เปิดใจ 'ต่อง-สาวิตรี' ถึงผู้เป็นพ่อ | คมชัดลึก

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - โลดแล่นอยู่ในวงการมานานพอสมควร สำหรับ นักแสดงมากฝีมือ อย่าง "ต่อง" สาวิตรี ที่ล่าสุดเจ้าตัวมาเปิดใจเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ จนถึงตอนนี้ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีหนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร 
 

    ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์นักแสดงรุ่นใหญ่เปิดใจถึงคุณพ่อที่ไม่เห็นด้วยที่มาเป็นนักแสดง
    "คือฐานะทางบ้านไม่ดี แต่คุณพ่อให้ลูกๆ เรียนโรงเรียนคอนแวนต์หมดเลย ค่าเทอมมันสูง ตอนเด็กๆ จนประมาณอายุ 12-13 ปี คุณแม่ทำงานแม่บ้านฝรั่ง พอฝรั่งกลับประเทศเราก็ต้องหาที่เช่าบ้านใหม่ คุณแม่ก็เลยมาช่วยป้าขายของได้วันละ 50 บาท วันพฤหัสบดีเราไปช่วยล้างจานพี่ได้วันละ 15 บาท แอบเอาเงินป้าตลอด เพราะรู้สึกว่าป้าให้เงินแม่น้อยไป แล้วตอนเอาเงินป้าเราก็ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะเราเอาไปให้แม่"

 

 

    พอเข้าวงการบันเทิง แต่พ่อแม่ไม่สนับสนุน
    "พ่อไม่ชอบเลย เขาเรียกเต้นกินรำกิน คือเราเริ่มจากการถ่ายโฆษณาก่อนแล้วค่อยมาเล่นหนัง เล่นละคร คือพ่อไม่ชอบ แต่ด้วยเงื่อนไขในการดำรงชีพมันไม่ได้ พอพ่อเลิกทำงานตอนนั้นอายุ 60 กว่า แม่เป็นแม่ค้า มันไม่พอ จังหวะดีตอนนั้นเราถ่ายโฆษณาได้ 10 บาทให้แม่ 5 บาท พอมาเล่นหนังแรกๆ ให้แม่ครึ่งหนึ่ง มันคือเหตุผลที่ทำให้พ่อไม่ปฏิเสธในการเข้าวงการ"

 

 

 

 

 

    เห็นบอกว่าคุณแม่มีดูละครบ้าง แต่พอไม่ดูเลยจนวินาทีสุดท้ายของเขา
    "คือพ่อไม่ชอบดูละครอยู่แล้ว จริงๆ ตอนคุณพ่อเสีย คุณหมอที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าพ่อเสีย เราสติแตก รับไม่ได้ เพราะนั่นคือการสูญเสียพ่อ พอแม่เสียเราก็ช็อกอีก คือไม่รู้ว่ารักเขาแค่ไหน คือพอเราเป็นเด็กแบบนี้ รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยรัก เราก็ชอบเข้าไปกอด ช่วงท้ายๆ ก็จะปิดเรื่องพ่อเป็นมะเร็งใครจะร้องไห้ออกไปข้างนอก ก็จะถามพ่อว่ารักติ่งต่องไหม ในที่สุดพ่อก็บอกว่ารัก แต่แม่ไม่เคยพูดเลย พี่ก็ถามทุกวัน วันนั้นแม่บอกกับน้องว่าติ่งต้องยังไม่มาหรอ คิดถึง พอเราไปถึงก็ถามว่ารักติ่งต่องมั้ย เป็นครั้งเดียวและครั้งแรกในชีวิตก่อนเขาจะเสีย เขาบอกว่ารัก" 

 

 

 

    สมมุติว่ามีโอกาสได้พูดกับคุณพ่ออีกครั้งจะยอกว่าอะไร?
    "พ่อจะหวงตลอด เพราะเราเป็นคนเดียวที่ไม่มีครอบครัว พ่อกลัวตอนแก่ๆ จะไม่มีใครดูแล ถ้าพ่อได้ยินจะบอกว่า พ่อไม่ต้องห่วง แม้จะไม่มีครอบครัว แต่สัญญาจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างรอบครอบ จะเก็บตังเยอะๆ แม้ไม่มีคนดูแลเราจะจ้างคนดูแลก็ได้"