
4 โปรดิวเซอร์ ประชันความเจ๋งใน 'สงครามทำเพลง'
4 โปรดิวเซอร์มือทองต่างค่าย "สงกรานต์-บอย-โซ่-วุฒิ" ประชันความเจ๋งในรายการ "สงครามทำเพลง"
บันเทิง คมชัดลึก - เรียกว่าเป็นรายการที่รวมสุดยอดโปรดิวเซอร์ทั่วฟ้าเมืองไทยมาทำรายการวาไรตี้ร่วมกันใน “Melody to Masterpiece สงครามทำเพลง” รายการของคนดนตรี ที่มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพันธ์ โดยรายการนี้ได้โปรดิวเซอร์ 4 ทีม จาก 4 ค่ายใหญ่อย่าง เลิฟอีส (Love is) สไปร์ซี่ดิส (Spicy Disc) ไอแอม (I am) และ มิวสิกมูฟ (Muzik Move) เจ้าของเพลงฮิตมากมาย ที่ยกขบวนกันมาผลิตผลงานเพลงระดับมาสเตอร์พีซ ด้วยโจทย์การแข่งขันจากชีวิตจริงของแขกรับเชิญสุดพิเศษ (The melody) ตัวแทนแรงบันดาลใจในแต่ละสัปดาห์ โดยมีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับเลืิอกให้สร้างสรรค์ผลงานทางดนตรี ซึ่งนำมาสู่เรื่องราว Battle เพื่อแย่งชิงอาวุธทางดนตรีที่มีอยู่อย่างจำกัด และสุดท้ายจะมีเพียงแค่ 1 บทเพลงที่เจ้าของเรื่องราวจะเลือกให้เป็น บทเพลง “Masterpiece” ประจำสัปดาห์
โดย สงกรานต์ เดอะวอย์ส รังสรรค์ ปัญญาเรือน ตัวแทนค่าย มิวสิกมูฟ "วุฒิ“ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ ตัวแทนจากค่าย เลิฟอีส ”บอย" ตรัย ภูมิรัตน และ โซ่ ECT ตัวแทนค่ายไอแอม ได้มาพูดคุยกับ “บันเทิง คมชัดลึก” ถึงรายการนี้ว่า
สงกรานต์ : “คือเราก็ไม่รู้ว่าเขาเชิญใครบ้างก็มาเจอกันในรายการ ผมคิดว่าเขาน่าจะคัดเลือกผู้ร่วมรายการมาจากค่ายเพลงที่เขาคิดว่า ถ้ามาห้ำหั่นกันมันน่าจะสนุกสนานมากกว่า พอทางค่ายส่งมาเราไม่รู้หรอกว่าเราจะต้องเจอใคร แต่ทุกคนก็จะมีความสนิทสนมกันประมาณหนึ่งคือเราก็จะรู้จักกันอยู่แล้ว เคยฟังผลงาน ผมมองว่ามันไม่ใช่การรวมตัวนะ แต่มันคือค่ายใครค่ายมัน ที่ต้องมาแต่งเพลงแข่งกัน”
@ ทำไมมาทำโปรเจคนี้มันมีอะไรดึงดูด
บอย - จริงๆ ก่อนหน้านี้เคยมีคนชวนมาทำรายการวาไรตี้ลักษณะนี้มาก่อน แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ตรงกับที่เราเป็น เพราะเราเป็นโปรดิวเซอร์ เป็นนักดนตรี และรายการนี้เป็นรายการแรก ที่เราได้ใช้ศักยภาพของตัวเราในฐานะโปรดิวเซอร์ กับกระบวนการผลิตเพลง 1 เพลงขึ้นมา รวมถึงการดูแลศิลปิน การคุมร้อง การแต่งเพลง เลือกเพลง ผมรู้สึกว่ามันเป็นรายการรูปแบบใหม่ที่คนดู ไม่เคยเห็นและมันก็เอนเตอร์เทนด้วย
วุฒิ - จริงๆ ผมทำรายการเพลงเป็นหลัก ดังนั้นงานศิลปินจะมีน้อยกว่ารายการทีวี แต่งานที่เราทำคือการเอาเพลงเก่ามาออเร้นท์ใหม่ มาคอฟเวอร์ ซึ่งทำให้เราโหยหาที่จะสร้างเพลงใหม่ๆ ออกมา ซึ่งปัจจุบัน คนที่จะสร้างเพลงใหม่ๆ นั้นมีน้อยเนื่องด้วยระบบธุรกิจมันทำให้ผลิตเพลงใหม่ๆ ออกมาได้น้อย พอมีรายการที่เราได้ทำแบบนี้ เราก็เลยกระโจนเข้ามาแล้วบอกว่าพร้อมที่จะทำ จะแพ้จะชนะเราไม่รู้แต่เราได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา
@ คิดว่าจุดประสงค์ของรายการคืออะไร
วุฒิ- สำหรับผมคิดว่ารายการอยากส่งต่อเพลงให้กับคนฟัง เพราะว่าเพลงทุกเพลงที่เราแต่งมาจากไอคอนจริงๆ ซึ่งแต่ละไอคอน เขาก็ผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย ดังนั้นเพลงที่เราทำออกมา แต่งออกมาอย่างน้อยๆ ก็น่าจะส่งต่อกำลังใจ ส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนฟังได้
บอย -ผมคิดว่าเรื่องเพลงทุกคนจะต้องเคยฟังกันมา ช่วงหนึ่งในชีวิตทุกคนจะมีบทเพลงที่ประทับใจ แต่ใครบ้างจะรู้ว่ามันทำอย่างไร มันยากแค่ไหนกว่ามันจะอยู่ในวิทยุ รายการนี้พาเราย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีเงือนไข มีบุคคลต้นเรื่อง ซึ่งเราต้องแต่งเพลงตามชีวิตของเขาให้เขาเลือกว่าเพลงของใครถูกใจเขา นอกจากนี้ยังมีการจำกัดเรื่องเวลา จำกัดเรื่องเครื่องดนตรีที่ผมไม่คุ้นเคย อย่างโดนโจทย์ทำเพลงอีดีเอ็มแต่ต้องมีกลองยาว ซึ่งมันเป็นสิ่งไม่เข้ากันให้มาแก้ปัญหา มันเลยทำให้เห็นถึงวิธีการแก้ปัญหา ให้เห็นขั้นตอนความสนุกและการผจญภัยตั้งแต่ศูนย์จนเป็นเพลงที่สำเร็จออกมา และไม่ใช่แค่เพลงจบนะ มันเกินกว่านั้น เพราะมันจะต้องมีโชว์ ก็จะเป็นอีกอันที่จะกำหนดการแพ้ชนะ
@ คิดว่าแต่ละค่ายมีอะไรที่เจ๋งกว่าค่ายอื่น
บอย - แต่ละค่ายนั้นมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้มันคือเสน่ห์ นอกจากมันเป็นเสน่ห์แล้วมันยังเป็นปัญหาให้คนตัดสินด้วย พอเพลงมันทำออกมาเสร็จแล้ว มันไม่ใช่ไทป์เดียวกัน มันคนละอารมณ์ บางสัปดาห์มันขึ้นอยู่กับการตีความซึ่งมันเป็นศิลปะคือได้โจทย์เหมือนกัน แค่ค่ายหนึ่งคิดเป็นเพลงสนุก ส่วนอีกค่ายคิดเป็นเพลงซึ้ง สิ่งเหล่านี้คือเสน่ห์ ผมว่าเรื่องนี้มันไม่มีใครแพ้ชนะหรอก ดังนั้นปรัศนีย์จะมีความรักพี่เสียดายน้องทุกสัปดาห์ และแต่ละคนงัดทุกอย่างเพื่อนให้ปรัศนีย์เลือกตัวเอง
โซ่ - คือก่อนมารายการนี้ผมก็ไม่คิดว่าดนตรีมันจะเป็นสงครามได้ พอมาก็พบว่ามันห้ำหั่นกันจริง ซึ่งการตัดสินมันยอมรับได้ มันไม่ใช่การตัดสินแบบแพ้ชนะ แต่มันคือความชอบส่วนตัวล้วนๆ ของคนที่มารายการนั้น
วุฒิ - เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของรายการ คือเมื่อบุคคลต้นเรื่องตัดสินแล้วมันยังไม่จบ เพราะว่าคนทางบ้านก็จะได้ฟังได้ชมทุกเพลง ดังนั้นคนทางบ้านก็จะมีเพลงที่ชอบที่ถูกจริตตัวเองต่างกันไป มันก็เลยไม่มีสิ่งที่ถูกที่สุดและผิดที่สุด
สงกรานต์ - ผมว่ารายการนี้เรื่องแพ้ชนะมันไม่สำคัญหรอก ส่ิงที่สำคัญคือเพลงมันจะส่งต่ออย่างไรมากกว่า ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่เขาคิดกันมาแล้ว
@ เมื่อแต่ละสัปดาห์มีผู้ถูกคัดเลือก เมื่อสิ้นสุดทั้ง13 เทปแล้วจะตัดสินอย่างไรว่าเพลงไหนจะดีที่สุด
บอย - มันไม่มีนะ เพราะมันตัดสินไปแล้วในแต่ละสัปดาห์ คือทั้ง 13 เทป จะมี 13 คนที่มาสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเราก็จะนำเรื่องราวของเขามาสร้างแรงบันดาลใจของแต่ละค่าย จริงๆ มี 4 ค่าย แต่ปรัศนีย์จะเลือกแค่ 2 ทีมมาทำ ถามว่าใครทำเพลงยากสุดผมว่ายากทุกคน เพราะแต่ละคนเป็นระดับประเทศทุกคน ในสายในอาชีพของเขา มันเจ๋งตรงที่เราเคยแค่รับรู้เรื่องผิวเผินของเขา รู้แค่ว่าเขามีชื่อเสียง แต่รายการนี้ทำให้เรารู้จักชีวิตของเขามากขึ้น และในบางครั้งเพลงที่เราแต่งกลายเป็นเพลงที่ให้กำลังใจตัวเองไปด้วย จากแรกๆ ที่ต้องมาแต่งเพลงแข่งกัน แต่งไปแต่งมากลายเป็นว่าชอบเพลงตัวเอง และรู้สึกว่าชีวิตเขาให้พลังกับเรา ผมหวังว่าคนดูเมื่อได้รับรู้เรื่องราวแต่ศูนย์จนเป็นเพลงที่สำเร็จ น่าจะได้สนุกกับขั้นตอนในการทำงาน และได้รัลแรงบันดาลใจ ในชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จคนนั้น ผ่านเพลงที่พวกเราแต่ง ในแต่ละสัปดาห์
และนี่คือสิ่งที่ 4 โปรดิวส์เซอร์หนุ่ม จาก 4 ค่ายเพลงได้มาบอกกล่าวเรื่องราวของรายการ “Melody to Masterpiece สงครามทำเพลง” แฟนๆ สามารถติดตามชมรายการนี้ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 20.15 น.ทาง “ทรูโฟร์ยู ช่อง24” เริ่มตอนแรก 16 กุมภาพันธ์นี้
เรื่อง เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล
ภาพ อนันต์ จันทรสูตร