคือเราป่วยด้วย ทำให้เราทำงานได้น้อย มันไม่พอเพียงกับรายจ่าย ตอนนี้เลยต้องออมาประกาศขายเพื่อเอาเงินมาโปะเพื่อตัวเองไม่ให้มีหนี้ แล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่ เก็บเงินใหม่เรื่องที่อยู่อาศัยค่อยว่ากัน ไม่ซีเรียส การไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งมันสนุกกว่าการมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งอีก เราเบื่อตรงนี่เราย้ายไปอยู่ตรงไหนก็ได้”

\'แวร์ โซว\' จูงมือลูกฝ่ามรสุมชีวิต หนี้ท่วมหัว


เรียกว่าครั้งนี้ที่สุดแล้วจึงโพสต์ของาน?

   “ตอนนี้ที่มีมันเหลืออีกนิด(ลากเสียงยาว)เดียว เราจะไม่รอจนมันหมดไม่เหลืออะไรเลย แล้วมาบอก ที่ผ่านมาเราก็โพสต์ของงานมาตลอดเนื่องจากที่ผ่านมาเราไม่หายดี เราก็เข้าใจว่าผู้จัดก็คิดว่าเรายังไม่หายดีอยากให้เรารักศาตัวให้ดีก่อนแต่ล่าสุดที่ไปหาคุณหมอเช็คมาครั้งล่าสุดทุกอย่างโอเค หัวเราะกันลั่นห้องตรงจ เรามั่นใจว่าเราหายดีแล้ว เรายิ้มแย้ม เป็นมิตรกับคนมากขึ้น เราไม่เก็บเนื้อเก็บตัว ตอนที่เราป่วยเรากลัวคน บางคนพูดว่าเป็นโรคซึมเศร้าไม่อายหรอ ออกมาพูดเรียกร้องความสนใจจากสังคม ป่วยจริงหรือเปล่า เราบอกเลยว่าเราป่วยจริง มาบอกให้รู้ว่าที่ผ่านมาที่เราอาจจะทำอะไรหรือมีพฤติกรรมอะไรที่มันแปลกๆ ที่เราทำไปเพราะเราป่วย ซึ่งอาการแปลกๆของเราบางทีเราก็ไม่รู้ตัวมาก่อน เราไปทำอะไรไม่เหมาะสมกับคนอื่นไว้มากมายแต่ตอนนี้มันดีขึ้นแล้ว ก็เลยขอโทษทุกคนด้วย”
เสียดายไหมที่ก่อนหน้านี้เราเคยมีทุกอย่าง?
   “ถามว่าท้อมั้ยไม่เสียดาย บอกว่าไม่เลยเพราะเมื่อก่อนไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างที่เรามีวันนี้ เราเคยมีคอนโดหลังแรก คอนโดหลังที่สอง มีรถ6 คน ผ่านมาใช้ไปตามอายุแล้วซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ซึ่งคนดีเกิดมา เราก็ไปซื้อบ้านเพราะเรามีลูก คนดีเกิดมาเขาไม่เคยไม่มีอะไรเลย แต่วันนี้เขากำลังจะได้ลิ้มรสชาติการไม่ดีอะไรเลย ซึ่งเรามองว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ”

\'แวร์ โซว\' จูงมือลูกฝ่ามรสุมชีวิต หนี้ท่วมหัว
 

สองคนแม่ลูกก็จับมือฝ่ามรสุมมาด้วยกัน?
   “เราคุยกัน ปรึกษากันทุกเรื่อง เราไม่ยึดติดในวัตถุอะไร คนถามเราไม่มีงานเราอยู่ได้ยังไง เราไม่เล่นการพนัน ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่เล่นหวย เราประหยัด กินอยู่อย่างพอเพียง มีน้อยใช้น้อย ไม่ฟุ้งเฟ้อ เราซื้อรองเท้าคู่ละ200บาท ซื้อกางเกงยีนส์ตัวละ100บาท เราอยู่อย่างประหยัด สำหรับคนดี จากที่เกิดมาเคยมีบ้านอยู่ มีทุกๆอย่าง ตอนนี้คนดีต้องมาอยู่ในสภาพที่เช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่ ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว คนดีรู้สึกยังไงบ้างค่ะ(หันไปถามลูก)”
   น้องคนดี กล่าวเสริมว่า “สำหรับคนอื่นๆเราไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง ตัวเราความที่คุณแม่สอนมาให้มองทุกอย่างในชีวิตให้มันเป็นประสบการณ์ของเรามาเป็นบทเรียน ในบางทีการที่เราเกิดมามีอะไรทุกอย่างพอเราไม่มีบ้าง มันก็เป็นประสบการณ์ที่น่าสนุก สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่ามันลำบาก มันเรามันมีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เราน่าจะฟันฝ่ามันไปด้วยกัน มันเป็นอะไรที่ท้าทาย (สะเทือนใจบ้างไหม?) ความที่แม่สอนเรามาตั้งแต่เด็กให้ยอมรับความเป็นจริงของชีวิต เราเลยไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสะเทือนใจหรือน่าอายอะไร บางทีเราไม่มีอะไรเลย มันไม่ได้หมายความก่อนหน้านี้เราไม่เคยมี บางทีเราอาจจะมีทุกอย่างมาหมดแล้ว แล้วมันไม่ได้ดีไปหมด ไม่มีก็ได้ มีแล้วไม่ดีอย่ามีดีกว่า เราก็พยายามปรับตัวไปพร้อมกับคุณแม่ มันไม่จำว่าเราจะต้องไปอายหรือไปนั่งวิตกกังวลกับกระแสต่างๆ เพื่อนจะล้อมั้ย ส่วนใหญ่เรามีอะไรก็จะเล่าให้เพื่อนฟังเขาก็จะเข้าใจ ยอมรับเรา ไม่ต้องมานั่งเคว้ง ว่าเราต้องหรูไว้ก่อน รวยไว้ก่อน ต้องทำตัวเหมือนสบายดีไว้ก่อน”
   แวร์ โซว เสริมต่อ “ถ้าไม่มีเราก็ต้องสอนให้เขาไม่มี ต้องสอนให้เขาประหยัด ถ้าเราอยากจะมีกินมีใช้เราต้องขยันทำงาน คือถ้าเขาเข้าใจว่าอะไรก็ตามที่เรามีแล้วมันเป็นทุกข์ มันไม่ดี เราก็เลือกที่จะไม่มีดีกว่า เพื่อที่จะเอาทุกข์ออกไปจากตัวเรา เราไม่มีพวกนั้นแล้วเรามีความสุขมากกว่า เราเลือกที่จะมีความทุกข์ให้น้อยที่สุดดีกว่า”
ตั้งรับอย่างไรกับกระแสต่างๆที่ออกมาที่บางครั้งมันอาจจะไปกระทบลูก?
   “เรากำลังจะบอกว่าการที่เราออกมาหางานทำบางคนบอกว่าไม่กลัวลูกอาย ไม่กลัวลูกโดนล้อหรอ เราก็อยากจะถามกลับว่าแล้ว แล้วเรายังไฮโซหรูหราฟู่ฟ่า เรามีบ้านอยู่แต่เรามีหนี้สินล้นตัวต้องไปกู้หนี้นอกระบบ มีคนมาทวงเช้าทวงเย็น ต้องหลบๆซ้อนๆอยู่เรามีความสุขหรอ แล้วลูกจะใช้ชีวิตมีความสุขหรอ ลูกกับแม่ต้องพากันหนีหัวซุกหัวซุนเพราะไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ กับโดนเพื่อนล้ออันไหนน่ากลัวกว่ากัน ฉะนั้นค่านิยมในการสอนว่าการที่เราไม่มีเงิน เราออกมาลุกขึ้นสู่แล้วเป็นเรื่องน่าอาย มันไม่ใช่ ในเมื่อเราเคยมี แล้ววันนึงเราไม่มี เราต้องยอมรับให้ได้ ที่สำคัญเราอย่าไปแบมือขอใคร เราต้องหาทางทำงาน เราออกมาของานเราไม่ได้ออกมาขอเงิน เราไม่ได้บอกว่าทุกคนค่ะ ช่วยมาบริจาคให้เราคนละ10บาท นะคะ 2 หมื่นกว่าไลค์ ป่านี้เราได้เท่าไหร่ไปแล้ว เราของานแลกกับเงินเพื่อจะมาใช้จ่ายดูแลแม่ เลี้ยงดูลูก เลี้ยงดูตัวเอง เรายอมไม่มีคอนโด ยอมไม่มีที่อยู่ เพื่อจะเอาไปปิดหนี้แบงค์ถามว่ามันน่าอายตรงไหน ไปขอใครมันไม่น่าภาคภูมิใจ เราใช้คติที่ว่าด้านได้อายอด กลัวไม่มีจะใช้หนี้เขามากกว่า”
คอนโดที่ประกาศขายมีคนสนใจไหม?
 “มีคนสนใจเยอะมาก ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการติดต่อว่าเขาสนใจมากน้อยขนาดไหนอยู่ เราไม่บังคับนะ เอาที่เขาชอบ เราเชื่อว่าสถานที่บางอย่างเขามีเจ้าของของเขาอยู่ ถ้าเขาเป็นของเราเราได้อยู่ตั้งนานแล้ว นี่ซื้อมา10ปี ได้อยู่แค่4-5ปี อยู่ไม่ได้ อยู่แล้วไม่มีความสุข เขารอเจ้าของตัวจริงเขาอยู่ให้มาพบเจอกัน”
มีงานเข้ามาบ้างหรือยัง?
   “มันคงยังไม่เร็วขนาดนั้น มันอยู่ที่การวางตัว ความเหมาะสม ตอนนี้ก็มีถ่ายละครอยู่ค่ะ กำลังจะมีงานรับเชิญ มีกำลังจะออกรายการ ตอนนี้เราหายดีแล้ว สติเรามีแล้ว เราพร้อมรับงานทุกอย่างค่ะ ถ้าดูสภาพแม่ไม่ไหวแล้วก็เรียกลูกไปได้ค่ะ”

\'แวร์ โซว\' จูงมือลูกฝ่ามรสุมชีวิต หนี้ท่วมหัว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ