
โลกดีดีของพระเอกร้อยล้าน 'นาย-ณภัทร'
"นาย" ณภัทร เสียงสมบุญ ขึ้นแท่นพระเอกร้อยล้านคนล่าสุด หลังภาพยนตร์เรื่อง "Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน" ทำลายทะยานอย่างรวดเร็ว
ทีมบันเทิง คมชัดลึก - ขึ้นแท่นพระเอกร้อยล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “นาย” ณภัทร เสียงสมบุญ จากภาพยนตร์เรื่อง “Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน” ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากค่าย “จีดีเอช” ซึ่ง “นาย” ณภัทร ประกบ “ใบเฟิร์น” พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ซึ่งกระแสความแรงของภาพยนตร์ทำให้พระเอกหนุ่มเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก “บันเทิง คมชัดลึก” จึงคว้าตัวหนุ่มนายมาพูดคุยให้สมกับความฮอตในเวลานี้กันหน่อย
@@ การกลับมาบนจอภาพยนตร์
กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับ “จีดีเอช” เป็นยังไงบ้าง
"ผมเคยร่วมงานกับจีดีเอชเรื่องหนึ่ง “พรจากฟ้า” แล้วก็ทำงานกับ หับโห้หิ้น เยอะมาก แล้วกับพี่หมู ผู้กำกับ เคยร่วมงานกัน 2 งานใหญ่ ๆ พรจากฟ้า ตอนยามเย็น แล้วก็โฆษณาการท่องเที่ยวไทยซึ่งพี่หมูเขียนบทเองหมดเลย แล้วพอรู้ว่าพี่หมูจะทำหนังก็ตื่นเต้นแล้วเพราะว่าพี่เขาเป็นคนละเอียด และเป็นคนมีเสน่ห์ในการใช้ชีวิต วิธีการพูด การกินข้าวของเขามัน... (มันขนาดนั้นเลยเหรอ) จริงๆ ต้องอยู่กับเขา เขาจะมีมุมน่ารัก ๆ ของเขาที่ผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ โดยเฉพาะตัวของเขา แล้วหนังทุกเรื่องของพี่หมูก็จะออกมาเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว เขาจะมีภาพในหัวของเขา แค่รู้ว่าเป็นพี่หมูผมก็อยากแหละ เขาตลกอ่ะ ชอบ พอได้มาแคสก็ตื่นเต้นมาก บทที่แคสตอนแรกอ่านไป 3 ตอนแล้วมีความรู้สึกว่ามันน่ารักมาก คือบทมันน่ารักจริง ๆ ผมเลยรู้สึกว่าบทเรื่องนี้ต้องเป็นของเรา ท่องไว้ว่าต้องเป็นของเรา พอระหว่างแคสก็แบบตื่นเต้น พอรู้ว่าก็ได้เฮ แฮปปี้ แฮปปี้ที่จะได้กลับมาร่วมงานกับจีดีเอช"
ในเรื่องแสดงกับ “ใบเฟิร์น”พิมพ์ชนก มันทำให้การแสดงของเราง่ายขึ้นด้วยรึเปล่า
"ตอนแรกที่แคสไม่รู้ว่านางเอกเป็นใคร พอเขามาบอกว่าเป็นใบเฟิร์นก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เพราะว่าเหมือนตอนที่เราก็ติดตามผลงานเขา ทั้งภาพยนตร์ ทั้งละคร แล้วพอมาเจอก็น่ารักมากตัวจริง เป็นนักแสดงคุณภาพที่เก่งแล้วก็วินัยดีสุดๆ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นคู่แสดง เป็นคู่คิดที่ดีมากเลย เวลาคุยก็สบายใจ เวลาแสดงมันก็สบายใจ เป็นคนที่คุยได้ทุกเรื่องแล้วก็น่ารัก เป็นคนอัธยาศัยดี แล้วกองนี้มันน่ารักมากเลย ผู้กำกับ ทีมงาน ทีมทุกอย่างมันน่ารักหมดเลย"
ดูนายแฮปปี้กับการทำงานครั้งนี้มาก
"แฮปปี้ ผมมีความสุขทุกวันที่จะตื่นไปทำงาน ไม่มีวันไหนที่รู้สึกขี้เกียจเลยแล้วก็เหมือนไปเข้าค่าย เพราะเราบินไปถ่ายต่างประเทศเยอะมาก ตอนที่ถ่ายจบแล้วรู้สึกเหมือนอกหักเลยที่ไม่ได้ไปกองถ่ายแล้ว ไม่ได้เป็นตัวละครนี้แล้ว ตอนไปกองสนุก กองนี้น่ารัก เหมือนเราไปเที่ยวที่ไหนแล้วไม่อยากกลับ ผมถ่ายประมาณ 28 คิวก็คิดเป็น 28 วัน แต่ว่าบินไปถ่ายต่างประเทศนานมาก ไป 3 ประเทศ มีฮ่องกง พม่า และมาเลเซีย อย่างฮ่องกงก็ไป 4-5 วัน แต่ว่าถ่ายกันข้ามคืนเลยนะ 5 โมงถึง 6 โมงเช้า แต่สนุกมากเพราะเราได้เห็นเสน่ห์ของฮ่องกงที่คนอื่นไม่ได้เห็นข้ามคืน มีอีกประเทศหนึ่งที่ประทับใจไป คือที่ชเวดากอง เมียนมา ซึ่งปกติโอกาสในการถ่ายแทบจะศูนย์เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นความโชคดีอะไรซักอย่างที่เขายอมให้เราเข้าไปถ่าย บรรยากาศมันสวยมาก"
บทนี้มีความเป็นตัวนายมากแค่ไหน ดูเหมือนนายจะต้องพูดคำหยาบด้วย
"อยู่กับเพื่อน ผมก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่แบบพูดอะไรก็เป็นปกติ แต่เวลาอยู่ข้างนอกผมก็ให้เกียรติคนที่เจอ ให้เกียรติสถานที่ บทในหนังเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ตัวผมทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ คือตัวผมจะนิ่งมากในชีวิตจริง ตัวปาล์มจะอยู่ประมาณนี้ (ทำมือสูงๆ) แล้วพอมาเล่นก็มาเจอกันตรงกลาง ก็กลับกลายเป็นว่าเป็นคนที่สนุกขึ้น เป็นคนร่าเริงขึ้น ขี้เล่นขี้แกล้งเยอะมาก แต่ผมจะเป็นยังเงี้ยฮะเวลาเล่นหนังหรือเล่นละครอะไรจะติดคาแรกเตอร์เข้ามาในชีวิตจริง เพราะเหมือนเราไปอยู่กับตัวละครนั้น เราศึกษา เราเป็นตัวละครนั้น แต่ผมชอบนะเพราะมันอารมณ์ดี (หัวเราะ)"
ถ้าให้พูดถึงความเจ็บปวดของ “เฟรนด์โซน” มันคืออะไร
"มันเป็นความรู้สึกของคนที่มันอธิบายยากมาก ว่าแต่ละคนตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไหน จากที่ผมฟังมาบางคนก็แบบอัดอั้นมาก บางคนก็แบบอยากพูดมาก บางคนก็แบบเศร้ามาก แต่ละคนจะเจอสถานการณ์เฟรนด์โซนไม่เหมือนกัน แต่ในเรื่องมาจากพี่หมูน่ะแหละ ผู้กำกับ (หัวเราะ) ในเรื่องผมเป็นสจ๊วต แล้วในชีวิตจริงพี่หมูก็เป็นสจ๊วตเก่ามาก่อน ก็คือตัวตนของเขาน่ะแหละ (นายแอบกระซิบ) หนังพี่หมูจะมีเสน่ห์ตรงที่เขาเขียนให้ตัวละครทุกตัวมันมีความเสรีหมดเลย แล้วความเสรีนี่แหละมันทำให้คนขำได้และเอาใจช่วย"
เรื่องนี้ได้รับคำชมในเรื่องของการแสดงที่เติบโตมากขึ้น
"โตมากขึ้นเลย คือทุกเรื่องผมก็จะคิดว่าผมไม่เก่งตลอดเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง (หัวเราะ) ในแต่ละเรื่องผมก็จะเห็นว่าผมมีข้อผิดพลาดอะไรบ้างแล้วก็จะกลับมาทบทวนตลอด อย่างเรื่อง “พรจากฟ้า” มาเรื่องเนี้ยก็มีบางอย่างที่ผมคิดว่า เฮ้ย เราทำได้แล้ว มันจะมีข้อผิดพลาดในทุกอย่างตอนไปทำงาน ผมก็จะกลับมาทบทวนแล้วแก้ไขให้ได้ พอแก้ไขได้มันก็จะสนุกและสะใจตัวเอง แต่ว่าเรื่องนี้มีสิ่งที่แก้ไขได้แล้วก็เจอสิ่งที่ต้องแก้ไขเต็มไปหมดแล้ว
เรื่องนี้โชคดีที่เวิร์คชอปกันเยอะมาก เวิร์คชอปกันแบบ 20-30 ครั้งเลย มันก็เลยทำให้พี่หมูได้เห็นตัวตนผม ได้รู้จักใบเฟิร์นด้วย พี่หมูเป็นคนที่มีภาพอยู่ในหัวแล้วอธิบายสื่อสารกับนักแสดงได้เคลียร์มาก แล้วก็เปิดรับฟังพวกผม โชคดีมากเลย พวกผมขายนู่นขายนี่ พี่หมูจะฟัง ๆ เอา ๆ ชอบ ๆ แสดง ๆ คือบทพี่หมูจะไม่ตายตัว สามารถให้ทำอะไรแปลก ๆ ได้"
ก่อนหน้านี้เคยถูกสบประมาทในเรื่องการแสดงว่าแข็งมาก
"ก็...แข็งจริง ก็ไม่รู้สึกอะไรไม่ได้รู้สึกเครียดหรืออะไรฮะ แต่ว่าเราเข้าใจว่าไม่มีใครมาแล้วเก่งเลย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มจากศูนย์แล้วไม่ได้เก่ง แต่ว่าผมมีความอยากแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วทำให้ดีขึ้น ผมเชื่อว่าไม่มีใครเพอร์เฟคท์เลย ผมยินดีรับฟังทุกคำวิจารณ์ ทุกอย่างมันคือการเรียนรู้ เล่นละครเรื่องแรกโชคดีที่ได้ป้าแจ๋ว ได้คนในกองช่วย พอเรื่องต่อมาเราก็ตั้งใจทำให้ดีขึ้นให้ได้ อย่างหนังเรื่องนี้ผมก็ตั้งใจพัฒนาจากเรื่องที่แล้วต้องรอดูกัน"
คาดหวังแค่ไหนกับดรื่องนี้ คนดูก็คาดหวัง รู้สึกกดดันไหม
"ตอนนี้ไม่กดดัน ไม่กดดันอะไรเลย เวลาทำงานทุกคนใส่เต็มแม็กซ์เลย ผมจะไม่เสียใจเลยถ้ามันเกิดข้อผิดพลาดอะไรออกมาเพราะผมรู้สึกว่าทำเต็มที่แล้ว สิ่งที่เราทำก็คือรับฟังคำวิจารณ์ ฟังความคิดเห็นแล้วเอามาปรับปรุงพัฒนา แต่ว่าคาดหวังอยากให้คนไปดูภาพยนตร์ไทยเยอะ ๆ มันเป็นหนังที่น่ารักน่ะฮะ น่ารักจริง ๆทุกคนใส่ความรักลงไป เราอยากให้ทุกคนเข้ามาในโรงแล้วขำเยอะ ๆ น่าจะเป็นอะไรที่แฮปปี้ ตอนนี้เรียนจบแล้ว ก็เอาทุกอย่างให้พอดี แต่เวลารับงานก็เต็มที่"
@@ ชีวิตในวันนี้ของผู้ชายชื่อ “นาย-ณภัทร”
หลักการใช้ชีวิต การวางตัวในวงการของนายเป็นยังไง
"เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติของผมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา แม่ผมจะสอนให้อยู่ในศีล 5 แล้วก็เวลาไปไหนก็ยิ้มแย้ม ทักทายทุกคนแล้วก็พูดความจริง ความจริงเป็นสิ่งดีที่สุด ทุกอย่างทำด้วยเหตุผล มาอยู่ตรงเนี้ยผมก็เห็นคุณแม่ผมว่าวินัยสำคัญมาก แม่ผมทำงานมา 30 ปี ผมเห็นตลอดเลย แล้วพอมาทำงานเอง เรื่องวินัยก็สำคัญเพราะว่าเราไม่ได้ทำงานคนเดียวทุกครั้งที่ไปออกงานมีคนอื่นที่เตรียมงานสำหรับเรามาเป็นเดือนเป็นปี เพราะฉะนั้นเราก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องวินัยมาก"
ชอบทำงานเพื่อสังคมบ่อย ๆ ตั้งเป้าเอาไว้เลยรึเปล่า
"ตั้งเป้าเอาไว้ว่าปีหนึ่งจะทำให้ได้อย่างน้อยครั้งนึง เพราะผมไม่อยากทิ้งสิ่งที่เรียนมา ก็คือเอางานดีไซน์ที่เรียนมาเนี่ยมาทำ ได้สนุกด้วยแล้วได้ต่อยอดโอกาสให้กับน้อง ๆ ด้วย ตั้งเป้าเอาไว้ปีละครั้ง ตอนโปรเจคท์ปฏิทินที่ผ่านมาผมก็ทำตั้ง 8 เดือนแน่ะ เวลาถ่ายหนังเสร็จ ทำงานเสร็จ เวลาว่างก็นั่งทำ นั่งคิด นั่งทำเองทุกขั้นตอน ผมรู้สึกแฮปปี้กับตรงนี้ครับ ตอนเด็กผมเป็นคนที่ได้โอกาสมาเยอะมาก ผู้ใหญ่ช่วยนู่นช่วยนี่ ได้โรงเรียนช่วยเรื่องการศึกษาแล้วพอโตมาเราทำงานได้ เราอยากเป็นผู้ให้บ้าง มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำแล้วมีความสุข ไม่ต้องเอาเงินไปซื้อของอะไรเงี้ย แต่ว่าเราต่อยอดให้กับเด็ก ๆ เหมือนตอนเด็กที่เราขาดโอกาส เราเข้าใจความรู้สึกเด็กเวลาอยากทำอะไร อยากเรียน แต่บางครั้งมันขาดโอกาส"
นายเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผู้ชายที่สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน
"ไม่ทุกวันแล้ว เดี๋ยวนี้ ตอนก่อนเข้ามหาลัยสวดทุกวัน หลายเดือนเลย เราตั้งใจ เราลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาสอบเข้ามหาลัย แล้วเหมือนแบบมันคิดมาก เครียด เลยสวดมนต์อธิษฐานขอให้เข้าได้แล้วก็ได้เข้า แต่หลัง ๆ ว่างก็สวด ปีใหม่ทุกปีจะสวดมนต์อยู่บ้านกับคุณแม่ สวดมนต์ข้ามปีอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ แต่ยังไม่มีคิว มีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมเลย ผมจะยึดศีล 5 กับกฎไตรลักษณ์มาเป็นแผนที่ชีวิต ศีล 5 ข้อมันเป็นเหมือนภูมิคุ้มกันจริ งๆ นะฮะ ถ้าเราไม่ทำผิดศีลผมรู้สึกว่าความทุกข์ในชีวิตมันจะไม่เกิดขึ้นเท่าไร อย่างเช่นเอาง่าย ๆ เลยดื่มเหล้า สุราเมรยะ ข้อ 5 เนี่ย ถ้าดื่มไปมันก็ทำให้ขาดสติ หรืออาจไปทำใครตายได้ หรือทำให้เราเกิดความทุกข์ การผิดศีลข้อนึงมันก็ทำให้ชีวิตมีความทุกข์ ก็พยายามอยู่ในนี้ แล้วกฎไตรลักษณ์ก็เป็นธรรมชาติชีวิตมนุษย์เรา อนิจจา ทุกขัง อนัตตา ถ้าเข้าใจแล้วยอมรับมันได้ ชีวิตก็สบายขึ้นเยอะจริงๆ"
ในวงการบันเทิงที่สิ่งยั่วยวนมันเยอะ มันยากไหม
"ไม่ยาก ไม่ยากเลย (ย้ำหลายรอบ) มันไม่มีอะไรยากถ้าเราตั้งใจ แต่ว่าศีล 5 ข้อ บางข้อผมไม่ได้แปลตรงตัวนะ อย่างข้อมุสา ผมจะพูดว่าไม่พูดจาส่อเสียดให้ร้ายคนอื่น เพราะผมรู้สึกว่าบางครั้งการโกหกเพื่อให้คนสบายใจมันไม่ผิดเท่าไร ก็ผิดแหละ แต่ไม่รุนแรง หรือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผมก็จะบอกว่าไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต สุรา ผมจะแปลเป็นอีกแบบหนึ่งซะมากกว่า แต่มันทำได้ อย่างเหล้าบางครั้งผมจำเป็นก็ต้องดื่ม แต่เราบอกตัวเองว่าดื่มเพื่อเป็นพิธีรีตอง ไม่ได้จะให้เมา เรารู้ลิมิตของเรา"
@@ เรื่องความรักที่วันนี้ยังมาไม่ถึง
ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าเรียนจบแล้วมีแฟนได้ แปลว่าก่อนหน้านี้ คุณแม่ห้ามเรื่องผู้หญิง
"คุณแม่ไม่เคยห้าม แต่ผมสัญญากับเขาเพื่อให้เขาสบายใจ เพราะว่าผมเป็นคนที่หน้าที่ต้องมาก่อนเสมอในหัวผมจะเป็นคนบ้างานมากจะทำแต่งานๆๆ ท่านก็เข้าใจว่าเรื่องคู่เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์เขาไม่ได้ห้ามไม่ได้อะไร เขาก็มองว่าความรักเป็นสิ่งที่ดี แต่ทุกช่วงก็ต้องดูวัยที่เหมาะสมด้วย ตอนมหาลัยผมก็มีแต่งาน เราทำแต่งานจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องของความรัก"
ตอนนี้มีสาวเข้ามาบ้างไหม
"ก็มีนะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนคุยเป็นอะไรมากกว่า ผมก็ไม่ได้เป็นคนหยิ่งอะไร เวลาเจอใครผมก็ทักทายยิ้มแย้มเป็นปกติ แต่ผมไม่ได้ติดโซเชียล ดังนั้นตอบไลน์ตอบอะไรผมจะตอบช้ามาก ผมแทบไม่เล่นโซเชียลเลย"
สเปกสาวๆ เป็นอย่างไร
"ผมชอบคนอารมณ์ดี เป็นผู้หญิงตลกๆ หน่อย เราทำงานเราก็เหนื่อยอยู่แล้วมีเวลาว่างก็อยากอยู่กับคนที่สบายใจผมชอบคนที่มีเหตุผล และรับฟังอะไรเข้าใจ ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตาแบบไหนไม่เคยมีสเปกเลย (ต้องให้แม่สกรีนก่อนไหม) ไม่ๆๆ ต้องให้ผมสกรีนสิ แต่แม่ก็ไว้ใจผมแหละ ครอบครัวเราก็มีแค่นี้คนที่เข้ามาเขาต้องรักเราดูแลครอบครัวเราได้ด้วย ส่วนจะมีเมื่อไหร่นั้น ก็ไม่เคยคิดเลยก็ขอปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติดีกว่า"
ผู้ชายอย่าง “นาย” ณภัทร ที่สาวๆ ควรมีไว้ครอบครอง อุ๊บส์!!
เรื่อง เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล
ภาพ อนันต์ จันทรสูตร